8
“คุณเริ่มงานวันแรกก็จะรู้เองครับ คุณมาเหนื่อยๆ พักผ่อนเถอะครับ ผมขอตัวนะครับ”
ปิแยร์หมุนตัวเดินออกไปจากห้องของลูกจ้างคนใหม่ของเจ้านายทันที ปล่อยให้แขวลัยยืนเกร็งกับความใหญ่โตของห้อง รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไม้สอยที่เธอคิดว่าไม่มีวันจะได้ใช้
แต่ถึงกระนั้นแขวลัยก็ต้องอยู่ห้องนี้ เพราะเป็นความประสงค์ของผู้ว่าจ้าง ซึ่งเธอเป็นลูกจ้างจึงต้องปฏิบัติตาม คิดได้ดังนั้นแขวลัยจึงนำเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เก็บเรียงใส่ตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ชำระร่างกายและขจัดความเมื่อยล้า จากนั้นก็มาล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มที่เธอหลับสนิททันทีที่หัวถึงหมอน เติมพลังให้กับตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับคนไข้ที่กิตติศัพท์ระบือไกล
วันแรกของการทำงานก็เวียนมาถึง หลังจากวานนี้เธอนอนหลับเป็นตาย กว่าจะรู้สึกตัวก็ค่ำของวันนั้น อาจเป็นเพราะแขวลัยไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน สภาพร่างกายจึงอ่อนล้าเต็มที่ ต้องการพักผ่อนนานกว่าปกติ
แขวลัยเดินเข้ามาในห้องรับแขกหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับเจ้าของบ้านเสร็จ เพื่อรับรู้หน้าที่การทำงานของตนเอง หญิงสาวชาวไทยเลือกที่จะนั่งพับเพียบสวยงามบนพื้นพรมแทนที่จะขยับร่างกายไปนั่งเทียบเท่าผู้ว่าจ้าง การกระทำของเธอนั้นสร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของสถานที่ยิ่งนัก
“ทำไมไม่ขึ้นมานั่งบนนี้มิแชล?” เสียงภาษาอังกฤษดังลอดจากปากของซาบริน่า
“มิแชลเป็นลูกจ้างค่ะ จะตีเสมอเจ้านายไม่ได้ค่ะ คนไทยเขาถือ” แขวลัยตอบเสียงใส รอยยิ้มผุดผาดบนใบหน้าที่สวยงามราวกับนางอัปสรในวรรณคดี
“ขึ้นมานั่งข้างบนเถอะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ใช่ลูกจ้างเหมือนคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ เพราะถ้าฉันคิดว่าเธอเป็นลูกจ้างคงไม่ให้มานั่งทานข้าวบนโต๊ะด้วยกัน”
ปราซิเทียผู้สูงอายุที่สุดในบ้านเอ่ยขึ้น แขวลัยจึงเลื่อนลำตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวนุ่มที่อยู่ใกล้ที่สุดตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง
“จากประวัติที่ญาติของมาเรียส่งมาให้ เธอเป็นผู้ช่วยพยาบาลใช่มั้ย?” ปราทิเซียเริ่มซักประวัติ
“ใช่ค่ะคุณท่าน”
“แสดงว่าไม่ใช่พยาบาลโดยตรง แล้วอย่างนี้จะทำงานได้หรือ?”
“ทำได้ค่ะ เพราะวิชาชีพการเป็นผู้ช่วยพยาบาลก็ต้องถูกฝึกฝนและเรียนรู้ไม่ต่างกับพยาบาลวิชาชีพ และสามารถที่จะเลื่อนขั้นเป็นพยาบาลได้ค่ะ มิแชลมีความรู้ ความสามารถในการดูแลคนไข้ได้ไม่ต่างกับพยาบาลทั่วไปค่ะ”
แขวลัยตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจัง แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงผู้ช่วยพยาบาล ทว่าความสามารถในการดูแลคนไข้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพยาบาลวิชาชีพเลยแม้แต่น้อย
ความพึงพอใจเกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้ว่าจ้างทั้งสามท่าน หลังจากได้ยินคำพูดหนักแน่นและจริงจังของสาวร่างเล็ก โดยเฉพาะปราทิเซียที่ปรามาสแขวลัยไว้ในใจตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก นางคิดว่าพยาบาลคนใหม่คนนี้คงทำหน้าที่นี้ไม่ได้แน่ คงจะเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา แต่ทว่าคำพูดประโยคนี้นางและครอบครัวได้ยินมานักต่อนักแล้ว สุดท้ายก็ไม่มีใครทำได้ตามที่พูดเลยสักคน
งานนี้เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
“ถ้าเป็นอย่างนั้นงานนี้เธอต้องใช้ความพยายาม ความอดทนให้มากกว่างานไหนๆ มันไม่ง่ายเหมือนกับที่เธอดูแลคนไข้คนอื่น เพราะหลานชายฉันเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหแล้วโมโหร้ายด้วย ฉันบอกเธอตรงๆ นะว่า ที่พยาบาลคนก่อนๆ ลาออกไปทั้งๆ ที่ทำงานไม่กี่วันก็เพราะทนฤทธิ์หลานฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้พูดให้เธอกลัวนะ แต่อยากให้เธอรู้ไว้เท่านั้นเอง เผื่อจะได้เตรียมตัวรับมือลูอีส”
ปราทิเซียไม่ได้พูดเพื่อให้แขวลัยเกิดความกลัว นางพูดเพื่อต้องการให้สาวตรงหน้าเตรียมตัวรับมือกับคนไข้ที่ไม่เหมือนใครแล้วไม่มีใครเหมือน เพราะงานนี้คงหนักสำหรับสาวร่างเล็กคนนี้เป็นแน่
“ก่อนที่มิแชลจะมาที่นี่ มิแชลได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้วค่ะ จะบอกว่าไม่รู้สึกกังวลหรือกลัวก็คงไม่ได้ มิแชลคิดว่าที่คุณลูอีสมีอารมณ์เช่นนั้นคงจะเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกของคุณลูอีสค่ะ คนที่เคยตาดี มองเห็นทุกสิ่งอย่างในรัศมีสายตากลับต้องมามองไม่เห็นในระยะเวลาไม่กี่อึดใจ เป็นใครๆ ก็คงทนไม่ได้ค่ะ เราต้องให้เวลากับคุณลูอีสนะคะ แล้วไม่ต้องห่วงนะคะ มิแชลจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ไม่หลีก ไม่ถอยหนี ไม่เลิกล้มที่จะดูแลคุณลูอีสกลางคัน ทำงานให้สมกับที่คุณท่านไว้ใจ เชื่อใจที่จะจ่ายเงินล่วงหน้าให้มิแชลค่ะ”
ไม่มีใครรู้หรอกว่าคนตัวเล็กคนนี้มีน้ำอดน้ำทนมากแค่ไหน อาจเป็นเพราะคนรอบข้างแล้วความเป็นอยู่ของแขวลัยทำให้เธอมีความเข้มแข็ง อดทนกับสิ่งที่เผชิญตรงหน้า ไม่ว่าเจ้าหนี้จะร้ายและโหดมากแค่ไหน เธอยังผ่านมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่มองไม่เห็นเจ้าอารมณ์คนนี้ แขวลัยอาจจะต้องใช้ความอดทน ความเข้มแข็งมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
เป็นอีกครั้งที่แขวลัยทำให้ทั้งสามอึ้งไปกับพูดหนักแน่นนั้น แม้ว่าคำพูดประโยคนี้จะได้ยินมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่สร้างความเชื่อมั่นให้พวกเขาเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย ในความรู้สึกลึกๆ บอกว่า แขวลัยจะเป็นพระจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดของลูอีส
“ถ้าเธอมั่นใจอย่างที่พูดก็เริ่มงานของเธอได้แล้ว ฉันจะให้แอนนาพาเธอไปหาคนไข้ที่ต้องดูแล ส่วนเรื่องที่เธอจะต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน ฉันจะให้แอนนาบอกเธอเอง”
“ค่ะคุณท่าน” แขวลัยรับคำ ก่อนจะตั้งใจฟังคำพูดของซาบริน่ามารดาของลูอีส
“มันก็ไม่มีอะไรมากเหมือนกับที่เธอดูแลคนไข้ทั่วๆ ไปนั่นแหละ ลูอีสจะตื่นประมาณแปดโมงเช้านะ เธอต้องเข้าไปเตรียมของอาบน้ำให้ลูอีสก่อนสิบห้านาที แต่ไม่ต้องห่วงว่าเธอจะต้องอาบน้ำให้เขา ลูอีสจะอาบน้ำเอง ใส่เสื้อผ้าเองเพียงแค่ว่าเธอจัดวางเสื้อผ้าตรงจุดที่กำหนดไว้ก็พอ หลังจากที่ลูอีสอาบน้ำเสร็จเธอก็ไปเอาอาหารเช้ามาให้ลูอีสทาน อาหารเที่ยงกับอาหารเย็นเธอก็ต้องดูแล ตอนค่ำก็จัดเตรียมชุดให้เขาอาบน้ำ พอลูอีสนอนก็หมดเวลาการทำงานของเธอในแต่ละวัน”
ซาบริน่าบอกกิจวัตรที่เธอต้องทำในแต่ละวันให้แขวลัยได้รับรู้ ซึ่งเธอก็คิดว่ามันไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปกับการดูแลคนไข้รายอื่นๆ ที่ผ่านมาของตัวเองเลย มองๆ ดูแล้วมันง่ายกว่าด้วยซ้ำไป แขวลัยยังคิดเล่นๆ ว่า งานง่ายๆ แค่นี้ไม่จำเป็นต้องจ้างพยาบาลมาดูแลก็ได้ ให้คนในบ้านผลัดเปลี่ยนมาดูแลยังจะง่ายเสียกว่า ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก แต่มานึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เรื่องของตนเองที่จะต้องรู้ หน้าที่ของเธอคือดูแลคนไข้เอาแต่ใจเท่านั้น