15
เวลาเกือบแปดนาฬิกาประตูห้องนอนของลูอีสถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของแขวลัยจะเดินเข้ามาในห้องที่นับต่อจากนี้เธอจะต้องเข้านอกออกในทุกวัน พอเข้ามาปรากฏว่าลูอีสยังนอนหลับไม่ตื่นเองเหมือนวานนี้
“คุณลูอีสคะ ตื่นเถอะคะ แปดโมงกว่าแล้วนะคะ คุณลูอีส”
แขวลัยมาหยุดยืนริมเตียง เรียกคนที่กำลังนอนหลับบนเตียงให้ตื่นจากนิทรา แต่ทว่าคนที่หลับลึกไม่คิดจะตื่นขึ้นมาตอนนี้
“คุณลูอีสคะ ตื่นเถอะคะ คุณลูอีส” เธอใช้ฝ่ามือวางบนลำแขนหนา แล้วเขย่าเบาๆ เรียกให้เขาตื่นควบคู่กับเสียง
“คุณลูอีสคะ คุณลูอีส”
คราวนี้เสียงหวานดังมากขึ้น แรงเขย่าลำแขนเพื่อปลุกเขาให้ตื่นก็แรงมากขึ้นด้วย มากจนร่างของเขาโยกไปมา ซึ่งน่าจะตื่นหากทำเช่นนี้
“ทำไมยังไม่ตื่นนะ อะไรจะหลับลึกขนาดนั้น อาละวาดจนเหนื่อยเลยนอนไหลตายหรือเปล่าเนี่ย?”
เธอบ่นพึมพำเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มขี้เซายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แล้วเวลานี้เธอก็คิดไปไกลว่า ที่เขาไม่ตื่นนั้นเป็นเพราะเขาตาย จึงไม่รับรู้ทั้งเสียงและแรงเขย่าร่างของเธอ
นิ้วชี้ของเธอจึงเลื่อนไปอังที่ปลายจมูกโด่งเพื่อดูว่าเขายังมีลำหายใจอยู่หรือไม่ แล้วการที่เธอทำเช่นนี้ ทำให้เธอต้องทรุดนั่งริมเตียงอย่างไม่ตั้งใจ
“ก็ยังหายใจอยู่นี่นา...ว้าย!!” จบคำพูดโล่งใจที่รู้ว่ายังมีความอุ่นร้อนของลมหายใจ แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่อร่างของตนตกอยู่ในอ้อมกอดของคนที่มองไม่เห็นและทำเป็นแกล้งหลับเป็นตาย
“จะตกใจอะไรนักหนาเนี่ย กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นสะดีดสะดิ้งอยู่ได้ เดี๋ยวพ่อจับปล้ำซะหรอก”
เขาพูดขู่สาวร่างนิ่มที่คว้าตัวมากอด สาเหตุที่เขาตวัดร่างงามมาอยู่ในอ้อมกอดได้อย่างแม่นยำราวกับตาเห็นนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย แรงยวบตัวลงของที่นอนทำให้เขารู้จุดว่าเธอนั่งอยู่ตรงจุดใดของที่นอน แล้วช่วงข้อศอกสาวที่เฉียดผ่านแผ่นอกของเขานั้น ก็บอกให้เขาทราบว่าเธออยู่ชิดใกล้เขามากเพียงไร ลูอีสจึงใช้จังหวะเผลอของแขวลัย ค่อยๆ ขยับลำแขนออกห่างลำตัว แล้วตวัดรัดร่างอวบอิ่มในที่สุด
“ปล่อยค่ะ ปล่อย อย่าทำอย่างนี้กับมิแชลเลยนะคะ มิแชลขอร้อง”
เธออ้อนวอนเขาเสียงสั่น มือเล็กก็ยังคงดันอกกว้างไม่หยุด เพราะเวลานี้ร่างกายส่วนบนเธออยู่ด้านบนของร่างหนา
“ไม่ปล่อยมีอะไรมั้ย ตัวเธอนุ่มนิ่มดีจัง โดยเฉพาะนมของเธอ นิ๊มนิ่ม”
เขาที่นอนอยู่บนเตียงพูดเสียงยียวน หน้าตาเจ้าเล่ห์สุดๆ แขวลัยถึงกับหน้าแดงซ่าน ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนร้อนเร่า
“ปล่อยเถอะคะ นะคะ มิแชลขอร้อง” คนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบพยายามอ้อนวอน น้ำตาจวนเจียนจะไหลเต็มแก่
“ก็ได้ ปล่อยก็ได้” อยู่ๆ ชายเอาแต่ใจก็ยอมปล่อยดื้อๆ เพราะเขามีวิธีที่จะทำให้เธอยอมให้เขากอดง่ายๆ เธอรีบดีดตัวมายืนอยู่ปลายเตียงทันทีที่ได้รับอิสระ ยืนตัวสั่นมองร่างหนาที่ลุกขึ้นนั่ง
“เธอยืนอยู่ตรงไหนเนี่ย?” คนมองไม่เห็นเอ่ยถาม
“ยืนอยู่ตรงปลายเตียงค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น
“มายืนใกล้ๆ ฉันหน่อยซิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เขาสั่ง แต่ทว่าคนที่รับคำสั่งไม่ยอมทำตาม ใครล่ะจะกล้าเข้าใกล้ชายอันตรายที่คิดจะล่วงเกินเธออยู่ตลอดเวลา แขวลัยจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบใดๆ
“เธอมายืนใกล้ๆ ฉันหรือยัง?” เขาถามเมื่อไม่มีการตอบรับใดๆ จากแขวลัย
“ยังค่ะ” ความที่โกหกไม่เป็นและโกหกไม่เก่ง ทำให้เธอเลือกที่จะตอบตามความเป็นจริง
“แล้วทำไมไม่มายืนใกล้ๆ ฉันล่ะ หูแตกหรือไง?” เสียงใหญ่ระเบิดความไม่พอใจออกไปดังลั่น ทำให้คนตัวเล็กเสียงเล็กถึงกับตกใจ
“คุณลูอีสมีอะไรก็พูดมาสิคะ มิแชลยืนตรงนี้ก็ได้ยินค่ะ”
แขวลัยยังคงยืนตามความตั้งใจเดิม จะไม่ก้าวเดินไปหาเขาตามที่คำสั่ง
“ก็ได้ เธอยืนตรงนั้นก็ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องเดินมาหาฉันอยู่ดี” เขาพูดอย่างมั่นใจว่า ในที่สุดแขวลัยต้องทำตามคำสั่งของเขาแน่นอน
“คุณลูอีสมีอะไรก็พูดมาสิคะ จะได้ไปอาบน้ำแล้วทานข้าว”
“ฉันพูดแน่ รับรองเลยว่าเธอต้องมาสยบอยู่แทบเท้าฉัน”
เสียงเข้มที่ขับออกมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน น่ากลัวราวกับว่า เธอกำลังยืนอยู่ริมขอบหน้าผา ร่างเย็นยะเยือก หัวใจเต้นระทึก
“เธอขอเบิกเงินล่วงหน้าไปเท่าไหร่?” เขาเริ่มเข้าเรื่อง
“ตามเงินเดือนที่ได้ค่ะ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณสองแสนบาทค่ะ” แขวลัยตอบ ซึ่งคำตอบนั้นเขารู้อยู่แล้ว เพียงแค่ถามเพราะต้องการรู้ว่าเธอโกหกเขาหรือไม่
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง”
“ทางเลือก?” เธอพูดเชิงถาม “ทางเลือกอะไรคะ?”
“ทางเลือกง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าเธออยากจะทำงานที่นี่ต่อไปต้องทำตามกฎของฉันอย่างเคร่งครัด ถ้าละเมิดข้อใดข้อหนึ่งล่ะก็ ฉันจะไล่เธอออก” ลูอีสพูดเสียงหนัก สีหน้าจริงจัง จนทำให้คนที่ยืนฟังอยู่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาราวกับคนกำลังจับไข้ ยิ่งเขาเว้นระยะการพูด เธอยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้น
“ทางเลือกอะไรคะคุณลูอีส?” ถามไปใจสั่นไป ลุ้นระทึกจนแทบหยุดหายใจ
“ทางเลือกของฉันก็คือ ทุกเช้าตอนฉันตื่น เธอจะต้องมาให้ฉันกอดแล้วก็จูบ แต่ถ้าเธอไม่ทำมันก็จะอยู่ในอีกทางเลือกหนึ่งก็คือ เธอจะไม่ได้ทำงานที่นี่ ไม่ได้อยู่ดูแลฉัน ไม่ได้เงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้ เพราะฉันจะไล่เธอออก”
คำพูดของคนที่มองไม่เห็นเรียกความตกใจให้กับแขวลัยไม่น้อย ถ้าต้องการทำงานที่นี่ต่อ เธอต้องให้เขากอดและจูบทุกเช้า มองอีกแง่เขากำลังดูถูกเธอ
โอ้...ไม่นะไม่ เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ แค่เขาจูบเธอเมื่อวานนี้ ความเสียใจก็มากล้นพ้นอกพอแล้ว เสียใจที่เขาไม่ให้เกียรติเธอ เสียใจที่ถูกขโมยจูบแรกไปจากคนที่ไม่รู้จัก เพิ่งเคยพบหน้าครั้งแรกและเป็นจูบของชายที่ตนไม่ได้รัก เสียใจที่เขาเห็นเธอเป็นเพียงผู้หญิงไร้ค่าที่จะคว้าตัวมาทำตามใจปรารถนา
ไม่ยอมเด็ดขาด ยังไงแขวลัยก็ไม่ยอม