Ep.1 แต่งงานการเมือง
การนัดดูตัวถูกกำหนดขึ้น ฉันที่ถูกเรียกมาดูตัวเพื่อผลประโยชน์ของที่บ้าน เมื่อบีน่าลูกสาวบ้านใหญ่ไม่ยอมมาดูตัว หวยมันเลยมาลงที่ฉัน ที่เป็นแค่ลูกภรรยานอกสมรสที่ไม่มีใครรู้ นอกจากคนในบ้านเท่านั้น แค่เปิดนำเรื่องมาก็โคตรซินเดอเรลล่าแล้ว
“สวัสดีพี่เขาสิลูก” บทบาทความเป็นแม่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้รอยยิ้มแสนหวานปานน้ำผึ้ง แต่ปาดรสขมไว้ที่ใจของฉัน
ฉันยกมือไหว้ชายคนข้างหน้า ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอายุ 32 แล้ว มาดนิ่ง ๆ ทำเอาฉันหวั่นใจเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าชอบเขา แต่กลัวว่าเขาจะร้าย
“ผมนึกว่าจะเป็นลูกสาวอีกคน”
แล้วแม่ของฉันก็สวมบทนักขายมือทอง เสนอขายตัวฉันอย่างไม่ลดละ บอกเรียนเก่งบ้างล่ะ ทำงานบ้านได้บ้างล่ะ แต่ทุกการขายมาจบตรงที่...............
“น้องยังไร้เดียงสา ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยผ่านมือชายเลย คุณซันคงต้องสอนน้องหน่อยนะคะ” ประโยคแบบนี้ควรออกจากปากคนเป็นแม่ไหม??
“น้องน่ารักดีครับ ถ้าไม่บอกว่า 22 ผมคงคิดว่าตัวเองต้องพรากผู้เยาว์แน่ ๆ”
นี่คือการตอบแทน 22 ปีที่เลี้ยงฉันมาสินะ แต่งงานแบบไม่ต้องรัก ไม่ต้องแม้แต่ทำความรู้จักกันก่อน เห็นแล้วแต่งเลยมีที่ไหนกัน
“แนะนำตัวหน่อยสิลูก” แรงหยิกที่ต้นขามันแปลว่าฉันต้องทำตามสินะ
“ซีค่ะ อายุ 22 ปี ทุกอย่างตามที่แม่ของฉันแนะนำเลยค่ะ คุณลุง” ฉันกระแทกเสียงคำว่าลุง จนคนที่ฟังเลิกคิ้วสูง
คนตรงหน้าลุกขึ้นพรึบ!!! จนแม่ฉันถึงกับหน้าเหวอ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ
“งานแต่งคุณรุจีจัดการได้เลยนะครับ ค่าใช้จ่ายทางผมจะออกเองทุกบาททุกสตางค์ แล้วเจอกันวันแต่ง นังหนู”
ฉันไม่ใช่นังหนู เห็นแบบนี้ก็ 22 แล้วนะ แถมยังเรียนจบแล้วด้วย หน็อยแน่
การดูตัวจบลงท่ามกลางความดีใจของคนที่บ้านฉัน ที่ตัวเองหลอกคนมายอมลงทุน ให้สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทได้ดำเนินต่อไป ฉันแค่หมากตัวหนึ่งที่ต้องเดินตามที่พวกเขาสั่ง ถ้าแต่งออกจะไม่ต้องทนอยู่ในบ้านที่น่าอาเจียนแบบนี้อีกแล้ว
ฉันยอมทำตามเพราะพ่อขอเอาไว้ ให้ฉันแบกรับบริษัทที่กำลังจะล่ม เพราะหมุนเงินไม่ทัน ไม่ต้องถามว่าทางเราอยากแต่งกับเขาแค่ไหน ตัดชุดเอง เลือกแหวนเอง พิมพ์การ์ดเอง จัดการสถานที่เอง ยังดีที่พรีเวดดิ้งเจ้าบ่าวยอมมาถ่ายด้วย
“ขอบคุณนะคะที่มา”แม่ฉันกล่าวขอบคุณที่เขายอมมา หลังจากที่ปล่อยให้ฝั่งฉันทำแทบทุกอย่าง
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมงานค่อนข้างยุ่ง”
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะ”
“พอแต่งหน้า ดูสวยขึ้นนะครับ ดูโตขึ้น” คนที่พูดหันมามองฉันที่ตอนนี้ ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เหมือนกัน คิดว่าฉันอยากแต่งกับลุงหรือไง
พอถ่ายภาพและวิดีโอเสร็จ เราก็ต่างแยกย้ายกันกลับ ฉันถูกลากให้มาอยู่ที่บ้านใหญ่ เพราะจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าฉันเป็นแค่ลูกนอกสมรส ที่เป็นตัวตายตัวแทนของพี่สาว ที่พอรู้ว่าจะต้องแต่งงานกับคนแก่กว่าถึง 10 ปี ก็หนีไปต่างประเทศเลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นั่งกินข้าวกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง พ่อถามถึงเรื่องการถ่ายพรีเวดดิ้งวันนี้ แต่ไม่ทันจะอ้าปากพูด แม่เลี้ยงใจร้ายของฉันก็สวนขึ้นทันที
“บอกให้ออดอ้อนคุณซันหน่อยก็ไม่ยอม ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ”
“ซี ถ้าแกแต่งกับเขา แกจะสบายไปทั้งชาติเลยนะ” พ่อเสริมขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวจิตใจของฉัน
“คืนวันแต่ง เกร็งเยอะ ๆ อย่าลืมแกล้งเจ็บด้วยล่ะ” แม่เลี้ยงที่แสนดีสอนลูกอย่างฉันอย่างดี พ่อแม่ที่ไหนเขาสอนลูกแบบนี้ ฉันเกลียดที่สุด เกลียดบ้านหลังนี้ อยากจะออกไปให้เร็วที่สุด ฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย
เมื่อมาถึงวันแต่งงาน
งานถูกจัดอย่างใหญ่โต แขกมากมายที่ฉันแทบไม่รู้จัก ไม่รู้จักเลยน่าจะถูกต้องยกมือไหว้คนที่ไม่รู้จักเป็นร้อย ๆ ครั้ง เมื่อไหร่งานใส่หน้ากากนี่จะจบลงสักที ฉันต้องทนยิ้มจนยิ้มไม่ออก งานดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการเข้าหอ พ่อและแม่มาส่งฉันเข้าหอพร้อมอวยพรให้รักกันนาน ๆ จะไปรักกันนาน ๆ ได้ไง ความรักมันยังไม่เริ่มเลย เมื่อทุกคนออกไปจากห้องจนหมด เหลือเพียงฉันและอีตาลุงที่ตอนนี้มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มีมากกว่าที่คิดไว้นะ ซ่อนรูปนะเรา”
“ลามก”
“พูดกับสามีแบบนี้ไม่น่ารักเลย นอนลงดี ๆ อย่าดื้อ ให้คุ้มกับเงินที่เสียไปหน่อย”
จะหนียังไงดี ชุดนี้ก็หนักเป็นบ้า แต่ถ้าไม่หนีต้องตกเป็นเมียโดยสมบูรณ์แบบแน่ ๆ การที่เราจะออกบ้านหลังนี้ได้เราต้องพึ่งเขาสินะ จะทำยังไงให้ผ่านคืนนี้ไป โดยที่เขาพาฉันออกจากบ้านแสนน่าอาเจียนไปด้วย
“พี่ซันขาา” ทำใจดีสู้เสือไปหน่อยละกัน ฉันทำออดอ้อนให้ดูน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ว่า”
ถ้าบอกไม่อยากทำ แผนอาจจะเสียได้ แกล้งป่วยไปก่อนแล้วกัน
“วันนี้รับแขกทั้งวันน้องเหนื่อยจังเลย เรานอนกอดกันไปก่อนได้ไหม ไว้ไปอยู่บ้านพี่เราค่อยเริ่มก็ยังไม่สาย” ฉันแอบมองสายตาของเขา ว่าโอเคกับสิ่งที่ถามไหม
“ฉันก็เหนื่อย ไหนจะต้องมานั่งปั้นยิ้มจนเหงือกแห้ง”
เยส!!! ได้ผล ชุดแต่งงานที่ใส่มันเป็นแบบสานหลัง เลยทำให้ชุดนี้มันอึดอัดจนแทบอ้วก จะให้นอนยังไง จะให้เขาไปนอนโซฟาเขาต้องไม่ยอมแน่
“อาบน้ำให้หน่อยสิ”
“O.O อะ...อาบน้ำเหรอ”
“ตกใจอะไร อาบน้ำให้สามีมันไม่ยากหรอก”
“ทำไมไม่อาบเองละคะ” อีตาบ้ามียางอายบ้างไหม เป็นเด็กรึไงมาให้ฉันอาบน้ำให้
เขามายืนอยู่ข้างหน้าฉันเพื่อให้ฉันถอดชุดวิวาห์ออก ฉันค่อย ๆ ปลดหูกระต่ายสีขาวอย่างช้า ๆ แล้วค่อยจัดการกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สะอาดตา อีตาลุงใส่ชุดนี้แล้วเถียงไม่ออกเลยว่าดูดีสุด ๆ ฉันรู้สึกถึงแรงเบา ๆ ที่กระตุกเชือกที่ด้านหลังของชุดแต่งงาน
“ไม่อึดอัดรึไง ฉันช่วยถอดให้” แววตาเจ้าเล่ห์นี่คืออะไร น่ากลัวเกินไปแล้ว
“พี่จะไม่ทำอะไรฉันคืนนี้ใช่ไหมคะ” จู่ ๆ ความกลัวที่มากมายมันก็เกิดขึ้น จนเผลอถามออกไปโดยไม่ตั้งใจ
“กลัวเหรอ มือสั่นเชียว” เสียงที่ถามเบา ๆ มันยิ่งทำให้ฉันกลัว
“ตอนแรกไม่ ตอนนี้เริ่มกลัวแล้วค่ะ”
“อาบน้ำให้ฉันก่อน แล้วสัญญาว่าคืนนี้จะแค่นอนกอดเฉย ๆ”
ทำไมมีความรู้สึกว่าเขาพูดไม่จริง ทำไมสายตานั้นมันเหมือนโกหก เสื้อของเขาถูกถอดออกวางไว้บนเตียง จนทำให้ฉันเห็นซิกแพคที่เรียงสวย จนเผลอมองไม่วางตา หุ่นดีจัง
“หันหลังมา” ฉันทำตามอย่างว่าง่าย เพราะชุดแต่งงานมันอึดอัดจนแทบอ้วกเลยจริง ๆ
ฉันจับชุดเอาไว้ไม่ให้มันร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น แต่โดนร่างใหญ่ ๆ จับให้หันไปหาเขา เพราะมือที่จับไว้ทั้งสองข้าง เลยทำให้ชุดแต่งงานที่แสนหนักร่วงหล่นลงไปกับพื้น
“ใหญ่จริงไม่ได้ยัดแฮะ”
“พี่ทำอะร้ายยยยย”
“เช็กของไง ว่าใหญ่จริงหรือยัดใน”
ฉันรีบหยิบเอาชุดคลุมอาบน้ำในตู้มาใส่ด้วยความอาย คนคนนี้ทำอะไรได้หน้าตาเฉยมาก น่ากลัวเกินไปแล้ว คืนนี้ฉันจะรอดไหมเนี่ย เริ่มหวั่นใจไม่ดีแล้ว
ฉันโดนอีตาลุงลากเข้ามาในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้ พอเข้ามาให้ห้องน้ำ เขาก็ถอดชุดคลุมอาบน้ำ โชว์ร่างกายที่ล่อนจ้อน ถึงเขาจะหันหลังแล้วเห็นเพียงแค่บั้นท้ายแน่นปักก็เถอะ ยัยซีเธอกำลังมองอะไรกันแน่ เราจะมาแอบมองก้นชาวบ้านไม่ได้ เขาค่อย ๆ หย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำที่ตอนนี้เต็มไปด้วยฟองสบู่ฟูฟ่อง
“เคยจูบไหม”
“ไม่ค่ะ”
“โตมาแบบไหนเนี่ย”
เขาหันหน้ามาคุยกับฉัน เหมือนเรากำลังทำความรู้จักกันแบบผิวเผิน
“อย่าดื้อกับฉัน เพราะฉันไม่ชอบเด็กดื้อนักรู้ไหม” ทำไมต้องพูดใกล้แบบนี้ด้วย ใจไม่ดีเลย ใจสั่นจนจะทะลุออกมาแล้ว
พี่ซันส่งขวดสบู่มาเพื่อให้ฉันถูตัว ฉันเทใส่มือแล้วค่อย ๆ ลูบที่หัวไหล่ แล้วค่อย ๆ ไล่ที่แผ่นหลังเบา ๆ เลือดกำเดาจะไหล ร่างกายผู้ชายมันแน่นแบบนี้เลยเหรอ เคยเห็นแต่ในการ์ตูนของจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง
“ลงมาด้วยกันสิ ถูแบบนี้มันจะสะอาดได้ยังไง”
“ไม่ค่ะ”
“บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ” พี่ซันพูดพร้อมเอาหน้ามาใกล้ ๆ ใกล้จนได้กลิ่นของลมหายใจ
“ขอนะจูบแรกอะ” ฉันรีบเอามือขึ้นมาปิดปากของตัวเองไว้
“ขอให้ฉันรู้จักพี่มากกว่านี้ก่อนนะคะ” ฉันรีบถอยห่างจากคนข้างหน้าที่รุกหนัก ต้องออกจากห้องน้ำ ต้องรีบออกจากห้องนี้ อีตาลุงนั่นเริ่มรุกหนักแบบนี้ คืนนี้ฉันต้องไม่รอดแน่ ฉันขอตัวออกจากห้องน้ำโดยไม่รอคำตอบเลย ฉันมองดอกกุหลาบที่เรียงเป็นรูปหัวใจอยู่บนเตียง แย่ละสิ แบบนี้ต้องเสร็จอีกตาลุงนี่แน่ ๆ
“ไปอาบน้ำ” เสียงของคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ฉันตกใจ
ฉันรีบวิ่งจู๊ดด เข้าห้องน้ำทันที เพราะถ้าอยู่ในห้องน้ำน่าจะปลอดภัย พอเข้ามาในห้องน้ำ เพิ่งจะรู้ว่ามันล็อกไม่ได้ จะอาบน้ำแบบประตูไม่ล็อกแบบนี้เหรอ โอ้ยยยยยยย เป็นการอาบน้ำที่หวาดระแวงที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็ถูกเรียกมานอนบนเตียง จะเชื่อใจได้ไหม พอฉันล้มตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ที่ต้องรับแขกที่มางานแต่งทั้งวัน พี่ซันก็คงเหนื่อยเหมือนกัน คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉันนอนหันหลังให้เขาเพราะกลัวว่าชุดคลุมอาบน้ำที่ใส่มันจะเผยให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น แต่แขนใหญ่กลับเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง
“จะหนีให้ตายยังไงก็ไม่พ้น เลิกดื้อแล้วยอมฉันดี ๆ ดีกว่า อย่าให้ฉันต้องใจร้ายเลย”
จมูกอีตาลุงนี่กำลังหอมต้นคอฉันอยู่รึเปล่า อีตานี่เมื่อไหร่จะหยุดหื่นสักที อยากนอนจะแย่แล้ว ไม่เหนื่อยไม่ง่วงรึไง
“หนูเป็นของพี่ซันอยู่แล้ว แต่พี่ซันต้องให้เวลาหนูทำใจหน่อยสิ ครั้งแรกของหนูเลยนะ”
“ฉันรู้เธอมารยา แต่ที่ทนฟังอยู่ เพราะจะดูว่าเธอจะเอาตัวรอดยังไง” เสียงกระซิบที่ทำเอาฉันพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดจากชายที่ยืนซ้อนหลังของฉันอยู่
ริมฝีปากตอนนี้ที่ซุกไซ้ที่ซอกคอ มือที่ตอนนี้บีบเคล้นที่หน้าอกของฉัน ส่วนมืออีกข้างเลื่อนลงไปลูบเนินสวาทผ่านกางเกงในตัวจิ๋วทั้งกดทั้งขยี้จนตอนนี้ฉันอ่อนระทวยไปหมด ฉันพยายามมองหาของที่จะช่วยฉันได้ ขวดไวน์!!
“ตรงนี้ของเธอมันกำลังเรียกร้องฉันอยู่นะ แฉะเชียว”
“ยอมแล้ว ๆ ฉันขอถอดชุดคลุมออกก่อน”
เขาปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ฉันค่อย ๆ ทำเหมือนจะถอดชุดคลุมออก แต่กลับดีดตัวขึ้นไปหยิบเอาขวดไวน์ตามที่ตั้งใจไว้
“ถ้าคุณเข้ามาฉันตีจริง ๆ นะ” ฉันถือขวดไวน์ด้วยมือที่สั่นระรัว มันยังไม่น่ากลัวพอ เขาอาจจะเข้ามาแย่งได้ ฉันเลยตีขวดนั้นกับตู้หัวเตียง จนแตกเป็นฟันปลา
“เธอไม่กล้าหรอกเด็กน้อย พ่อแม่เธอยังต้องเพิ่งใบบุญฉันอยู่”
ฉันเลยหันปลายขวดที่แตกเข้ามาที่คอของฉัน เพราะถ้าฉันตาย คนที่ถูกหมายหัวคนแรกน่าจะเป็นเขา เขายังคงเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ ฉันเลยดันปลายขวดเข้ามาจนบาดปลายคาง จนเลือดแดง ๆ ไหลออกมาตามคอขาว ๆ ของฉัน
“หึ น่าสนุก คืนนี้ฉันนับถือในความใจกล้า”
“ฉันไม่ได้ขู่นะคะ” นิ้วเรียว ๆ ของเขาบีบเข้าที่แก้มของฉันจนรู้สึกเจ็บ สายตาที่มองมามันช่างน่ากลัว เหมือนเมื่อสักครู่เป็นเพียงแค่การเล่นสนุก
“แต่เธอจะเล่นมุกนี้ทุกวันไม่ได้หรอก คืนนี้ฉันยอมแพ้” เขาคลายมือที่บีบแก้มฉันออก แล้วเดินออกจากห้องไป