เจ้านายพี่เสนอมา... มันอาจจะเหมือนพูดเล่นแต่เขาเอาจริงนะ เขาจะยกหนี้ให้ทั้งหมดถ้าแลกกับการไปนอนกับเขาหนึ่งคืน... ปัญหาของน้องมันสุมกันมากมายน้องก็พอแก้ได้ให้ผ่านพ้นไป แต่ถ้าเอาเรื่องหนี้นายพี่มารวมน้องไม่น่าจะผ่านมันไปได้ เพราะฉะนั้นพี่ว่าน้องควรแก้ปัญหาด้วยทางลัด นายพี่เชื่อใจได้ เขาโสดและหาความสุขสำราญส่วนตัวไปเรื่อย ที่เขาเสนอให้พี่มาบอกตอนที่พี่ไปบอกเรื่องปัญหาหนี้สินที่น้องต้องชดใช้ให้ครอบครัวจนไม่มีเงินไปจ่ายเขา เขาอยากปิดบัญชีหนี้สินให้น้อง มีสองทางนะคือหาเงินมาให้เขาทั้งหมดในอาทิตย์นี้ หรือไม่ก็คืนนี้น้องมาหาพี่ พี่จะเตรียมตัวให้เรารอเจอนายพี่... น้องโชคดีนะ ที่นายใจนักเลงเสนอให้มากขนาดนี้ ถ้าเป็นหนี้คนอื่นคืนเดียว รับรองว่าได้แค่ขัดดอก อย่าคิดว่าข้อเสนอนี้คือการดูถูก น้องคิดดีๆ พี่ว่าน้องอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบนะ...
เอาจริงๆ เธอก็เห็นด้วยกับคนที่มาเจรจาเรื่องหนี้ให้เธอกับเจ้าหนี้นายเงิน... ศลิษาลุกขึ้นยืนมองตัวเองในกระจกเต็มตัว ผู้หญิงหน้าตาดีกว่าคำว่าพอไปวัดไปวาพอสมควร แม้ว่าแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วเธออาจถูกเรียกว่าสวยโดยที่คนเรียกไม่กระดากปาก แต่ตอนนี้เธอกลับมองว่าเธอมีคุณค่าน้อยกว่าที่จะแลกเงินหกหลักในข้ามคืนเดียวด้วยซ้ำ... เหตุผลหลายๆ อย่างและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะเสีย ทำให้เธอยอมตกลงที่จะเอาตัวเข้าแลกกับหนี้ก้อนนี้ เธอเองกำลังจะถูกฟ้องจากหลายที่ อย่างน้อยถ้าทำให้มันลดไปสักที่ ก็น่าจะดีเหมือนกัน...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ศลิษาตื่นตัว มองหันรีหันขวาง แม้ว่าก้าวขาเข้ามาเกินครึ่งหนึ่งของการปลดหนี้แล้ว หากแต่เธอก็ยังสับสนอยู่และยังไม่พร้อม เวลาที่นัดไว้ก็อีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง
ทำไมทุกอย่างจะเกิดขึ้นก่อนเวลานัดล่ะ เธอยังทำใจไม่ได้นะ
ในขณะที่มือบางเริ่มชื้นเหงื่อ และหัวใจเต้นระรัวเร็ว เธอก็ต้องถอนหายใจเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็นพี่มินนี่ หรือ มณีวรรณ คนที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างเธอกับนายใหญ่เจ้าหนี้นายเงินของเธอ...
“นายพี่ให้พี่เอาเอกสารมาให้เรา...” มณีวรรณยื่นเอกสารให้ ส่วนแรกคือใบเรียกเก็บค่าค้างชำระของเธอพร้อมกับดอกเบี้ย อีกหนึ่งใบคือใบยืนยันการชำระ ซึ่งถ้าผ่านคืนนี้ไปโดยที่เธอไม่เปลี่ยนใจไปเสียก่อน หนี้ค้างชำระส่วนหนี้จะเป็นศูนย์ทันที
เพราะว่ารู้จักมณีวรรณตั้งแต่วันแรกที่มาดูบ้านและหลังจากนั้นก็เจอกันมาสามปี ความช่วยเหลือที่ได้รับตั้งแต่แรกและตอนนี้ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเธอคงไม่โดนหลอก
เพราะมณีวรรณก็รู้เรื่องที่เธอจะต้องรับผิดชอบอยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่คะยั้นคะยอเรื่องนี้มากขนาดนี้แน่นอน...
“สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นะน้องษา” มณีวรรณคงเห็นแววตาไหวระริกและกริ่งเกรงของเธอ ก่อนที่เธอจะยินยอมทำสัญญาปลดหนี้ที่ค่อนข้างจะผิดปรกติฉบับนี้มณีวรรณก็บอกปลอบโยนเธอ
เจ้านายพี่ยังหนุ่ม ไม่ได้แก่กลัดมันน่ากลัว เขาไม่มีครอบครัวเลยหาซื้อความสำราญใส่ตัว เขาคงรู้ว่าจะเอาเงินจากเราก็คงเหมือนรีดเลือดกับปู จะยกหนี้ให้ก็ไม่ใช่พ่อพระขนาดนั้น ถือเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนนะน้องษา พี่เอาหัวของพี่รับรองว่าทำลงไปแล้วจะไม่เสียเปล่า...
“ษาไม่รู้ว่าษาทำถูกหรือเปล่านะคะ จากความใจดีเรื่องที่เขายอมโอนบ้านให้ต่ำกว่าราคาขายก็เชื่อได้อยู่ว่าเขาใจนักเลงพอ แต่ษาก็คิดว่าษาน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ แต่มันก็มืดแปดด้านไปหมด”
“ปัญหาของน้องมีเยอะมาก แค่คิดหาทางออกทีละเปลาะยังหมดแรงแล้ว... ถ้าลดปัญหานี้ได้ด้วยสิ่งที่เราแทบไม่ต้องลงทุนอะไรพี่ว่าเราตัดสินใจถูกแล้ว เจ็บแต่จบนะ”
มือที่วางอยู่บนไหล่ของเธอตบลงเบาๆ สองสามครั้งแทนคำปลอบโยน ในขณะที่เธอยังคิดนั่นนี่โน่นในหัวเต็มไปหมด จนถึงวันนี้ตอนนี้แล้ว เธอก็ยังคงครุ่นคิดและตัดสินใจได้ไม่เด็ดขาดเลย...
“พี่ไปแล้วนะ พี่รอทำบัญชีให้นายพรุ่งนี้... หวังว่าจะได้เขียนลงในบัญชีของนายว่าน้องษาได้ชำระหนี้ทุกบาททุกสตางค์ไม่ติดค้างกันอีกนะคะ... เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นแล้วต้องไปเร่งรัดหนี้สินกับลูกค้าหนี้เสียในแบบของนายพี่มันจะโหดร้ายเกินไปสำหรับน้อง... คิดดีๆ นะน้องษา แล้วจะรู้ว่าคิดถูกแล้วที่เลือกเดินหน้า”
คำพูดที่เธอรู้ว่านั่นคือความหวังดี หาใช่คำขู่ ที่ผ่านมาเธอได้รับความปรานีมากพอแล้ว... มันคงถึงเวลาที่จะลบล้างกันแล้วใช่ไหม...
“พี่ไปแล้วนะ” มณีวรรณบอกแล้วก็เดินออกไป...
ศลิษานั่งมองมือตัวเองอีกครั้งแล้วก็ถอนหายใจ... มณีวรรณพูดถูกทุกอย่าง เธอเองก็คิดแบบนี้ถึงได้มานั่งอยู่ที่โรงแรมที่มณีวรรณเตรียมห้องให้สำหรับผู้เป็นเจ้านาย แต่กระนั้นศลิษาก็ยังสับสนอยู่...
แต่ในความสับสนนั้นก็ไม่ทำให้เธอล่าถอย เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าถอยไปก็ไม่ต่างจากก้าวลงเหวแม้แต่สักนิดเดียว