แต่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายจ่ายให้มามากพอแล้ว ถ้าเทียบกับคนร่ำรวยรายอื่นที่มักตจะเอาเปรียบคู่กรณีที่ไร้ภาษีทางสังคม
‘ไม่พอ! ฉันจะใช้เงินของพวกมันไปจนตาย ใครจะทำไม’
‘ใช่! พวกนั้นทำให้พ่อเราตายนะพี่หยา ถ้าพ่ออยู่ป่านนี้เราคงจะสบายกว่านี้แล้ว’
แต่แม่กับน้องไม่คิดแบบนั้น และคงไม่มีความคิดที่จะล้มเลิกมารบกวนคนบ้านนี้แน่ แม้จะรู้ว่าเขาไม่เต็มอกเต็มใจให้มาสักนิด ทั้งสองก็ไม่สนใดๆ เหมือนตอนนี้ที่น้องไม่คิดจะสน ขอให้สบายตัวเองกับแม่ก็เป็นพอ
“ถ้ามีอะไรก็เรียกพยาบาลนะหนูหยา ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบพระคุณค่ะ”
มัสยายกมือไหว้ทั้งด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วเดินตามไปส่งถึงประตูห้อง แถมด้วยยกมือไหว้ลาอีกคำรบ แม้จะปลื้มอกปลื้มใจในความกรุณาของทั้งสอง
แต่ก็ถูกบดบังด้วยความเคลือบแคลงใจกับน้ำคำด่าทอของนวลปรางค์กับลูกสาว ทำให้เธอไม่คิดจะแสดงออกใดๆ นอกจากท่าทีเรียบขรึม สงบเสงี่ยมเท่านั้น
“พี่หยาจะกินอะไรบ้าง ยะจะโทรสั่งอาหารแล้วนะ”
พอหันมาอีกที ก็เห็น ‘อารยะ ศรีสมบูรณ์’ น้องชายวัยยี่สิบปีถือเมนูอาหารที่ราคาแพงแสนแพนรอเรียบร้อยแล้ว แต่พี่ไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้น้องใช้สิทธิ์มากเกินไป
“ไม่ต้องสั่งหรอกยะ เราลงไปกินที่ฟู้ดคอร์ตดีกว่า จะได้ซื้ออะไรมาไว้ให้แม่ตอนตื่นด้วย หรือไม่ยะก็กลับไปกินร้านแถวบ้านเรา คืนนี้เดี๋ยวพี่เฝ้าแม่เอง พรุ่งนี้กับมะรืนวันหยุด”
“ไม่เอา! หมายถึงไม่ไปกินที่อื่นนอกจากสั่งมาบนนี้ ส่วนเรื่องให้พี่หยาเฝ้าแม่เป็นอันตกลง ไว้วันพี่หยาไปทำงานเดี๋ยวยะเฝ้าเอง ว่าไงจะกินอะไรยะจะโทรแล้วนะ”
ด้วยความที่น้องถูกแม่ตามในมาจนเคยตัว พี่เลยสั่งสอนหรือห้ามอะไรไม่ค่อยได้ อีกทั้งเธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะเอ่ยปากอะไรแล้ว เพราะงานผู้ช่วยเลขาที่ยุ่งเหยิงทั้งวัน กับต้องรีบกระหืดกระหอบมาดูแม่เพราะความห่วงอีก
“อยากสั่งอะไรก็ตามใจ เดี๋ยวพี่จะลงไปหาซื้อเสื้อผ้ามาไว้ใช้ก่อน หรือยะจะกลับไปเอาที่บ้านมาให้ดีล่ะ”
“ไม่เอา! ขี้เกียจกลับไปกลับมา พี่หยาซื้อใช้ไปพลางๆ ก่อน พรุ่งนี้จะเอามาให้ทุกอย่างที่อยากได้”
แต่วันรุ่งขึ้นสายโด่งเด่งแล้ว น้องก็ยังไม่เอาอะไรมาให้ตามที่บอกไว้ โทรหาก็ไม่รับสาย เดาได้ว่าน้องคงยังไม่ตื่น ไม่ก็กำลังยุ่งวุ่นวายหาข้าวของอยู่
เลยลงไปซื้อของกินชั้นล่างตอนแม่หลับไปอีกรอบ หลังจากป้อนข้าวต้มให้แล้ว เพราะไม่อยากโทรสั่งอาหารเหมือนน้อง จะได้ไม่มียอดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นให้เจ้าของเงินไม่ชอบใจ
กระนั้น!
ก็ยังถูกสองแม่ลูกสบัดหน้าใส่อยู่ดี เมื่อเจอกันในลิฟต์โดยบังเอิญ ถ้าเป็นเวลาปกติ มัสยามั่นใจว่า นวลปรางค์กับเมธาวีไม่มีทางโดยสายลิฟต์เดียวกันแน่ แต่ครั้งนี้ทั้งสองเดินเข้ามาแล้วมองเธอด้วยท่าทีเหยียดหยามไม่เปลี่ยนแปลง
เรื่องจะยกมือรับไหว้นั้น เธอไม่เคยหวัง เพราะไม่เคยปรากฏให้เห็นเลยนับตั้งแต่แม่กับน้องเรียกร้องค่าสินไหมในชีวิตพ่ออย่างหนัก แต่เธอก็จำต้องไหว้
“คราวนี้ใครสำลักน้ำใกล้ตายอีกล่ะยะ ถึงต้องหอบกันมารบกวนพวกฉันถึงนี่”
มัสยารู้ดีกว่าแม่กับน้องมักจะบึ่งมาโรงพยาบาลทุกครั้งที่เจ็บป่วย ไม่ว่าจะหนักหรือเบา ครั้งสุดท้ายที่จำได้คือแม่กินปลาแล้วก้างติดคอ น้องก็พามาทันที
ครั้งนั้นก็ถูกสองแม่ลูกนี้ค่อนขอดไม่หยุดหย่อน แต่เท่าที่จำได้ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่มารักษาด้วยอาการสำลักน้ำสักที
หญิงสาวเลยไม่ตอบอะไร นอกจากยืนมองตัวเลขในลิฟต์นิ่งๆ ใจก็ภาวนาขอให้มันถึงชั้นล่างเร็วๆ หรือไม่ก็ขอให้มีใครเข้ามาร่วมโดยสารด้วยกันสักคน จะได้ไม่ถูกเหน็บแนมอีก
แต่ดูเหมือนจะไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนอยากก้าวเข้ามา เมื่อเห็นว่าคนใหญ่โตของโรงพยาบาลอยู่ข้างใน แขกโรงพยาบาลก็เหมือนจะหายหน้าไปหมด
“ฉันถามจริงๆ เถอะนะ เมื่อไหร่ริ้นไรอย่างพวกเธอจะพอ จะสูบเลือดพวกฉันไปจนวันตายเลยหรือไง”
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นวลปรางค์กลับกดให้ลิฟต์หยุดกึก แล้วหันมาจ้องมองเธอเหมือนเป็นสิ่งของหรือสัตว์อะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจน่าขยะแขยง เมธาวีก็มีกิริยาไม่ต่างจากแม่นัก
“โธ่คุณแม่! ใครมันจะเลิกล่ะคะ ในเมื่อมันรู้ว่าคุณพ่อมีเลือดให้คอยสูบเป็นโกดังอย่างนี้ เลิกก็โง่สิคะ”
แถมยังเหยียดหยามด้วยถ้อยคำอีกต่างหาก มัสยาอยากจะตอบโต้ แต่คิดอีกทีการกระทำของแม่และน้องก็มีส่วนให้คนทั้งสองว่าหรือแสดงกิริยาแบบนี้ไม่น้อย
ตัวเองเลยต้องกลายเป็นรับศึกทั้งสองด้าน หนึ่งคือแม่กับน้องมักจะบ่นเวลาเธอห้ามไม่ให้มารบกวนคนพวกนี้ และอีกด้านก็กับสองคนตรงหน้าที่จ้องตามาอย่างหาเรื่องไม่ว่างเว้น
“เงียบทำไมล่ะยะ หรือละอายใจจนเถียงไม่ออก งั้นฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะยะ ว่าให้พวกหล่อนช่วยเลิกทำตัวเป็นพวกตัวดูดเงินได้แล้ว และกรุณาไสหัวไปจากชีวิตพวกฉันสักที เพราะเท่าที่พวกแกได้ไปมันก็มากเกินพอแล้ว”
นวลปรางค์กดปุ่มให้ลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปหาลูกสาวแล้วเอ่ย
“ไปกันเถอะยัยแม็ธ อยู่แถวนี้นานๆ แล้วแม่จะอ้วก เหม็นสาบพวกตัวดูดจะตายอยู่แล้ว”
มัสยาได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ แม้ประตูจะลิฟต์จะปิดไปนานแล้ว ก็ยังตั้งสติไม่ได้อยู่ดี เพราะนี่ถือเป็นคำด่าที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มาก จนอยากจะขึ้นไปพาแม่ออกไปรักษาที่อื่นด้วยซ้ำ แต่ก็ทำให้แค่คิด แล้วฝืนเดินไปหาซื้อข้าวปลาอาหารที่มั่นใจว่าคงจะกลืนไม่ลงแน่แล้ว
แต่ก็ควักกระเป๋าซื้ออยู่ดี ด้วยกลัวว่าน้องมาแล้วจะโทรสั่งอีก พอได้ของครบแล้วก็รีบตรงขึ้นห้อง แม่ยังคงหลับเพราะความอ่อนเพลียอยู่ พยาบาลเข้ามาวัดความดันกับวัดไข้ตามปกติ