หัวใจดวงน้อยๆ ก็ยิ่งพองโตขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อใกล้ถึงเวลาเลิกงาน ก็เห็นเขาก้าวเข้ามานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ที่เดิม ปล่อยให้ตัวเองเป็นเป้าสายตาคนทั้งออฟฟิศดังเดิมอย่างไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ ผิดกับมัสยาที่แทบนั่งไม่ติดเก้าอี้
“ไปเถอะหยา! พี่ว่าคุณหมอคงจะพาเดินทางตั้งแต่เย็นนี้ล่ะมั้ง เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ”
จนคนเป็นลูกพี่ไฟเขียวให้เพราะเห็นใจลูกน้อง ที่นั่งเอียงอายอยู่ เลยออกปากอนุญาต นั่นทำให้เขมินท์ท์รีบทิ้งหนังสือพิมพ์แล้วตรงเข้ามาช่วยถือกระเป๋า
กับจูงมือบางเดินออกจากออฟฟิศไปแทบจะทันที สาวๆ ต่างหันไปมองกันแล้วยิ้มด้วยความอิจฉาที่เพื่อนมีหนุ่มหล่อมารับบ่อยครั้ง
“ต้องรีบไปหน่อยจะได้ไม่ถึงมืดมาก” เขาเอ่ยระหว่างอยู่ในลิฟต์
“เราจะไปไหนคะ” มัสยาอดอยากรู้ไม่ได้
“บอกก็ไม่เซอไพรส์สิ ปะ! จะได้รีบออก รถจะได้ไม่ติดมาก” เขาจับร่างเล็กๆ ยัดเข้าไปนั่งเบาะหลังแล้วก็ตามไปติดๆ
“ออกรถได้ประสงค์” เขาสั่งอย่างรวดเร็ว
“ครับผม” คนรถคู่ใจก็รับคำอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน
“ฉันยังไม่ได้เอากระเป๋าที่คุณสั่งให้แพ็กไว้เลยค่ะ” มัสยารีบหันไปบอก
“ประสงค์ไปเอามาให้ตั้งแต่บ่ายแล้ว”
“เข้าไปได้ยังไงคะ...”
มัสยาหยุดพูดไว้แค่นั้น เพราะเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าเขาก๊อปปี้กุญแจบ้านเธอไว้นานแล้ว
“ผมเหนื่อยจังเข้าห้องผ่าตัดมาทั้งบ่าย”
สิ้นคำเขาก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักนุ่มทันที มือบางก็ถูกเขาดึงมาจูบสองสามที ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเพราะความเหนื่อยจริงๆ ทิ้งให้เจ้าของตักนั่งจ้องมองใบหน้าหล่อเหลา
แม้ในยามที่เขาหลับด้วยความอิ่มใจเพียงลำพัง มือข้างที่ไม่ถูกเขากุมไว้อยากจะยกขึ้นไปลูบผมนุ่มของเขาแทบแย่
แต่ไม่กล้ามากพอ เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ มองหน้าเขากับวิวนอกหน้าต่างสลับกันเท่านั้น หูก็แว่วเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขาไปด้วย
เหมือนประสงค์จะรู้ใจเจ้านาย เลยเปิดเพลงแจ้สเบาๆ ให้ แล้วในรถก็ไม่มีเสียงอะไรอีกนอกจากเพลงหวานๆ เท่านั้น
บีเอ็มดับบลิวที่เพิ่งเปลี่ยนจากป้ายแดงเป็นดำเมื่อไม่นาน แล่นเข้าไปจอดในบริเวณบ้านทรงโมเดิร์นริมชายหาดจังหวัดระยอง ใช้เวลายังไม่ถึงสองชั่วโมงดีด้วยซ้ำ
มัสยายังไม่กล้าปลุกคนยังคงหลับสนิทอยู่ เลยเพียงแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้ประสงค์ขนของลงจากกระโปรงหลังรถ ส่งให้หญิงวัยกลางคนร่างอวบที่มายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว
“ถึงแล้วเหรอ!”
แต่จู่ๆ คนหลับก็เอ่ยขึ้น แม้จะยังไม่ลุกขึ้นนั่งก็ตามที
“ค่ะ นี่บ้านใครคะ” แม้พอจะเดาออกแต่ก็อยากถามให้กระจ่างแจ้ง
“บ้านพักตากอากาศของครอบครัวเราน่ะ ไปกันเถอะผมหิวจะแย่แล้ว ป้าเนียมคงทำมื้อเย็นไว้รอเต็มโต๊ะแล้วแน่ๆ”
เขมินท์อยากจะบอกว่าเพราะพ่อเขามาดูบ้านหลังนี้ ถึงได้ขับรถชนพ่อเธอ แต่กลัวอารมณ์เศร้าจะมาขัดขวางเวลาพักร้อน จึงขอปิดปากเอาไว้ก่อน
แล้วผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและออกจากรถอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน แม่บ้านยกมือไหว้เขา แล้วไหว้มัสยาโดยไม่ต้องรอให้แนะนำ จากนั้นก็อวดอ้างเมนูต่างๆ ที่ตระเตรียมไว้แล้ว
พอจัดทุกอย่างให้แล้ว บ้านหลังใหญ่ก็พลันเงียบกริบในพริบตา ประสงค์กับป้าไม่รู้ไปไหนแม้มัสยาพยายามจะมองหาก็ตาม
“เราอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น แล้วเราจะช่วยกันทำอาหารกินตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่บ้านนี้ คุณโอเคมั้ย”
เขมินท์ท์เหมือนจะรู้เลยรีบให้ความกระจ่าง มัสยาไม่ได้มีปัญหาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เลยรีบรับคำทันที
“ค่ะ”
“ผมคิดถึงอาหารฝีมือคุณจะแย่ ป้าเนียมซื้อของมาไว้ในตู้เย็นให้เพียบ อยากทำอะไรคุณจัดการได้เลยนะ”
“ค่ะ”
เลยยิ้มน้อยๆ ด้วยความขำ เมื่อเห็นเขาก้มลงไปสนใจกับอาหารตรงหน้า ไม่บอกก็รู้ว่าคงจะหิวไม่น้อย พออิ่มเธอก็รีบเก็บล้าง
ส่วนเขานั้นมีสายเรียกเข้า ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นพยาบาลโทรมาถามเรื่องเคสนั่นเอง
“ไปข้างบนดีกว่า ท้องอิ่มแล้วเราทำอย่างอื่นกัน”
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เขาก็ตรงเข้ามาหาอุ้มเธอขึ้นพาเดินไปหาบันไดทันที เคราะห์ดีที่งานเก็บล้างเสร็จแล้ว มัสยาเลยไม่กล้าดิ้นหรือกระดุกกระดิก
เพราะกลัวเขาพาตักบันได แถมยังใช้สองแขนคล้องต้นคอเขาไว้แนบแน่น ปล่อยให้เขาอุ้มไปยังห้องนอนกว้างใหญ่ที่แม่บ้านน่าจะเปิดแอร์รอไว้แล้ว
“อาบน้ำก่อนดีกว่านะ”
หญิงสาวรู้ดี คำว่า ‘ก่อน’ ของเขานั้นคืออะไร และด้วยความเป็นสุขใจจึงไม่คิดจะขัดขืน ปล่อยให้เขาอุ้มพาเดินเข้าห้องน้ำ ยืนใต้ฝักบัวแทนการลงอ่านจากุซซี่
ไม่กี่นาทีสองร่างก็เปลือยเปล่าอิงแอบแนบชิด มอบจุมพิตอันหวานล้ำให้กันและกันเรียบร้อยแล้ว
เขมินท์ท์เป็นฝ่ายต้องรีบผละออกจากเรือนกายหอมกรุ่น แล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวพันกายท่อนล่างไว้ ส่วนอีกคนพันทั้งบนและล่าง
แล้วเขาก็อุ้มเธอไปหาเตียง ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบ่าเช็ดผมยาวสลวยที่เปียกน้ำให้จนเกือบแห้ง
“ผมชอบผมคุณจัง ทั้งหอมทั้งนุ่ม”
เขาโยนผ้าขนหนูทิ้งแล้วรวบกลุ่มผมขึ้นมาดอมดมอย่างหลงใหล ตามติดด้วยไซ้จมูกโด่งลงไปหาซอกคอหอมกรุ่น
“ตัวคุณก็หอมด้วย แล้วผมจะอดใจไหวได้ยังไงกัน”
ไม่นานเขาก็ใช้ปากปิดอีกปากด้วยจุมพิตอันแผ่วเบา ค่อยๆ ดันกายสาวให้ทาบแผ่นหลังลงไปหาเตียงหนานุ่ม ดึงปมผ้าขนหนูตรงข้างรักแร้เบาๆ แล้วกายขาวโพนก็ถูกเขาสำรวจด้วยฝ่ามืออุ่นแล้ว
“ปากคุณก็หอมและหวานด้วย”
เขาปล่อยริมฝีปากอิ่มของเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะเอ่ยชมด้วยความเป็นสุขทั้งกายและใจที่ได้ใกล้ชิดเธอ และเขาก็เดาว่าเธอเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้ ไม่งั้นคงไม่เอาแต่ส่งยิ้มหวานๆ มาหาเขาเป็นแน่