“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ?” อิฟราอิมเดินตามมาทัน จึงรั้งแขนไว้ แล้วจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้า แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวออก
“ฉันดูลักษณะเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก
“ไม่เอาน่า! เราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่หรือไง? โกรธกันข้ามวันมันไม่ดีต่อความสัมพันธ์นะ”
“ผู้พันคะ! ฉันคิดว่าคุณจะอินกับบทบาทมากเกินไปหน่อยแล้ว ฉันจะขอบคุณมาก..ถ้าเราจะทำให้สถานที่นี้ปลอดจากยุงที่เกิดมาจากบทละครน้ำเน่าของคุณ! แค่นี้ฉันก็เบื่อจนถึงรังไข่แล้ว…อึ๊!”
หญิงสาวตกใจไม่ทันป้องกันตัว เมื่อเขาดันตัวเธอติดผนัง จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้น แล้วรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ใช้มืออีกข้างปิดปากที่กำลังพร่ำบ่นไม่หยุด
“ผมจะเลี้ยงอาหารที่แพงที่สุดในเมืองนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษดีไหม?” ชายหนุ่มพยายามต่อรอง
พริมโรสได้ยินดังนั้นก็ชะงักขาที่กำลังจะยกตั้งขึ้นเพื่อทำการใหญ่ เขาปล่อยมือที่ปิดปากออก แต่ยังคงจับข้อมือสองข้างรั้งไว้
“ก็..ก็ยุติธรรมดี แต่ไม่ใช่ว่าคนอย่างฉันจะเห็นแก่กิน หรือติดสินบนอะไรได้ง่ายๆ หรอกนะ อย่าเข้าใจผิด! แค่อยากเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินของคนที่นี่ก็แค่นั้น!” อิฟราอิมเบ้ปากเล็กน้อยอย่างไม่แคร์
“จะแถมรายการช้อปปิ้งให้ด้วยก็ได้ ถ้ามันจะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นไปอีก!” เขาพูดอย่างใจป๋า ไม่สนด้วยซ้ำว่าต้องใช้งบเท่าไหร่
“แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ! รีบปล่อยมือฉันสิ!”
“แต่ผมมีเงื่อนไข..” หญิงสาวชะงัก มองเขาอย่างระแวง
“อะไร?”
ใบหน้าคมสันของเขาเข้ามาประชิดติดผิวนวลเนียน ใกล้เสียจนมองเห็นประกายตาเจ้าชู้ที่กำลังเต้นระริกอยู่ในนั้น เขายกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่งอย่างมีเลศนัย จงใจดันตัวเองเข้าแนบชิด พูดข้างหูบอบบาง ลมหายใจและริมฝีปากอุ่นๆ กระทบพาดผ่านผิวเป็นระยะๆ สร้างความรู้สึกวาบหวิวบริเวณนั้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ซึ่งเป็นไปเองตามธรรมชาติ
“แล้วจะบอกทีหลัง อาจจะเป็นเรื่องเดียวกับที่คุณกำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้ก็ได้!” เขาพูดจบ แล้วจุมพิตเบาๆ ไปที่ใบหูทีหนึ่งก่อนที่จะเอนตัวออก ปล่อยข้อมือเรียวบางเป็นอิสระ เดินตรงไปที่ประตู
“ในหัวฉันไม่ได้มีแต่เรื่องหื่นๆ เหมือนคุณหรอกนะ!” หญิงสาวพูดไปด้วยก็เอามือเช็ดหูไปด้วย ราวกับจะลบความวาบหวิวให้หลุดออกไปได้
“นั่นไง! จำเลยรับสารภาพแล้ว! จุ๊ๆ ลามกเหมือนกันนะคุณเนี่ย” เขาหันมาพูดตรงช่องประตู
“คนบ้า! ก็ทำตาแบบนั้น จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง นี่! กลับมาคุยให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ! คุณพูดแบบนี้คิดอะไรอยู่กันแน่?” ชายหนุ่มเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจคนที่เดินแกมวิ่งอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
จากฉากต่อสู้ที่เห็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อน จนถึงบทสนทนาที่ฟาดฟันกันไปมาของคนทั้งคู่ กำลังทำให้สองหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางบันไดอึ้งไปเล็กน้อย อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“นี่นายจอม!” เตวิชเรียกคนข้างๆ เสียงคล้ายคนละเมอ
“หือ?”
“นายเคยเห็นยัยนี่เป็นแบบนี้หรือเปล่า?” เขาถามเพื่อหาพยานช่วยยืนยัน
“ไม่เคย! แม้แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นแบบนี้!” จอมทัพตอบ สายตามองนิ่งไปที่ประตู
“นั่นดิ! พฤติกรรมและคำพูดของยัยนี่ อธิบายตรรกะว่าด้วยเรื่องความย้อนแย้งได้ดีจริงๆ!”
…………………….
“อุ๊ย! ฉันลืมหยิบกล้องมาด้วย!” พริมโรสอุทาน เพราะเพิ่งจะนึกออกหลังจากนั่งรถออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว
“ได้โปรด!..อย่าให้ผมต้องกลับรถไปเอา” เขาแกล้งพูดดักคอ
“ฉันก็ไม่ได้จะให้ทำแบบนั้นนี่ แค่คิดดังไปหน่อย เอาล่ะ! ตอนนี้เราอยู่กันตามลำพังแล้ว มีอะไรจะบอกกับฉันหรือเปล่า?”
“คุณรู้?”
“ฉันรู้แค่ว่าคุณมีแผนจะแยกตัวฉันออกมา แต่ไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังจะทำอะไร”
“ฉลาดแฮะ!”
“ชิ! แผนตื้นๆ ฉันเคยใช้ตั้งแต่เรียนประถมแล้ว!” เขายกยิ้มมุมปากในความยกตนข่มคนอื่นของหญิงสาว
“ก่อนอื่นผมจะพาคุณไปพบกับแม่ของผมก่อน แล้วจะพาไปพบใครอีกคนหนึ่ง”
“เดี๋ยว! ทำไมฉันต้องไปพบคุณแม่คุณด้วยล่ะ?”
“ช่วยแสดงตัวเป็นคู่หมั้นให้ผมหน่อย ไม่อย่างนั้นผมจะถูกจับเข้าพิธีดูตัวในอีกสามวันข้างหน้า!”
“น่าสงสารผู้หญิงในอนาคตของคุณจัง” พริมโรสทำสีหน้าปลงชีวิต
“สงสารตัวเองอยู่หรือไง หวังว่าคงไม่รู้สึกทรมานไปทั้งชีวิตหรอกนะ!”
“การอยู่ใกล้คนกวนประสาทอย่างคุณ เป็นความทรมานอย่างที่สุดแล้วในตอนนี้!” เขาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ
“มุมอบอุ่นผมก็มีนะ แต่กลัวคุณจะเลี่ยนจนอ้วกออกมาเสียก่อน!”
“แค่คิดท้องไส้ก็เริ่มปั่นป่วนแล้ว!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม
“นะ..ช่วยผมหน่อย จะให้ผมทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทน ผมยอมหมด” พริมโรสได้ยินดังนั้น ก็เกิดประกายไฟสว่างวาบขึ้นมาในหัวอย่างเจ้าเล่ห์
“จริงนะ!”
“จริง! ด้วยเกียรติของทหารเลยเอ้า!”
“ตามนั้น! งั้นฉันต้องทำอะไรบ้างบอกมา!”
“อย่างแรกเลย พูดให้น้อยลงหน่อย..”
“นี่! แค่เริ่มต้นก็ยากเกินไปแล้วไหม!” ชายหนุ่มยังพูดไม่จบหญิงสาวก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียก่อน
เขาปรายตามามอง ทำให้เธอสงบปากสงบคำลงทันที กลัวเขาจะเปลี่ยนใจเรื่องข้อตกลงเมื่อครู่
“เรื่องโปรไฟล์ ก็ตามที่เคยแสดงกันไว้จะได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเปลี่ยนชุดใหม่ก่อน ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปพบผู้ใหญ่แบบนี้คงไม่เหมาะ!” พริมโรสแอบกรอกตามองบน เบะปากเล็กน้อยอย่างหมั่นไส้
ชิ! เป็นแค่คู่หมั้นปลอมๆ ยังเจ้ากี้เจ้าการขนาดนี้ ถ้าสมมุติเป็นเรื่องจริง จะทำตัวเผด็จการขนาดไหน!!
“อีกอย่างหนึ่ง ผมต้องบอกคุณให้รู้ตัวไว้ก่อน ผมอาจจะถูกเนื้อต้องตัวคุณบ้างบางครั้ง คุณก็ควรจะแสดงออกถึงความสนิทสนมระหว่างเราออกมาให้เห็นด้วยเหมือนกัน”
“หวังว่าคุณคงไม่ใช้สถานการณ์มาตีเนียนเพื่อเอาเปรียบฉันหรอกนะ!”
“หลงตัวเองมากไปแล้ว! คนหน้าตาดีอย่างผม ถ้าต้องการใครขึ้นมาจริงๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธได้ลงคอหรอก!”
เฮอะ! อย่างฉันเรียกว่าหลงตัวเอง! แล้วคุณล่ะเรียกว่าอะไร??
“คุณจะบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง?” พอได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจึงหันมามอง แต่จุดโฟกัสของเขาดันไปอยู่ที่หน้าอก
“อืม..ไม่นะ จากประสบการณ์ คุณเป็นผู้หญิงทั้งเนื้อทั้งตัวเลยล่ะ!”
“นี่คุณ!” หญิงสาวรู้สึกโมโหด้วยความอาย ที่เขาเอาแต่จับจ้องหน้าอก ทำให้นึกถึงตอนที่ประมือกันเมื่อเช้า ที่เขาพลาดมาจับไว้เต็มกำมือ จึงเงื้อมือขึ้นเตรียมจะฟาดคนหน้าไม่อาย แต่เขาจับไว้เสียก่อน
“หยุดเลยนะ! นี่มันในรถ เดี๋ยวก็ได้ตายหมู่หรอก!” หญิงสาวดึงมือกลับอย่างไม่พอใจ ฟันบนขบริมฝีปากล่างไว้พยายามจะสะกดอารมณ์ สะบัดหน้าหันออกไปมองนอกหน้าต่างด้านข้าง ไม่อยากจะใส่ใจเขาอีก
“ฮาบิบที..ที่รัก..โกรธผมเหรอ?” เขาพยายามยั่วอีก หลังจากเห็นหญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง
พริมโรสเริ่มได้คิด สังเกตอารมณ์ของตัวเองตั้งแต่เริ่มรู้จักเขาครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เขามักจะแกล้งพูดแกล้งทำ เพื่อก่อกวนอารมณ์ของเธอให้ไม่ปกติอยู่บ่อยๆ นั่นอาจเป็นเพราะเขาอ่านเธอออก ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ความคิดคำพูด และการกระทำ ทั้งยังมองเห็นนิสัยเสียที่เป็นคนไม่ยอมใครของเธอนั่นด้วยอีก
ผู้ชายคนนี้ ถ้าเป็นศัตรู..คงจะน่ากลัวมาก!!
วิธีที่จะแก้เผ็ดหรือเอาคืนที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดคือทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตอนนี้ นั่นหมายถึงเธอจะต้องแสดงเป็นสตรีที่อ่อนแอ ต้องการการปกป้องสูง และต้องทำตัวไร้กระดูกสันหลังเอะอะก็ซบ เอะอะก็ดึงเลื้อยลงเตียง คำพูดคำจาต้องหวานจนเลี่ยน อีกทั้งต้องทำตัวให้เซ็กซี่พร้อมยั่วยวนได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เจอแบบนี้เขาคงรีบโดดหนีเข้ากลีบเมฆไปอย่างว่องไวเลยทีเดียว แต่..
หึย!! แค่คิดก็ชวนขนหัวลุกแล้ว! ฉันจะไม่มีวันทำตัวแบบนั้นอย่างเด็ดขาด!!
ถ้าเธอจะรู้ความคิดของเขา นั่นคือสิ่งที่เขาก็ชอบด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงทั่วไป คนคนนั้นต้องพิเศษสำหรับเขาจริงๆ
…
อิฟราอิมเลี้ยวเข้าไปที่จอดรถของห้างสรรพสินค้าชื่อดังระดับเอเชียแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง เขาไม่ได้ไปจอดรวมกับรถคันอื่นทั่วไป แต่เลี้ยวไปอีกทางสำหรับที่จอดรถเฉพาะแขกวีไอพีเท่านั้น พริมโรสแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ทักถามอะไร อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานของเขาก็ได้
ชายหนุ่มพาเดินเข้ามาในร้านแบรนด์หรูระดับไฮเอนท์ร้านหนึ่ง พนักงานรีบวิ่งเข้ามาโค้งคำนับ เขาไม่พูดอะไร เพียงผงกศีรษะให้ แล้วชี้นิ้วมาทางเธอ กระดิกนิ้วจากบนลงล่าง พนักงานพยักหน้ารับ โค้งให้อีกครั้งแล้วรีบเดินห่างไป
คงไม่ใช่ให้เปลี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหรอกนะ!! สไตล์การแต่งตัวของฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ??
พนักงานอีกคนเชิญเธอและเขาเข้าไปที่ห้องด้านใน แล้วผายมือให้เธอเดินตามไปยังห้องเล็กด้านข้าง
“เชิญมิสทางนี้ค่ะ”
ห้องแต่งตัวมีขนาดใหญ่และสว่างมาก การตกแต่งเต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับ สไตลิสต์สามคนยืนรออยู่ด้านในเพื่อดูแลเธอเพียงคนเดียว คนหนึ่งเป็นช่างแต่งหน้า อีกคนเป็นช่างทำผม ส่วนอีกคนก็ยืนถือชุดรอให้เธอตัดสินใจอยู่ พอเห็นเธอเข้ามาทุกคนก็ยิ้มต้อนรับอย่างเต็มที่
หลังจากแต่งหน้าทำผมแล้ว พวกเขาก็พาเธอไปอีกห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนชุดที่สวม นำรองเท้ามาให้ใส่ แล้วพาเธอออกมาส่องกระจกที่ด้านนอก ตรงที่เขานั่งอยู่
อิฟราอิมเงยหน้ามองหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมาทางเขาอย่างตื่นตะลึง เขารู้ว่าเธอสวย แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้ ใช้แค่คำว่าสวยมาบรรยายดูจะไม่เพียงพอเสียแล้ว
ท่วงท่าการเดินบนรองเท้าส้นสูงดูงามสง่านุ่มนวลมีชีวิตชีวา รัศมีการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยนั้น กลับแฝงความยั่วยวนอย่างแปลกประหลาดออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้เขารู้สึกว่าสาวงามที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าเปลือยเปล่าเพื่อยั่วยวน แค่สายตากับรอยยิ้ม และท่วงท่าที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ ก็สามารถทำให้จิตใจคนว้าวุ่นจนสุดจะต้านทานได้แล้ว
หญิงสาวสวมเดรสผ้าลูกไม้สีขาว คอทรงสูงแต่งขอบด้วยลูกไม้บอบบาง แขนยาวทรงโคมไฟ เข้ารูปช่วงเอว แล้วขยายออกเป็นทรงเอไลน์ยาวถึงข้อเท้า ซับในเป็นเกาะอกรูปหัวใจความยาวครึ่งขาอ่อนทำให้หัวใจเขาเต้นระทึก โชว์เท้าเรียวสวยด้วยรองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว สไตล์เซ็กซี่ชูส์
ผมดำสลวยยาวสยายราวกับม่านไหม ยิ่งส่งให้ใบหน้าของหญิงสาวดูคมหวานมีเสน่ห์ลึกล้ำ น่าค้นหาไปทั้งเนื้อทั้งตัวมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีก
พริมโรสไม่ได้มองเขา แต่กำลังจ้องไปที่กระจก หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจตัวเอง ถึงแม้ชุดนี้จะปิดตั้งแต่คอจนถึงข้อเท้า แต่ก็แอบมีความเป็นซีทรูเล็กน้อยทำให้ดูไม่อึดอัด มิหนำซ้ำยังให้อารมณ์บอบบาง น่าทนุถนอม ผสมความเซ็กซี่ด้วยซับในรูปหัวใจที่ยาวเข้ารูปลงมาเพียงแค่ครึ่งขาอ่อน ทำให้ทรงตรงหน้าอกกลมสวยอย่างน่าดู เธอมองตัวเองในกระจกอย่างพึงพอใจ ไม่เคยเห็นตัวเองดูดีแบบนี้มาก่อน
“ก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ!” หญิงสาวชะงักนิดหนึ่ง เหลือบสายตาไปทางเขาอย่างขอความเห็น เธอรู้สึกชอบ แต่ก็คงต้องให้เขาพอใจด้วย
พริมโรสเดินไปยืนตรงหน้า ในขณะที่เขาก็กำลังมองเธออยู่อย่างไม่วางตา ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ดูจากภายนอกอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ว่ายังไงคะ? โอเคไหม? จะให้เปลี่ยนหรือเปล่า?” เขาได้สติ
“เอ่อ..ไม่ต้อง! ดีแล้ว ไปกันเถอะ” เขาลุกขึ้นเดินนำออกไปด้านนอกทันที หญิงสาวแปลกใจที่เขาไม่สบตา แถมยังพูดเหมือนคนใจลอยอีก