ช่วงค่ำของวันก็ถึงเวลาที่ลูกชายตัวแสบต้องเข้านอนเสียที หลังจากที่ชวนพ่อกับแม่เล่นด้วยกันทั้งวัน แต่เด็กน้อยกลับดื้อตาใสไม่ยอมนอนท่าเดียว บอกว่าตัวเองไม่ง่วง ในขณะที่เปลือกตากำลังจะปิดอยู่รอมร่อ
“นอนได้แล้วนะครับลูก”
มาริษาลูบหัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบา ๆ ในขณะจ้องมองใบหน้าของพบรักด้วยความรักสุดหัวใจ ชีวิตเธอหากไม่มีพบรักคงไม่มีความหมาย
“ไม่ง่วงคับมามี้ พี่รัก ไม่ง่วง” ปฏิเสธมารดาเสียงแข็งแต่ดวงตาทั้งสองข้างจะปิดอยู่แล้ว
“โอเค ไม่ง่วงก็ไม่ง่วง ฟังนิทานอีกเรื่องดีไหม เอาเรื่องไหนดี”
หญิงสาวโอนอ่อนผ่อนตาม เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี จึงเอานิทานมาล่อเพื่อให้พบรักหลับ เด็กน้อยพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยแต่มีข้อแม้ว่า
“พี่รักอยากให้ปาป๊าเล่าให้ฟัง ปาป๊าไม่เล่านิทานให้พี่รักมานานแล้ว” เนื่องจากช่วงนี้บิดาไม่ค่อยว่างทำให้กลับบ้านหลังจากที่ลูกชายหลับตลอด เด็กน้อยจึงอยากให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟัง ใบหน้าเล็กเศร้าลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา
“แต่ปาป๊ากำลังติดธุระอยู่ครับ พี่รักเบื่อที่จะฟังเสียงมามี้แล้วเหรอ น้อยใจจัง” คุณแม่ลูกหนึ่งแสร้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจที่ลูกชายสนใจแต่คุณพ่อ เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นจึงไม่รอช้าที่จะง้องอนตามประสาเด็ก
“โอ๋ ๆ ไม่ใช่คับ พี่รักกลัวมามี้เหนื่อย”
ลูกชายขี้อ้อนสร้างรอยยิ้มให้คนเป็นแม่ได้ มาริษาพยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถแต่ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้จึงหลุดเสียงหัวเราะออกมา พบรักจึงหัวเราะตามด้วยความขบขัน เสียงดังลั่นห้องนอนเล็ก ๆ ของตนเอง
ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังง้องอนกันอย่างน่ารักอยู่สองคนบนเตียง อาชิวาระที่คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยก็เดินมาตามภรรยาเพื่อให้ไปทำหน้าที่กล่อมผัวต่อ หลังจากกล่อมลูกเข้านอนเสร็จ แต่ผิดคาดเมื่อเขาเดินเข้ามาแล้วเห็นลูกชายตัวแสบกำลังเอาหัวไปถู ๆ ไถ บริเวณอกอวบของมารดาอย่างออดอ้อน พร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะคิกคัก
“อ้าวทำไมยังไม่นอนอีกครับลูก” ชายหนุ่มตั้งคำถามพร้อมกับก้าวมายืนอยู่ข้างเตียง
“ตัวแสบบอกไม่ง่วงค่ะ แต่ตาปรือจนจะปิดอยู่แล้ว มามี้จะเล่านิทานให้ฟังก็ไม่เอา อยากฟังปาป๊าเล่าน่าน้อยใจจริง ๆ เลย พอปาป๊าว่างก็เรียกหาแต่ปาป๊า”
มาริษาทำเป็นงอนลูกชายอีกครั้ง ดูสิอชิระจะง้อตนเองอย่างไร และเป็นไปตามคาดเด็กน้อยที่รักแม่มาก ๆ รีบลุกขึ้นจูบไปทั่วใบหน้าของมารดาทันที ก่อนจะตบท้ายที่ริมฝีปากแล้วซบลงบนอกอวบพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ สร้างความเอ็นดูแก่พ่อแม่ไม่น้อย
อชิวาระเห็นพฤติกรรมของลูกชายก็อดมันเขี้ยวไม่ได้ จึงคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเด็กอ้วนมาฟัด ทำให้ห้องนอนของอชิระเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสองพ่อลูก
จากนั้นไม่นานหนูน้อยตัวแสบก็ค่อย ๆ หลับสนิทหลังจากฟังนิทานที่บิดาเป็นคนอ่าน ไม่ใช่แค่ลูกชายแต่ฝ่ายภรรยาก็หลับปุ๋ยเช่นกัน
“เธอจะหลับแบบนี้ไม่ได้นะมาริษา” หมาป่าหิวโซยิ้มร้ายตรงมุมปาก เมื่อเห็นความเย้ายวนของเมียสาว ก่อนจะเดินลงจากเตียงเบา ๆ แล้วช้อนตัวมาริษาขึ้นมาในอ้อมแขนแกร่งของตนเอง
“อุ๊ย พี่คริส อุ้มริทำไมคะ ทำไมไม่ปลุก”
“ฉันจะพาเธอกลับห้อง ไปทำหน้าที่ของตัวเอง”
“หน้าที่?”
“หน้าที่ เมียบนเตียงไง อย่าลืมสิมาริษา”
“พี่คริส”
ชายหนุ่มล็อกประตูห้องเรียบร้อย ก็รีบกลับมาหาภรรยาของตนเอง ที่กำลังนอนอยู่กึ่งกลางเตียงด้วยหัวใจเต้นรัว แม้จะรู้ดีว่าเขาเห็นเธอเป็นแค่ที่ระบายก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ยิ่งได้เห็นมัดกล้ามตรงหน้าท้องแกร่ง ร่างกายของเธอก็ยิ่งสั่นไหว โดยเฉพาะใจกลางความเป็นหญิงที่เต้นตุบ ๆ รอคอยการเติมเต็มจากท่อนเอ็นลำใหญ่อย่างใจจดใจจ่อ
“อยากให้จูบตรงไหนก่อนดี” เขากระซิบถามเสียงพร่าหลังจากดึงชุดนอนของภรรยาทิ้งลงข้างเตียง ในขณะที่มือกำลังป้วนเปี้ยนไปทั่วร่างของเธอราวกับไม่รู้ว่า ต้องจับตรงไหนดี
มือร้อนของคนเป็นสามีสร้างความเสียวให้คนเป็นภรรยาได้เป็นอย่างดี น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาจึงเต็มไปด้วยความกระเส่า แววตาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งราคะ สามีว่าอย่างไรเธอก็ว่าอย่างนั้น
“ตรงไหนก็ได้ค่ะ แล้วแต่พี่คริส”
“หึ ตามใจผัวแบบนี้สิดี ผัวชอบ”
“อื้อ พี่คริสขา อื้อ อย่ากัดแรง”
มาริษาครางไม่เป็นศัพท์ เมื่อยอดอกอวบและมีขนาดใหญ่ โดนคนหื่นครอบครองด้วยปาก ชายหนุ่มทั้งกัด ทั้งดูด ทั้งขย้ำ ราวกับคนหิวโซ ก่อนจะค่อย ๆ จูบลงมาเรื่อย ๆ จนถึงใจกลางความเป็นหญิงที่มี
น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากความต้องการในเรื่องอย่างว่า
อชิวาระไม่รอช้าจับขาทั้งสองข้างของภรรยาแล้วเบะออกกว้าง ๆ ก่อนจะยิ้มด้วยความพึงพอใจที่เมียสาวพรั่งพรูความพร้อมโดยที่เขาไม่ต้องเล้าโลมให้เสียเวลา
ปากหยักจึงจูบลงกลางโหนกนูนอย่างไม่รังเกียจท่ามกลางความทรมานของมาริษา ที่กำลังจิกเล็บลงผ้าปูที่นอนเพื่อปลดปล่อยความเสียว เธอเกือบจะลืมหายใจทุกครั้งที่ได้เห็นหัวทุยของสามีซุกอยู่ตรงหว่างขาของตนเอง
“อ่าส์ พี่คริสขา ริไม่ไหวแล้ว”
“ฉันก็ไม่ไหวแล้ว” สิ้นเสียงแหบพร่าของคนตัวโต ใจกลางความเป็นหญิงของมาริษาก็ถูกเติมเต็มด้วยท่อนเอ็นลำใหญ่ ที่เข้า ๆ ออก ๆ ราวกับกระบอกสูบ