หลังจากที่หมออนุญาตให้กลับมาพักผ่อนที่บ้านแล้ว ไป๋เฟิ่งจื่อได้พาสองพี่น้องมาพักที่ร้านเสื้อผ้าของเธอซึ่งที่นี่มีหวังกุ้ยตานอยู่ด้วย เธอจึงสามารถให้สองพี่น้องกินอยู่ที่นี่ด้วยได้
“ นี่เป็นห้องนอนของเธอทั้งสองคนนะ เลือกกันเอาว่าจะอยู่ห้องไหน “
“ พี่สาวให้เราอยู่คนละห้องจริงหรอคะ “ เหวินหนวน
“ จริงสิ “ เธอเอ่ยบอกแล้วยิ้มให้ก่อนจะมาตรวจงานที่คนงานทั้งสามตัดเย็บเสื้อผ้าเอาไว้ เพราะอีกสองวันก็จะถึงเวลาที่ร้านจะเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งในบ่ายวันนี้นายช่างจะนำป้ายชื่อร้านมาติดให้ เธอตั้งชื่อร้านนี้ว่า ห้องเสื้อเฟิ่งจื่อ
เสื้อผ้าบางส่วนที่ตัดเย็บเสร็จสินแล้ว เธอนำไปสวมลงบนหุ่นไม้ที่สั่งทำมาเพื่อตั้งโชว์ในร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหยุดยืนมองเสื้อผ้าของร้านอย่างสนใจ
” มีร้านเสื้อผ้ามาเปิดใหม่ล่ะ เธอดูสิ ชุดนั้นสวยจริงๆ “
“ ชุดที่โชว์นั่น เหมาะกับฉันมากจริงๆ “ สองสาวที่เดินมาหยุดมองนั้นเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของเมืองนี้ ที่ถูกจัดเวรให้เดินตรวจตรารอบๆบริเวณ ต่างก็ชื่นชอบเสื้อผ้าที่โชว์อยู่บนหุ้นไม้ทั้งสิ้น
“ นี่เราลองเข้าไปถามดูไหม “
“ เอาสิ “ ทั้งสองมาเคาะกระจกที่ร้าน ไป๋เฟิ่งจื่อจึงได้เปิดประตูออกไปพูดคุยด้วย
“ ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าร้านนี้จะเปิดเมื่อไหร่คะ ชุดนั้นสวยมากจริงๆค่ะ “ หญิงสาวรีบเอ่ยบอกทันที
“ ห้องเสื้อเฟิ่งจื่อจะเปิดวันที่สองนี้ค่ะ เชิญพี่สาวทั้งสองมาเลือกชมเสื้อผ้าที่ตัดเย็บของเราได้เลยค่ะ “
“ ดีจัง วันที่สองเราหยุดงานพอดี ไว้พี่จะมาอุดหนุนนะจ้ะ “
“ ได้เลยค่ะ “ หลังจากที่สองวาวเดินจากไปแล้ว เธอจึงคิดได้ว่าควรจะปิดป้ายบอกวันที่เปิดร้านให้ชัดเจนดีกว่า เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานในร้านและเรื่องเอกสารของสองพี่น้องบ้านเหวินจนลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเธอก็จัดการเขียนป้ายติดหน้าประตูเอาไว้อย่างชัดเจน ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาก็รับรู้แล้วว่าห้องเสื้อเฟิ่งจื่อจะเปิดในอีกสองวันนี้แล้ว …
ส่วนสองพี่น้องที่เลือกห้องของตนเองได้แล้วก็ออกมาช่วยงานเล็กๆน้อยๆในร้าน โดยไม่เข้าไปวุ่นวายในส่วนของการตัดเย็บแต่ช่วยพับและเก็บเศษผ้าที่ตัดทิ้งแล้วบนพื้นจนเกลี้ยง
“ เสี่ยวอี๋เอาน้ำมาให้พี่ๆดื่มหน่อย “ เหวินหนวนเอ่ยบอกน้องสาวของตนเองที่กำลังยืนรออยู่
“ ค่ะ “ เหวินอี๋ยกกาน้ำและแก้วเข้ามาให้พี่ๆทั้งสามที่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งก็ได้รับคำขอบคุณและรอยยิ้มเอ็นดูกลับมาด้วย
“ ขอบใจมากจ้ะ “ ช่างอินเอ่ยบอกแล้วรับแก้วน้ำไปดื่ม ก่อนจะคืนแก้วเปล่ามาให้เด็กหญิง
“ พวกพี่ทำงานมาทั้งวันแล้วพักเหนื่อยยืดเส้นกันบ้างเถอะค่ะ ไม่ต้องเร่งรีบมากนักหรอกค่ะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอก เพราะตอนนี้ในโกดังห้องเก็บของนั้นอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าที่พร้อมจำหน่ายแล้ว
“ พี่สาวจื่อ หิวไหมคะ “ เหวินหนวนเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เธอกำลังทำอาหารในครัวด้านหลังร้านอยู่ ซึ่งเป็นอาหารง่ายๆที่พอจะทำได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น
“ พวกเธอกินก่อนได้เลยจ้ะพี่สาวมีนัด “ เธอเอ่ยบอกพร้อมขยิบตาให้เด็กๆด้วย
“ คิกๆ พี่สาวมีคนรักล่ะ “ เหวินอี๋เอ่ยบอกกับพี่สาวของตนเองแล้วแอบกระซิบกันอยู่สองคน
“ พอๆไม่ต้องมาแซวพี่เลย เสี่ยวเหวินมานี่หน่อย พรุ่งนี้เธอต้องไปเรียนกับน้อง พี่ติดต่อโรงเรียนเอาไว้ให้แล้ว เพราะฉะนั้นต้องตัั้งใจเรียนนะรู้ไหม “
“ เรียนหรอคะ แต่ว่าฉัน “
“ การเรียนรู้ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกจ้ะ ต่อให้เธออายุ 30 ก็ยังไปเรียนได้ ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น เข้าใจไหม “
“ ค่ะ “ เหวินหนวนตอบรับคำ ในใจยังคุ่นคิดไม่จบ
“ ใช่จ้ะเสี่ยวหนวนไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น เธอจำไว้แค่ว่า พี่สาวของเธอทำงานหนักเพื่อส่งให้เธอกับน้องเรียนก็พอ “ ช่างอินเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติทั้งสองพี่น้อง
“ ค่ะฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่สาวจื่อ “ เหวินหนวนเอ่ยบอกอย่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอ
“ ต่อไปก็เรียกพี่ว่าพี่ใหญ่ก็แล้วกัน ส่วนเธอก็เป็นพี่รอง เสี่ยวอี๋เป็นน้องเล็ก เอาล่ะพี่ต้องไปแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอกก่อนจะฝากฝังหวังกุ้ยตานให้ช่วยดูแลเด็กทั้งสองด้วยในระหว่างที่เธอไม่อยู่
“ ไม่ต้องห่วงจ้ะ “ หวังกุ้ยตาน
ไป๋เฟิ่งจื่อนำอาหารที่มีในมิติออกมาเตรียมเอาไว้แล้ว และกำลังนำอาหารไปส่งให้คนรักของเธอ แต่โชคไม่ดีที่เธอดันมาได้ยินคำพูดของครอบครัวเขาเสียก่อน
“ไม่ได้ ยังไงแม่ก็ไม่ยอมให้แกแต่งแม่คนนั้นเข้ามาเด็ดขาด “ คุณนายหลี่เอ่ยอย่างไม่พอใจที่ลูกชายคนเล็กจะคว้าเอาสาวชาวบ้านมาเป็นภรรยา
“ ผมยังยืนยันคำเดิมครับ ถ้าไม่ใช่จื่อเอ๋อ ผมก็ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น “ หลี่ซื่อหมิงยืนกราน
“ อาหมิงนายคิดดีๆนะ เธอคนนั้นไม่สามารถช่วยเหลือหน้าที่การงานของนายได้เลย ไม่เหมือนกับ เสิ่นอี้หนิง หล่อนเป็นลูกสาวนายพลเสิ่น ที่มีอำนาจ …” ไม่ทันที่พี่ชายของเขาจะพูดจบหลี่ซื่อหมิงก็โต้แย้งออกมาอย่างไม่พอใจ
“ พี่ใหญ่ก็แต่งกับหล่อนสิครับ หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่ซะ “
“ นี่แก … “ หลี่หมิงชุนได้แต่ชี้หน้าน้องชายอย่างไม่พอใจ
“ ได้ ถ้าแกยังดึงดันจะแต่งกับแม่นั่น งั้นก็จำไว้ว่าแกไม่ใช่คุณชายเล็กตระกูลหลี่ แกเป็นแค่หมอหลี่ธรรมดาเท่านั้น ลองดูว่าถ้าแม่นั่นรู้ว่าแกมีแต่ตัว ยังจะแต่งงานกับแกไหม “ คุณนายหลี่เอ่ยอย่างดูแคลน ก่อนจะดึงแขนลูกชายคนโตขึ้นรถที่จอดอยู่กลับปักกิ่งไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเธอไม่เชื่อว่า ถ้าลูกชายคนเล็กมีแต่ตัวแล้วผู้หญิงคนนั้นยังจะแต่งงานด้วย ไม่มีหญิงสาวคนไหนอยากแต่งกับผู้ชายที่มีแต่ตัวหรอกนะ