หลังจากที่จัดการเรื่องของร้านค้าที่ซื่อมาจนเสร็จสิ้นแล้วเธอได้ถามเรื่องที่จะซื้อชั้นวางของในร้านกับชายหนุ่มมาด้วย และตอนนี้เธอก็กำลังเดินไปที่ร้านตามที่เขาบอกเมื่อครู่นี้
ซึ่งร้านนี้เต็มไปด้วยเฟอนิเจอร์ที่เธอต้องการพอดี คาดว่าน่าจะเป็นร้านเดียวกับที่เธอสั่งเฟอนิเจอร์เข้าบ้านของตนเองที่หมู่บ้านหลวนชุนด้วย
“ ฉันต้องการชั้นวางแบบนี้ค่ะ แต่ว่าเป็นแบบ สามชั้นนะคะ แล้วก็แบบสองชั้นด้วยค่ะ อย่างละ สิบตัวค่ะ ใช้เวลากี่วันคะ ” เธอเอ่ยถามเจ้าของร้านที่ยืนจดรายการที่เธอสั่งอยู่ที่หน้าร้าน
“ 5 วัน มารับของได้เลย หรือว่าจะให้ทางเราไปส่งก็ได้ มีค่าบริการเล็กน้อย ” ชายอ้วนพุงพลุ้ยเอ่ยบอก
“ ส่งที่ร้านค่ะ อีก 5 วันฉันจะมาเปิดร้านค่ะ ” เธอเอ่ยตอบเขาก่อนจะจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่งแล้วเดินกลับไปซื้อบะหมี่เนื้อที่ร้านเดิมไปฝากสองพี่น้องบ้านเหวินด้วย
ไป๋เฟิ่งจื่อกลับมาถึงหมู่บ้านในช่วง 4 โมงเย็น เธอหาที่ลับตาคนและนำอาหารสดออกมาใส่ถุงแล้วเดินถือเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านเห็นว่าเธอเพิ่งจะเข้าเมืองไปซื้ออาหารสดพวกนี้กลับมา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ชาวบ้านจะหยุดทำงานในแปลงนาพอดี
“ คุณหนูไป๋คนนั้นกลับมาแล้วล่ะ หล่อนถือข้าวของมาเต็มมือเชียว ฉันเห็นหล่อนซื้อเนื้อมาชิ้นใหญ่มากทีเดียว ” ชาวบ้านที่นั่งพักเหนื่อยที่ใต้ต้นไม้เอ่ยพูดคุยกันหลังจากที่ไป๋เฟิ่งจื่อเดินผ่านหน้าพวกหล่อนไป
“ ไม่รู้ว่าบ้านไหนจะโชคดี ที่ได้หล่อนไปเป็นสะใภ้ ” นางจงซื่อเอ่ยขึ้นมาพลางแสดงสีหน้าท่าทางเสียดายอย่างหนักหนา ทั้งที่ในจิตใจนั้นเต็มไปด้วยความริษยาที่เห็นว่าหญิงสาวสวมเสื้อผ้าใหม่สวยงามราคาแพง อีกทั้งยังมีเงินจับจ่ายซื้อของเข้าบ้านมามากมาย
เช่นเดียวกับบ้านซู นางซูซื่อได้แต่จ้องมองหญิงสาวเดินผ่านหน้าตนเองไปโดยไม่ได้รับความสนใจจากอีกฝ่ายก็ได้แต่นั่งกัดฟันเงียบๆ เพราะสามีสั่งห้ามไม่ให้ไปวุ่นวานกับหล่อนเด็ดขาดไม่อย่างนั้นเขาจะหย่าหล่อนทันที
ไป๋เฟิ่งจื่อกลับมาถึงบ้านก็จัดการกวาดบ้านและทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมเอาที่นอนในมิติออกมาปูเอาไว้ให้เด็กๆที่จะมาค้างคืนด้วย ผ้าห่มนวมอย่างดีลวดลายน่ารักถูกวางเอาไว้เช่นกัน
จากนั้นเธอก็เข้าครัวไปจัดการกับบะหมี่เนื้อที่ซื้อมา เตรียมอาหารเย็นเอาไว้รอสองพี่น้องที่เธอคาดว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงแล้ว และก็เป็นเช่นที่เธอคาดการณ์เอาไว้
“ พี่สาวจื่อพวกเรามาแล้วค่ะ ” เหวินอี๋เอ่ยบอกทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน ส่วนเหวินหนวนนั้นมองสำรวจรอบๆบริเวณกำแพงอิฐอย่างสนใจ ก่อนจะเอ่ยถามในเรื่องที่ตนเองที่อยากรู้
“ กำแพงนี่แข็งแรงมากไหมคะพี่สาว ”
“ แน่นอนว่าแข็งแรงมากที่สุด ” ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอก ก่อนจะเรียกให้ทั้งสองมานั่งกินบะหมี่เนื้อด้วยกัน
“ ว้าว บะหมี่เนื้อ ” เหวินอี๋ร้องออกมาอย่างดีใจ
“ มาเถอะรีบกินก่อนที่มันจะเย็นซะก่อน ” ทั้งสามต่างกินบะหมี่เนื้อด้วยกันจนอิ่ม และนั่งเล่นพูดคุยกันไม่นานก็บอกให้เด็กทั้งสองไปอาบน้ำมาเตรียมเข้านอน เพราะตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วนาฬิกาที่ข้อมือของเธอบอกเวลา ทุ่มตรง
“ ไปอาบน้ำเถอะจ้ะ เดี๋ยวเราจะเข้านอนกันแล้ว ”
“ ค่ะ พี่ใหญ่ไปอาบน้ำกัน” เหวินอี๋เอ่ยชวนพี่สาวของตัวเองก่อนจะจูงมือกันเดินออกไปแต่ถูกไป่เฟิ่งจื่อเรียกเอาไว้เสียก่อน
“ จะไปไหนกัน เด็กๆ ”
“ กลับไปอาบน้ำค่ะ ”
“ อาบที่บ้านของพี่นี่แหละ เสื้อผ้าของพวกเธอพี่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว ” เธอเอ่ยบอกก่อนจะจูงมือเด็กทั้งสองเข้ามาที่ห้องน้ำในบ้านของตนเองซึ่งต่างจากห้องน้ำที่ทั้งสองเคยเห็นนั่นเพราะว่าเธอใช้เครื่องสุขภัณฑ์จากในมิติที่มาจากยุคใหม่ และสะดวกสบายมากขึ้น จะขาดก็แค่ ไฟฟ้าที่ยังมาไม่ถึงหมู่บ้านเท่านั้น
“ขวดนี้ใช้สระผมนะจ้ะเด็กๆ ส่วนขวดนี้เอาไว้ถูตัวนะ ” เธอเอ่ยบอกก่อนจะช่วยเหวินอี๋อาบน้ำสระผม เพราะผมที่ยาวถึงกลางหลังทำให้การสระผมของเด็กน้อยค่อนข้างจะลำบาก
หลังจากที่ช่วยสองพี่น้องอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วเธอให้ทั้งสองออกไปแต่งตัวข้างนอก จากนั้นจึงช่วยกันเช็ดผมให้แห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งก็ทำเอาเหนื่อยไม่น้อยเลย
“ เอาล่ะ นอนกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว ” เธอเอ่ยบอก ก่อนจะเอนตัวลงนอนโดยที่สองพี่น้องยังยืนจ้องหน้ากันนิ่ง เพราะที่นอนและผ้าห่มที่วางเอาไว้นั้นมันใหม่เอี่ยมและหอมสะอาดอย่างมากจนพวกเธอกลัวว่าจะทำให้มันสกปรกเอาได้
“ อ่าว มัวยืนกันอยู่ทำไมล่ะ มานอนสิ ที่นอนนี่เป็นของพวกเธอสองคนจ้ะ มาเถอะ ” ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอกพร้อมทั้งยื่นมือมาหาสองพี่น้องแล้วออกแรงดึงให้ลงมานอนข้างๆตนเอง
“พี่ใหญ่ที่นอนนี่นุ่มจัง หอมด้วยล่ะฉันชอบที่นี่จัง ” เหวินอี๋กระซิบบอกกับพี่สาวของตนเองเบาๆ เพราะกลัวว่าจะส่งเสียงรบกวนการนอนของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ซึ่งเหวินหนวนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน