ตอนที่ 2 มาเอาของคืน (2)

1790 คำ
หลังจากนั่งชั่งใจอยู่นานจนฝนเริ่มลงเม็ด สายน้ำจึงค่อยๆขยับกายไปที่ร่างไร้สตินั้นอีกครั้ง แล้วแนบใบหน้าลงบนอกกว้างด้านซ้ายเพื่อจับการเคลื่อนไหวของหัวใจ “หัวใจยังเต้นอยู่นี่” ใบหน้าหวานผละออกจากร่างสูงแล้วหันมาส่งเสียงเรียกสติของเขาให้กลับมาในทันที “คุณคะ คุณ คุณ ฟื้นสิคะ คุณ” ต่อให้เอ่ยเรียกเจ้าของร่างนั้นเสียงดังแค่ไหน เขาก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิด หญิงสาวจึงตัดสินใจวางมือทั้งสองข้างลงบนอกกว้างนั้นเพื่อทำการปั๊มหัวใจ สลับกับการเรียกให้เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาเป็นระยะ “คุณ คุณคะ ได้ยินฉันไหม คุณ!” หลังจากพยายามอยู่พักใหญ่ เมื่อไม่มีวี่แววว่าชายหนุ่มปริศนาตรงหน้าจะฟื้นคืนสติ หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้มือบีบจมูกของเขาเอาไว้เพื่อจะก้มลงผายปอดให้ “เอาว่ะ ถือซะว่าช่วยชีวิตคน ไม่ถือเป็นเฟิร์สคิส” ดวงหน้าหวานค่อยๆโน้มกายลงไปใกล้ใบหน้าซีดเซียวช้าๆ แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากเล็กจะแตะโดนปากของเขา ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ก่อนหน้าก็เปิดขึ้นมาเสียก่อน สายน้ำจึงละสายตาจากริมฝีปากบางของเขาจ้องมองไปที่นัยน์ตาคู่นั้นแทน แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นสีแดงเพลิงจนดูน่ากลัว “กรี๊ด!” ร่างเล็กผละออกจากร่างสูงที่เพิ่งฟื้นคืนสติไปนั่งนิ่งอยู่ตรงหินก้อนใหญ่ใกล้ๆกัน เพื่อจะดูให้แน่ใจอีกครั้งว่าเมื่อครู่เธอไม่ได้ตาฝาดไป “แค่กๆๆ” ร่างตรงหน้าสำลักน้ำที่กลืนลงไปออกมา จากนั้นจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองมายังร่างของเธอซึ่งกำลังนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นสายตาของเขาอีกครั้ง หญิงสาวจึงพบว่าดวงตาคู่นั้นเป็นสีอำพันปกติไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนที่เธอเห็นก่อนหน้าไม่ สายน้ำจึงค่อยๆเข้าไปประคองร่างนั้นเอาไว้เมื่อเห็นว่าเขาพยายามพยุงกายของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เจ็บตรงไหนไหม เลือดคุณไหลไม่หยุดเลย” ร่างเล็กเอ่ยถาม โดยไม่รู้ตัวเลยว่าบางอย่างในตัวเธอกำลังปลุกให้ความกระหายของเขาตื่นขึ้นมาด้วย ชายหนุ่มปริศนากัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ขย้ำหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า จนเผลอร้องลั่นออกมาเสียงดัง กลิ่นของผู้หญิงคนนี้ทำให้สัญชาติญาณบางอย่างที่เขาแอบซ่อนไว้กำลังจะแสดงออกมาอีกครั้งหลังจากที่เคยมีอาการมานานหลายสิบปี “อ้าก!” “คุณ...เจ็บแผลเหรอคะ” คนที่ไม่รู้เรื่องเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง “여기가 어디예요 ยอคีคา ออดีเยโย (ที่นี่ที่ไหน)...” ร่างสูงมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน สายน้ำจึงพยายามเข้าไปใกล้แล้วเอียงคอเอ่ยถามอีกครั้ง “คุณว่าอะไรนะคะ ฉันฟังไม่ค่อยถนัด” ยิ่งหญิงสาวขยับเข้ามาใกล้เท่าไหร่ เลือดในกายก็ยิ่งสูบฉีดมากขึ้นจนชายหนุ่มรีบถอยห่าง เขายกมือขึ้นมาจับกุมขมับตัวเองไว้ราวกับจะห้ามไม่ให้ความเจ็บปวดพุ่งปรี้ดขึ้นมา ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่จะยิ่งทวีคูนขึ้น แต่ความตื่นเต้นดีใจนั้นมีมากกว่า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานของอีกคนเต็มตา “ซองอึนนา...” “คะ อะไรนะคะ” คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เอ่ยถามพลางขยับกายถอยห่างด้วยท่าทีหวาดระแวงเมื่อเห็นบุรุษแปลกหน้าเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับใบหน้าของเธอไว้อย่างรวดเร็ว “คุณเป็นอะไรเนี่ย ปล่อยฉันก่อนค่ะ คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะคะ” “ซองอึนนา...” ดวงตาคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนมีแววแห่งความหวังขึ้นมาเต็มปรี่ เขาปาดเลือดที่ไหลปรกใบหน้าออกลวกๆแล้วสวมกอดร่างเล็กนั้นไว้แน่นอยู่ในอ้อมกอด จนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรถึงกับหน้าเหวอด้วยความตกใจที่ถูกผู้ชายแปลกหน้ากอดเสียดื้อๆ “คุณทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะคะ” สายน้ำพยายามดิ้นหนีแต่ก็ทำได้แค่ขยับกายขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น น่าแปลกที่เขาลอยน้ำมาติดเกาะแต่ร่างกายกลับไม่อ่อนแรงลงเลยสักนิด “ซองอึนนา...” ชายหนุ่มแปลกหน้ายังคงพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆอยู่ในลำคอ “อึนๆอะไร ฉันชื่อสายน้ำ ไม่ใช่อึนๆอะไรของคุณเสียหน่อย” ดูท่าทางเขาคงจะเสียสติหรือว่าสมองคงได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้ไปเสียแล้ว ถึงมาเรียกเธอเป็นคนอื่นแบบนี้ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังนิ่งเงียบ สายน้ำจึงตัดสินใจตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อให้ใครสักคนที่ผ่านมาแถวนี้ได้ยิน “ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!” เหมือนสติที่หลุดหายไปเมื่อครู่จะกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงของร่างในอ้อมกอด บุรุษแปลกหน้าจึงยอมผละออกจากร่างนั้นแต่โดยดีพร้อมกับความเจ็บปวดตรงศีรษะที่เล่นงานเขาอีกครั้งอย่างไม่ปราณี หากมันเป็นความเจ็บปวดจากบาดแผลเขาก็ย่อมจะทนกับมันได้ แต่นี่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะร่างกายของเขากำลังมีปฏิกิริยาบางอย่างกับหญิงสาวตรงหน้า “อ้าก!...กรรซ์” เสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดตามมาด้วยเสียงคำรามแปลกๆคล้ายสัตว์ใหญ่ทำให้ร่างบางถึงกับถอยกรูด เมื่อเห็นเขากำลังก้มหน้าอยู่ตรงโขดหิน ความกลัวเริ่มครอบงำจิตใจแต่สองเท้ากลับไม่ปราณีให้เธอได้มีเรี่ยวแรงวิ่งหนี ดวงตาสองข้างเริ่มมีน้ำตาไหลรื้นออกมา สายน้ำนั่งนิ่งตรงที่เดิม กัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่นจนรู้สึกถึงรสอ่อนๆของเลือดตัวเอง เพื่อกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมาเสียงดังจนร่างที่อยู่ข้างหน้าได้ยิน มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น ตัวสั่นเป็นลูกนกด้วยความหวาดกลัว สายฝนเม็ดเล็กๆเริ่มสาดเทลงมา สังเกตุเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าก้มลงหลับตาพริ้มกัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ตัวเองจะล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นอีกครั้งราวกับอ่อนแรง สายน้ำตั้งสติได้จึงรีบหยิบกล่องใส่เหยื่อปลาของตัวเองแล้ววิ่งหนีจากไปทันที เปรี้ยง! เสียงสายฟ้าฟาดลงที่ใดที่หนึ่งคล้ายว่าพายุฝนกำลังใกล้เข้ามา ทำให้สองเท้าชะงักค้างกลางอากาศกันกลับไปมองที่ร่างของชายหนุ่มอีกครั้งทันทีด้วยความสับสน เสียงที่เธอได้ยินจากเขาเมื่อครู่อาจจะเป็นเสียงคลื่นเสียงลมหรือเธออาจจะหูฝาดไปเองก็ได้ แล้วอีกอย่างหากเธอใจไม้ไส้ระกำทิ้งเขาไว้แบบนี้ถ้าเกิดฝนตกขึ้นมาเขาคงต้องถูกพายุซัดไปอีกเป็นแน่ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง สมองจึงสั่งสองเท้าให้เดินเข้าไปหาร่างสูงตรงหน้าอีกครั้ง แต่ด้วยความรีบเร่งจึงไม่ได้ทันระวัง ทำให้เท้าตกลงไปในหลุมเล็กๆซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างโขดหิน ล้มลงบนร่างนั้นอย่างจัง “กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อใบหน้าคะมำลงบนอกกว้างของชายหนุ่มปริศนา ในตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงจะหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเป็นแน่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าเขาแค่ปรือตามองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยเท่านั้น หาได้แสดงท่าทีเจ็บปวดเหมือนตอนแรกไม่ ยิ่งได้มองใบหน้าของเขาใกล้ๆอีกครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์ โครงหน้าที่งดงามราวกับเทพบุตรถึงแม้จะมีเลือดไหลลงมาปรกใบหน้าก็ไม่ได้ทำให้ความงามของเขาลดน้อยลงเลยสักนิด แต่สิ่งที่ดูแปลกตาก็คงจะเป็นเส่นเลือดสีแดงเข้มที่โผล่ขึ้นมาที่ลำคอหนาของเขา “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ถึงแม้จะเอ่ยถามเขากลับไปเป็นภาษาไทยแต่ร่างสูงตรงหน้ากลับส่ายหน้าเบาๆเหมือนจะเข้าใจ ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจเหมือนหญิงสาวเลยสักนิด “แต่ที่คอคุณ...” “...” เขาส่ายหน้าเป็นคำตอบอีกครั้งก่อนจะผลักร่างเล็กบนตัวให้ออกห่าง จากนั้นจึงขยับกายลุกขึ้นนั่งปาดเลือดที่ไหลปรกใบหน้าออกลวกๆ เป็นจังหวะเดียวกันที่ฝนเริ่มลงเม็ดมาพอดี เขาจึงใช้โอกาสที่สายน้ำเงยหน้าแหงนขึ้นมองท้องฟ้าค่อยๆลูบไล้ไปตามลำคอหนาของตัวเองก่อนที่เส้นเลือดสีแดงที่ปูดโปนออกมาก่อนหน้าจะค่อยๆอันตรธานหายไป ลมพายุเริ่มพัดเข้าฝั่งเป็นระยะ ทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าเขากำลังยกมือหนาขึ้นแตะที่ต้นแขนเล็กของเธอ เกิดเป็นประกายแสงสีเดียวกับน้ำทะเลขึ้นรอบๆกาย สายน้ำรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งพร้อมกับความจำที่ได้เห็นและได้ยินสิ่งแปลกตาบนตัวเขาก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ความจำที่เห็นว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ถูกพายุซัดมาติดเกาะแห่งนี้เท่านั้น “ฝนตกแล้ว เรารีบกลับบ้านกันก่อนเถอะ มาเดี๋ยวฉันช่วย” สายน้ำเสนอขึ้นเมื่อสติกลับคืนมา ไม่รอให้อีกคนคัดค้านหรือทักท้วงใดๆ ร่างเล็กจึงรีบสอดตัวเข้าไปใต้วงแขนของเขาแล้วออกแรงพาร่างนั้นเดินกลับบ้านไปอย่างทุลักทุเล เพราะอีกมือต้องถือคันเบ็ดและข้องกลับมาด้วย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าร่างใหญ่ที่เธอประคองกลับมาบ้านกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างพอใจที่สามารถสะกดให้หญิงสาวลืมสิ่งที่เห็นไปก่อนหน้าได้จนหมดสิ้น ถึงแม้ว่าเขาจะสูญเสียพลังไปอีกเล็กน้อยก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม