บทที่ 3 ย้อนอดีต

1671 คำ
ณ หมู่บ้าน โจวเทียน ช่วงยุค 70 “นี่ฉันย้อนอดีตมาแล้วเหรอนี่” มรกตเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัยหลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้น และมองไปรอบ ๆ ห้องที่ไม่คุ้นตา เธอได้พยายามลุกขึ้นหากระจกเพื่อที่จะได้ดูใบหน้าของตัวเอง เมื่อสำรวจรูปร่างหน้าตาของตัวเองเรียบร้อย จึงเดินกลับมานั่งที่เตียง จากนั้นเธอได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับมีเสียงเรียกเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่ซินซิน พี่ฟื้นแล้ว” ห่าวหรวนเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ พี่สาวของเขาป่วยไข้มาหลายวัน และยังสลบไปอีกสามวันเต็ม ๆ เมื่อเขาเห็นพี่สาวฟื้นขึ้นมาจึงทำให้เขาดีใจมาก “พี่ซินซินเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือยัง พี่รอหน่อยนะ เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้พี่กินรองท้องก่อนนะ จะได้กินยา” พูดจบเขาก็รีบออกไปทันที โดยไม่รอฟังคำตอบจากเธอ “อ้าว ไปเสียแล้ว” มรกตพูดขึ้นยิ้ม ๆ และคิดในใจว่าเด็กคนนี้น่ารักเหมือนกันนะ แต่ว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครกันล่ะ “โอ้ย! ปวดหัวจังเลย” อยู่ ๆ มรกตก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมากะทันหัน เธอยกมือขึ้นกุมหัวของตัวเองแล้วล้มตัวนอนลง พร้อมกับภาพความทรงจำต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามาในหัว จากความทรงจำที่ได้รับมา เจ้าของร่างนี้แซ่จาง ชื่อเย่วซิน อายุสิบเจ็ดปี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้ นิสัยของเย่วซินค่อนข้างเป็นคนเรียบร้อย เป็นคนไม่ค่อยพูด ยิ่งกับคนแปลกหน้า หรือคนที่เธอไม่ค่อยสนิทด้วยแล้วแทบจะไม่คุยเลย ยิ่งมาเสียพ่อกับแม่ไปทำให้เธอกลายมาเป็นคนเงียบขรึมยิ่งกว่าเดิม เย่วซินเป็นลูกคนที่สอง มีพี่ชายชื่อ ห่าวอู๋ อายุยี่สิบห้าปี ยังไม่แต่งงาน เธอยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนชื่อ ห่าวหรวน อายุสิบเอ็ดปี กำลังเรียนอยู่ ครอบครัวนี้อยู่ด้วยกันสามคนพี่น้อง เพราะพ่อและแม่ได้เสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว หลังจากมรกตได้รับความทรงจำต่าง ๆ จึงได้รู้ว่าร่างนี้ทางครอบครัวได้เลี้ยงดูมาอย่างดี เธอได้เรียนจนจบมัธยมต้น พี่ชายห่าวอู๋เรียนจบมัธยมปลาย หลังจากเรียนจบได้เข้าทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ แต่ด้วยเพราะสูญเสียพ่อและแม่ ด้วยความเป็นห่วงน้องทั้งสองคน คนหนึ่งก็เป็นผู้หญิง อีกคนก็ยังเล็ก จึงได้ลาออกจากโรงงาน เพื่อมาทำงานในกองพล แม้จะต้องทำงานตากแดด และงานนี้จะไม่มีหน้ามีตาเหมือนทำงานในโรงงานก็ตาม แต่เขาก็ยินดีกลับมาเพื่อจะได้ดูแลน้องทั้งสองคน ทว่าดีหน่อยที่ตอนลาออกจากงานมานั้น เขามีเงินเก็บในช่วงที่ทำงานในโรงงานมาก้อนหนึ่งและเงินเก็บสะสมของพ่อกับแม่ที่ทิ้งไว้ให้ ทำให้สามคนพี่น้องใช้ชีวิตในชนบทไม่ลำบากมากนัก แถมมีเงินส่งให้น้องชายคนเล็กได้เข้าเรียนอีกด้วย สำหรับตัวของเย่วซินนั้นเธอไม่สบายป่วยไข้มาสามวันแล้ว และเธอไม่ยอมบอกพี่ชายกับน้องชาย กลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วงจึงได้แต่ฝืนตัวเอง จนอาการหนักทำให้เธอสลบและจากไปในที่สุด สุดท้ายมรกตจึงได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน เมื่อเธอได้รับความทรงจำต่าง ๆ มาแล้ว ได้เดินเข้ามาห้องในครัว เมื่อเห็นจางห่าวหรวน น้องชายตัวเองกำลัง ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่หน้าเตาไฟ เธอจึงถามออกไป “ห่าวหรวนน้องมีอะไรให้พี่ช่วยไหม” “ไม่เป็นไรครับผมทำได้ ทำไมพี่ไม่นอนต่อ ออกมาทำไมครับ ” ห่าวหรวนพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง “พี่นอนมาหลายวัน เบื่อจะนอนแล้วล่ะ” เธอพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาน้องชาย “มาเถอะพี่ช่วยทำดีกว่า แล้วนี่พี่ใหญ่ล่ะ ไม่กลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านเหรอวันนี้” เธออาสาเข้ามาช่วยและถามถึงพี่ชายคนโต เพราะปกติพี่ชายเธอต้องกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน “เที่ยงนี้พี่ใหญ่ไม่ได้กลับมา เห็นว่างานที่นาเร่ง ผมเลยเอาอาหารไปให้พี่ใหญ่แล้วครับ” ห่าวหรวนตอบกลับก่อนจะเอ่ยถามย้ำอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจว่าพี่สาวหายป่วยแล้วจริง ๆ หรือไม่ “พี่รองแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ผมเป็นห่วง” “อืม พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว มาเถอะพี่ทำอะไรให้กินเองดีกว่า เราไปรอที่โต๊ะอาหารได้เลย” เย่วซินบอกให้น้องชายไปรอที่โต๊ะอาหาร เพื่อที่เธอจะได้หยิบของในมิติมาใช้ได้สะดวก หากว่าห่าวหรวนอยู่ในครัวด้วยกัน เธอจะไม่สามารถหยิบอะไรออกมาจากมิติได้ จากนั้นจึงเดินสำรวจดูในครัวว่าพอจะมีอะไรมาทำอาหารได้บ้าง เธอมองไปเห็นข้าว ธัญพืช เครื่องปรุงบางชนิด แต่ก็มีไม่กี่อย่าง ของกินของใช้ในบ้านน่าจะใกล้หมดแล้ว เธอเห็นว่ามีเนื้อหมูอยู่ จึงตัดสินใจจะทำข้าวต้มทรงเครื่อง เป็นอาหารง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากด้วย เธอได้หยิบเอาผงปรุงรสออกมาจากมิติ มาเพิ่มรสชาติในข้าวต้มหม้อนี้ เธอทำข้าวต้มทรงเครื่องไว้หนึ่งหม้อ เมื่อทำเสร็จแล้วจึงได้เรียกน้องชายให้มาเตรียมถ้วยชาม และจะได้กินข้าวด้วยกัน “ห่าวหรวน น้องมาเอาถ้วยชาม ไปไว้ที่โต๊หน่อย พี่จะได้ยกหม้อข้าวต้มไป” “ครับพี่” เด็กน้อยรับคำพี่สาวพร้อมกับเดินเข้าไปในครัวเพื่อที่จะได้หยิบถ้วยชามตามที่พี่สาวบอก หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ห่าวหรวนจึงได้เอายาต้มมาให้เธอกิน หลังจากที่กินข้าวและกินยาที่แสนจะขมจนอยากตายอีกรอบหมด เย่วซินก็ออกมาเดินดูรอบ ๆ บ้าน พื้นที่บ้านนี้มีพื้นที่โดยรวมสองหมู่ มีแปลงผักเล็ก ๆ อยู่หลังบ้าน มีเล้าไก่อยู่ใกล้ ๆ กับแปลงผัก ในเล้าไก่มีแม่ไก่อยู่สองตัว ส่วนตัวบ้านเป็นบ้านปูนหลังคาปูด้วยกระเบื้อง มีสี่ห้องนอน ถือว่าบ้านหลังนี้แข็งแรงพอสมควร เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นพี่ใหญ่ห่าวอู๋เลิกงาน แล้วกลับมาที่บ้าน เห็นน้องสาวคนเดียวของบ้านกำลังพูดคุยกับน้องชายคนเล็ก ห่าวอู๋เห็นเช่นนี้ก็ดีใจที่น้องสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว “ซินซิน น้องฟื้นแล้ว” ห่าวอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ พี่ ฉันหายแล้ว พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เธอพูดพร้อมยิ้มให้กับพี่ชายของเธอ ในความทรงจำของเย่วซิน พี่ใหญ่นั้นรักน้องทั้งสองคนมาก ยิ่งมาเสียพ่อกับแม่ไป ห่าวอู๋ต้องทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ดูแลน้อง ๆ แทนพ่อแม่มาตั้งแต่นั้น จนเวลาผ่านมาสองปีที่พ่อแม่จากไป ห่าวอู๋ก็ยังไม่แต่งงาน เพราะกลัวว่า ถ้าแต่งมาแล้วได้คนไม่ดี กลัวจะเธอคนนั้นมาทำร้ายน้อง ๆ ของเขา จึงเลือกที่จะอยู่เป็นโสด “วันนี้ทำงานเหนื่อยไหมคะ” เย่วซินถามพี่ชายพร้อมส่งน้ำให้ดื่ม “ไม่เหนื่อยหรอก ที่พี่ไม่กลับบ้านตอนพักเพราะต้องเร่งเก็บผลผลิต เลยให้ห่าวหรวนเอาข้าวไปให้ที่แปลงนา” ห่าวอู๋ตอบน้องสาวพร้อมกับรับแก้วน้ำมาดื่ม “อย่างนั้นฉันไปทำอาหารก่อนนะ พี่ดื่มน้ำเสร็จก็ไปอาบน้ำเสีย จะได้มากินข้าวกัน” เธอบอกกับพี่ชาย พร้อมกับเดินไปทำกับข้าว ห่าวอู๋มองตามหลังน้องสาวไป คิดในใจว่าน้องสาวของเขายิ้มเก่งขึ้น พูดเยอะขึ้น และดูสดใสขึ้น หลังจากที่หายป่วย แต่ก็ดีแล้ว เขาชอบที่เย่วซินเป็นแบบนี้ น้องสาวเขาสวยและน่ารัก ควรที่จะสดใสแบบนี้แหละดีแล้ว เมื่อร่างของเย่วซินเดินจนลับตาไป ห่าวอู๋ก็ได้เอ่ยเรียกห่าวหรวน ชวนกันไปอาบน้ำ หลังจากกินข้าวเสร็จ เย่วซินได้เก็บถ้วยจานไปล้างพร้อมกับเก็บห้องครัว จากนั้นสามพี่น้องได้แยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง เย่วซินได้เข้ามาในห้องนอน เธอกำลังจะล้มตัวลงนอน เธอก็นึกขึ้นได้ เพราะคำพูดของคุณตาคนนั้นก่อนจะไปได้บอกว่ามีของบางอย่างให้เธอเพิ่มเติม ซึ่งมันอยู่ในมิติของเธอ เธอจึงหลับตานึกถึงมิติ เธอก็ได้เห็นสิ่งของที่อยู่ข้างใน ที่เธอไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นมันอีก นั่นก็คือ ร้านอาหารพร้อมทั้งโรงงานเครื่องสำอาง และโกดังของเธอนั่นเอง เธอแทบจะร้องกรี๊ด ที่สำคัญคือของที่อยู่ในร้านอาหาร เธอลองหยิบออกมา ทว่าเธอก็ยังเห็นมีสิ่งของชิ้นนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งมันเป็นจริงเหมือนดั่งที่คุณตาคนนั้นบอกเธอทุกอย่าง “ขอบคุณมากนะคะคุณตา ที่มอบสิ่งเหล่านี้ให้ ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ” เธอได้เอ่ยขอบคุณ คุณตาคนนั้น ด้วยอาการดีใจเป็นที่สุด หลังจากเธอสำรวจทุกอย่างในนั้นแล้วจึงล้มตัวนอน แล้วหลับไปในที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม