สิ้นคำพูดของดอนโลเรนซา ก็เกิดเสียงด่าขรม บ้างก็ตะโกนออกมาไม่เชื่อว่าลูฟร์จะทำอัปยศด้วยการข่มขืนลูกสาวของมาเฟียด้วยกันเอง
“บ้าฉิบ! ไอ้โลเรนซาใส่ไคล้ดอนชัดๆ”
มาค์โก้สบถด้วยความโกรธจัด หมุนตัวก้าวเดินเร็วๆ เป็นวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อตามเจ้านายของตนเองให้มาแก้ไขสถานการณ์การถูกป้ายความผิดครั้งใหญ่
ดอนโลเรนซามองตามมาค์โก้ที่กำลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ซึ่งแน่นอนว่ามาค์โก้ต้องทำตัวเป็นม้าเร็วไปรายงานให้เจ้านายของมันทราบ เมื่อหมากทุกตัวกำลังเดินตามแผนที่เขาวางไว้ เสียงแสดงความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งต่างก็สงสารชาครียาด้วยกันทั้งนั้น ก็ลอบกระตุกยิ้ม ลดใบหน้าลงต่ำ เค้นเสียงกระซิบอยู่ใกล้ๆ ใบหูของลูกสาว
“เล่นละครได้เก่งมาก นังชาครียา”
มาเฟียทุกคนที่กำลังจับจ้องมองดอนโลเรนซาอยู่ ต่างก็คิดว่าผู้เป็นพ่อกำลังเอ่ยปลอบลูกสาวผู้น่าสงสาร ซึ่งกำลังสะอื้นร้องไห้จนตัวสั่นโยน ต่างก็มอบความสงสารให้กับดอนโลเรนซาและชาครียา ต่างก็เห็นใจหัวอกของผู้เป็นพ่อ คงใจสลาย เมื่อรู้ว่าลูกสาวถูกข่มขืน
ทว่า...สิ่งที่มาเฟียเหล่านี้นึกคิด กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดอนโลเรนซาหาได้กระซิบปลอบใจลูกสาวไม่ แต่เขากำลังออกคำสั่งให้ชาครียาเล่นละครฉากใหญ่ต่อต่างหาก
“อย่าลืมที่ฉันสั่ง พอไอ้ลูฟร์กับไอ้รอสโซออกมา แกต้องหวีดเสียงร้องไห้ดังๆ เหมือนตอนแม่แกตาย ทำตัวให้สั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำ ให้ทุกคนสงสารแกจนน้ำตาแทบร่วง และส่งมอบความเกลียดให้กับไอ้ลูฟร์จนแทบชักปืนออกมายิงมันได้”
ชาครียาอยากสะบัดมือใหญ่ของบิดาออกจากบ่าของตนเอง อยากกระชากเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่บิดาเอามาคลุมให้เพราะความเสแสร้งออกจากตัว แต่ก็จำต้องกระชับเสื้อโค้ทตัวนี้ไว้ เพราะอย่างน้อยมันช่วยปกปิดเรือนร่างของเธอจากสาย
ตาของมาเฟียเหล่านี้ ไม่ให้เห็นปทุมถันและผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นจากตัวเสื้อขาดวิ่น
“หากได้ในสิ่งที่คุณพ่อต้องการแล้ว ได้โปรด...ปล่อยหนูไป”
แม้หยาดน้ำตายังนองทั่วดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะหลั่งรินลงมาบนพวงแก้มขาวซีด ทว่าน้ำเสียงที่เค้นออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ต้องการอิสระจากผู้เป็นบิดาตลอดไป
ดอนโลเรนซารู้ว่าลูกสาวหมายถึงสิ่งใด จึงเค้นเสียงตอบห้วนๆ ให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน “ได้! ฉันจะปล่อยแกไปในทันทีที่ฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว”
“หวังว่าคุณพ่อจะรักษาสัญญา”
ชาครียาย้ำคำ ดวงตากลมโตแดงก่ำทอดมองไปยังประตูทางเข้าภายในคฤหาสน์คาดิโอร์ ซึ่งตอนนี้ร่างใหญ่กำยำของผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ กำลังก้าวเดินอย่างองอาจ น่าเกรงขามออกมาพร้อมกับดอนรอสโซ และมาค์โก้ลูกน้องคนสนิทของเขา
“แน่นอน ลูกรัก พ่อรักษาสัญญาเสมอ” ดอนโลเรนซาเค้นตอบเสียง พอมองเห็นลูฟร์ กำลังเดินตรงมาหา ก็กระซิบออกคำสั่งกำชับกำชาเสียงห้วนๆ
“ทำตามที่ฉันสั่ง แล้วแกจะได้อิสระตามที่แกต้องการ”
หลังจากได้รับรายงานจากมาค์โก้ว่าดอนโลเรนซากำลังยัดเหยียดข้อหาข่มขืนให้กับตนเอง ลูฟร์จึงเดินตรงมายังลานน้ำพุ ร่างใหญ่ล่ำสันก้าวเดินด้วยท่วงท่าองอาจ ความน่าเกรงขามแผ่อำนาจอยู่รอบตัว ดวงตาคมสีสนิมคมกริบไม่ต่างจากดวงตาพญาอินทรี จ้องมองเขม็งไม่กะพริบตามายังเป้าหมายที่อยู่ข้างหน้า นั่นก็คือหญิงสาวที่มาตะโกนร้องป่าวๆ ว่าถูกเขาข่มขืน!
เท้าใหญ่ในรองเท้าหนังแท้ พาผู้เป็นเจ้าของก้าวลงจากตามบันไดหินอ่อนหน้าคฤหาสน์หลังงาม ก้าวเดินช้าๆ ทว่าเต็มไปด้วยความมั่นคงในทุกย่างก้าว ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าดอนโลเรนซา ใบหน้าคมเข้มเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ดวงตาสีสนิมสงบนิ่งไม่ไหวติง ยากต่อการคาดเดาว่ามาเฟียผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่
ลูฟร์เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าดอนโลเรนซา ทว่า...ดอนโลเรนซาหาได้อยู่ในสายตาขอของเขาไม่ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองอยู่ที่หญิงสาวร่างบางมีเสื้อโค้ทตัวใหญ่คลุมตัวอยู่ ใบหน้าคมเข้มกระตุกยิ้ม แต่ดวงตาทั้งคู่หาได้ยิ้มด้วยไม่ ขณะเค้นเสียงถามห้วนลึกอยู่ในลำคอ
“นี่นะหรือ? ผู้หญิงที่ถูกดอนลูฟร์ คาดิโอร์ ข่มขืน”
มือใหญ่เอื้อมไปจับปลายคางมน หันใบหน้างามที่ยังมีหยาดน้ำตานองหน้าไปทางซ้าย ทางขวา เพื่อมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนในหน้าของเธอ
“หน้าตาพอใช้ได้ พอหลับหูหลับตา เอามาเป็นผู้หญิงในสังกัดได้ แต่! เรื่องการข่มขืนไม่ใช่แนวถนัดของลูฟร์ ยิ่งตบหน้าผู้หญิงซะหน้าบวม มีเลือดแห้งกรัง ยิ่งไม่ใช่วิธีของลูฟร์”
มือใหญ่ผลักร่างเล็กให้ถอยห่าง สืบเท้าช้าๆ ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าดอนโลเรนซา ดวงตาคมกริบแข็งกร้าวด้วยไฟโทสะลูกใหญ่ ขณะจ้องมองจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้
“คนอย่างลูฟร์ ไม่จำเป็นต้องข่มขืนผู้หญิง แค่เพียงกระดิกนิ้วเรียก ผู้หญิงทั่วทั้งอิตาลีก็วิ่งเข้าหาจนแทบจัดคิวให้ไม่ทัน และที่สำคัญ ลูฟร์ คาดิโอร์ ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแม้แต่ปลายเล็บ”
ลูฟร์เค้นเสียงพูดค่อนข้างดัง ให้มาเฟียทุกคนได้ยินคำพูดของเขา และในตอนท้ายได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ดอนโลเรนซา ก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟันด่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้
“ผมไม่ใช่ไอ้หน้าตัวเมียที่ทำร้ายผู้หญิง ผิดกับคุณ ที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งลูกสาวของตัวเอง”
ดอนโลเรนซาก้าวถอยหนี แม้หวาดหวั่นกับสายตา และใบหน้าอันถมึงทึงของลูฟร์มากเพียงใด กระนั้นก็ยังคงตะโกนบอกทุกคนว่ามาเฟียหนุ่มผู้นี้คือคนเลวที่ข่มขืนลูกสาวของเขา
“ดอนลูฟร์ หลักฐานมีให้เห็นอยู่ตำตา จะปฏิเสธให้เปลืองน้ำลายทำไมว่าดอนไม่ได้ข่มขืนลูกสาวของผม”
ว่าแล้วก็หันไปดึงมือเล็กของชาครียาให้มายืนอยู่หน้าร่างใหญ่ล่ำสันของดอนลูฟร์ ก่อนจะเอ่ยพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า
“ชาครียา บอกทุกคนไปสิลูกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ใช่ผู้ชายคนนี้หรือเปล่า ที่เข้าไปข่มขืน ทำลายชีวิตของลูกทั้งชีวิต”
ชาครียาเกิดอาการตัวสั่นสะท้าน ซึ่งหาใช่เพราะกำลังแสดงละครฉากใหญ่ตบตาผู้คนดั่งที่ถูกบิดาสั่งไว้ไม่ แต่เป็นเพราะความหวาดกลัวที่กำลังจู่โจมเข้าสู่หัวใจของเธอ เมื่อต้องมองสบตากับดวงตาคมกริบของดอนลูฟร์ หญิงสาวเคยเห็นดอนหนุ่มผู้นี้ตามหน้านิตยสาร ตามสื่อทีวี เวลาดอนลูฟร์เป็นข่าว แต่ไม่เคยเผชิญหน้ากับดอนหนุ่มคนนี้แบบซึ่งๆ หน้าแม้แต่ครั้งเดียว