5
“โอ้โห!!...ต้องทำให้หมดเลยเหรอ...จะสบายเกินไปหรือเปล่า เป็นง่อยก็ไม่ได้เป็น ต้องปลุกให้ตื่น ต้องหาข้าวหาน้ำ เตรียมเสื้อผ้า กันนักข่าว กันแฟนคลับ และอื่นๆ อีกมากมาย คุ้มกับเงินเดือนมากๆ เลย”
มนตราบ่นอุบเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอจะต้องทำนั้นมันขัดกับใจของเธอทั้งสิ้น จะถอยหลังกลับตอนนี้ไม่ทันเสียแล้ว เพราะมายาต้องเดินทางไปกระบี่เย็นนี้
“คุณมาร์ชเขางานยุ่ง กินนอนก็ไม่เป็นเวลา พี่เป็นผู้จัดการส่วนตัวมีหน้าที่ดูแลเขาเพียงคนเดียว พี่ก็ต้องทำให้เต็มที่ แล้วอีกอย่างคุณมาร์ชเขาไม่เลวร้ายอย่างที่มนพูดหรอก บางทีเขาก็ทำเอง อีกอย่างเงินเดือนที่พี่ได้มันก็มากพอๆ กับความเหนื่อยของพี่ ที่สำคัญเงินเดือนพวกนี้แหละที่ส่งเราเรียนหนังสือจนจบ”
มนตราหยุดบ่นทันทีเมื่อพี่สาวยกข้อนี้มากอ้าง เป็นอย่างที่พี่สาวพูดมายาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของวิศรุตตั้งแต่เรียนจบ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ ส่วนหนึ่งส่งเสียเธอให้เล่าเรียนศึกษา อีกส่วนหนึ่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ มนตราเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้เป็นพี่อีกแรงหนึ่ง
“แหม!!...คุณมาร์ชของพี่ยานี่ดีไปหมดซะทุกอย่าง ดีขนาดนี้มนจะพูดอะไรได้ แต่ว่าถ้าพี่ยากลับมาก่อนวันศุกร์ก็ดีนะ จะได้ไปต่างจังหวัดแทนมนเลย” มนตราพูดอย่างมีความหวัง
“มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก พี่ลางานคุณมาร์ชเขาอาทิตย์หนึ่ง แล้วอีกอย่างมนรับเงินของพี่ล่วงหน้าไปแล้ว ทีนี้พี่ก็จะได้เที่ยวให้ชุ่มปอดไปเลย”
มายาเอ่ยเสียงใส นานแล้วที่เธอไม่มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบสองปี และที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของคนที่เธอรัก
“ก็หวังนิดๆ ไง”
เสียงบานประตูห้องพักเปิดออกและตามด้วยเสียงปิด ทำให้สองสาวที่อยู่ในห้องนอนของวิศรุตเดินออกมาด้านนอก เจ้าของห้องมองหญิงสาวสองคนที่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน มีความสวยที่แตกต่างกัน มายาดูสวยหวานเหมือนนิสัยที่ดีงาม แต่อีกคนดูหวานซ่อนเปรี้ยว ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย ดูจากสายตาและท่ายืนที่ก๋ากั่น
“คุณมาร์ชมาแล้วเหรอคะ...นี่น้องสาวของยาเองค่ะชื่อมนตรา จะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวชั่วคราวระหว่างที่ยาไม่อยู่ค่ะ”
มายาเอ่ยบอกนักร้องหนุ่มที่มองมนตราอย่างสำรวจ แต่งตัวเหมือนกุ๊ย มองเขาอย่างไม่เป็นมิตรเนี่ยนะ จะมาทำงานแทนมายา
“แน่ใจเหรอ ยา ว่าน้องสาวของยาจะทำได้ ทำงานเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เขาพูดสบประมาท ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกไม่พอใจ อย่างกับอยากทำนักนี่
“งานง่ายๆ ไม่เห็นยากแค่อยู่ดูแลคนพิการ ที่ต้องปลุก ต้องหาข้าวหาน้ำ หาเสื้อผ้า นี่ดีนะที่ไม่ต้องใส่รองเท้าให้ สวมแว่นตาดำและจูงเดินไปตามท้องถนน ถ้าทำแบบนั้นล่ะใช่เลยคนตาบอด”
มนตราย้อนจนวิศรุตสะอึกก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นแดงจัดด้วยความโกรธ
“นี่ เธอกล้าว่าฉันเหรอ ไม่ต้องทำแทนใครทั้งนั้น ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”
เขาพูดเสียงดัง...ดังจนมนตรารับรู้ได้ถึงรังสีของความโกรธที่มีอยู่มากมาย มายาหันไปมองน้องสาวด้วยสายตาที่เว้าวอน ร้องขอ เธอไม่อยากตกงานเพราะการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของวิศรุตแม้จะเหนื่อย หากแต่เงินเดือนที่ทางต้นสังกัดมอบให้มากมายเอาการอยู่ เงินเดือนสามหมื่นห้าพันบาท ไม่ใช่น้อยๆ เลย ปริญญาตรี ประสบการณ์มีไม่มากอย่างเธอ ได้เงินเดือนเท่านี้ถือว่ามากมายนัก มายาไม่ต้องทำงานอื่นในบริษัทเลยคอยดูแลเรื่องคิวงานและเรื่องส่วนตัวของเขาเท่านั้น
สายตาของพี่สาวที่มองมา ทำให้มนตรารู้สึกผิด เธอต้องรับผิดชอบในคำพูดและหน้าที่ของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้น คิดอีกแง่ทำเพื่อพี่สาว เพื่ออนาคต แค่นั้นก็คงพอ
“ฉันขอโทษ หงุดหงิดมากไปหน่อย แต่ที่ฉันพูดเมื่อกี้หมายถึงงานเดิมของฉันนะ ฉันเป็นผู้ช่วยพยาบาลดูแลคนพิการ” มนตราพยายามหาข้ออ้างไปเรื่อย
“คุณมาร์ชคะ...มนจะมาทำงานแทนยาหนึ่งอาทิตย์นะคะ ยาสอนงานน้องเรียบร้อยแล้วค่ะ รวมทั้งสมุดโน้ตจดคิวงาน ยาทำธุระเสร็จจะรีบกลับนะคะ” มายาพูดเสียงนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลงเยอะ
“รีบกลับมาก็แล้วกัน ฉันไม่อยากได้ใครเป็นผู้จัดการส่วนตัวนอกจากเธอ” เขากระแทกเสียงใส่หญิงสาวอีกคนทียืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของเขา
“ค่ะ...ยาไปก่อนนะคะคุณมาร์ช มนพี่ไปก่อนนะ”
มายาเอ่ยลาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องชุดสุดหรู เนื่องจากเธอต้องไปซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากบิดาและมารดาของคนรัก ก่อนจะไปสถานีขนส่ง
เมื่ออยู่กันตามลำพังมนตราเดินไปเดินมาเป็นการแก้เก้อ เนื่องจากเธอไม่เคยอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับชายที่ไม่คุ้นหน้า อีกทั้งเป็นชายที่เธอไม่ชอบหน้าเอามากๆ ทำให้หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก
“จะเดินอีกนานหรือเปล่า...ฉันมาเหนื่อยๆ ไปเอาน้ำมาให้ดื่มหน่อยสิ”
เขาสั่งเสียงเข้ม มนตรามองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง อยากจะเข้าไปตะบันหน้าหล่อๆ ให้หายเจ็บใจ แต่พอนึกถึงใบหน้าของพี่สาวเมื่อครู่ที่ทำเหมือนจะร้องไห้ หากเธอไม่ช่วยเหลืองานในครั้งนี้ มนตราจึงเดินกระแทกส้นเท้าไปหยิบน้ำให้ซูเปอร์สตาร์ง่อยคนนี้กิน มือทำงานปากบ่นไม่ยอมหยุด
‘น้ำก็อยู่ในตู้เย็นก็ไปหยิบกินเองสิ อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองยังหยิบไม่ได้อีก มันน่าเอาน้ำร้อนให้กินจริงๆ เลย’ มนตราเดินกลับมาหาวิศรุตอีกครั้ง พร้อมกับแก้วน้ำเย็น
“นี่ค่ะน้ำเย็นๆ ชื่นใจ” เธอกระแทกเสียงพูดดีที่ไม่กระแทกแก้วน้ำตามอารมณ์
“ใครบอกว่าฉันอยากดื่มน้ำเย็น ฉันอยากดื่มน้ำธรรมดามากกว่า”
เขาพูดเสียงเรียบทว่าสีหน้ากวนอารมณ์เป็นที่สุด มนตราอยากจะกรี๊ดออกมาให้ดังๆ อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ เลย เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทำตามเท่านั้น วิศรุตมองตามร่างที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในห้องครัวด้วยรอยยิ้ม การกลั่นแกล้งแม่สาวจอมเฮี้ยวคนนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน มนตรากลับมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำดื่ม