3
“ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมแค่คุยกับคุณพ่อเขาเฉยๆ ไม่ได้เถียงกันนะครับ ว่าแต่แขกที่จะมาทานข้าวกับเรามาหรือยังครับ ผมอยากทานอาหารฝีมือคุณแม่มากๆ เลยครับ ทานที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่นี่เลยครับ”
วิศรุตกอดร่างมารดาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทำให้ศจียิ้มแป้นกับคำพูดของลูกชาย วิมุตเพิ่งเห็นความดีของการปากหวาน ของลูกชายก็วันนี้เอง กรองเดินเข้ามานั่งที่พื้นก่อนจะรายงานให้เจ้านายได้รับทราบ
“คุณท่าน คุณหญิงคะ คุณลักขณากับคุณขวัญดาวมาแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นกรองไปตั้งโต๊ะได้แล้ว” กรองเดินเข้าไปจัดเตรียมอาหารในห้องรับประทานอาหารที่อยู่ถัดไปอีกสองห้อง
“คุณหญิงป้ากับน้องขวัญมาแล้วลูก ออกไปต้อนรับเขาหน่อยดีกว่านะลูกนะ ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี”
ศจีกระตือรือร้นเป็นพิเศษ กับการมาของแขกผู้มีเกียรติสองคนนี้ หากแต่วิศรุตไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าเป็นเพื่อนของมารดาเท่านั้น ต่างกับวิมุตที่รู้ว่าการเดินทางมาของแขกสองคนนี้คืออะไร หากแต่เขาไม่สามารถขัดใจภรรยาได้
เจ้าของบ้านเดินออกมาต้อนรับผู้มาเยือนหน้าประตูมุข ขวัญดาวมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ทว่ามีความเข้ม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง หุ่นกำยำ ไม่แปลกใจเลยว่าสาวๆ ต่างรุมกรี๊ดเขาสนั่นลั่นเมือง เธอได้ยินชื่อเสียงของวิศรุตตั้งแต่อยู่ที่เมืองนอก สามปีผ่านไปเขากลับยิ่งดังกว่าเก่าด้วยซ้ำ และคิดว่าคงจะดังไปอีกนาน นี่แหละผู้ชายที่คู่ควรกับเธอมากที่สุด ต่างกับวิศรุตที่มองหญิงสาวเพียงผ่านๆ เพราะเขาไม่คิดที่จะมีใครตอนนี้ เนื่องจากชื่อเสียงของเขากำลังจะโด่งดังไปยังต่างแดน เขาจึงไม่มีแฟนไม่มีคนรักที่เป็นตัวเป็นตน คบเพียงผ่านๆ และผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมาแต่ละคน ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีชื่อเสียงทั้งสิ้น ดารา นักร้อง นางแบบ ขวัญดาวเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ทว่าไม่มีแรงดึงดูดใจเอาเสียเลย
“สวัสดีค่ะคุณพี่ หนูขวัญเข้ามาในบ้านก่อนค่ะ เด็กๆ กำลังตั้งโต๊ะอยู่ค่ะ”
ศจีเชื้อเชิญเพื่อนรุ่นพี่และลูกสาวเพียงคนเดียวของอีกฝ่ายเข้าไปในบ้านตามมารยาท
“ป้าไม่เห็นมาร์ชนานแล้วนะลูก สามปีเห็นจะได้หล่อขึ้นเป็นกองเลย แถมเป็นขวัญใจสาวๆ เกือบค่อนประเทศอีก นี่ลูกสาวของป้าเองจ้ะ น้องขวัญดาว”
ลักขณาเยินยออีกฝ่ายเต็มที่ เพราะที่นี่จะเป็นบ่อเงินบ่อทองของนางกับลูก แนะนำลูกสาวเพียงคนเดียวให้ชายหนุ่มรูปงามได้รู้จัก
“สวัสดีครับคุณหญิงป้า สวัสดีครับน้องขวัญดาว”
วิศรุตพนมมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปทักทายขวัญดาวที่ยืนโปรยยิ้มให้เขาอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่มาร์ช”
“เชิญรับประทานอาหารกันก่อนนะคะ เด็กมาบอกว่าโต๊ะจัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ศจีเชื้อเชิญ ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าไปในห้องอาหารสุดหรูของบ้าน
“เชิญรับประทานอาหารได้เลยครับ”
วิมุตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยบอกกับทุกคนก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหาร เสียงพูดคุยดังออกมาตลอดการรับประทานอาหาร คนที่พูดมากที่สุดคงหนีไม่พ้นลักขณา ที่สรรหาเรื่องเล่าจากต่างแดนมาให้ทุกคนฟัง วิศรุตอยากจะบอกเหลือเกินว่าที่นางพูดมานั้นเขาไปมาหมดแล้ว ส่วนคนที่พูดน้อยที่สุดก็คือเขา ที่ถามคำตอบคำ น้ำเสียงออกจะห้วนๆ คล้ายกับไม่อยากพูดด้วยซ้ำไป ยิ่งสายตาของขวัญดาวที่มองเขาด้วยแล้ว ทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ร้อนแรงมากแค่ไหน ชายหนุ่มคิดจากประสบการณ์ของเขาเอง...น่าเบื่อจริงๆ การรับประทานอาหารมื้อนี้
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
วิศรุตออกตัวทันทีที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เขาไม่อยากอยู่ที่นี่เลย อยากกลับไปที่คอนโดมากกว่า คล้ายกับว่าที่นั่นมีใครบางคนที่กำลังรอเขาอยู่ นั่นคือความรู้สึกของเขา
“อ้าว! ...ลูกบอกว่ามีงานตอนเย็นไม่ใช่เหรอ...ตอนนี้ยังไม่บ่ายโมงเลยนะ” ศจีเอ่ยถาม
“ผมต้องไปเตรียมตัวก่อนครับ และอีกอย่างผมต้องไปก่อนเริ่มงานเป็นชั่วโมง เพราะต้องไปแต่งหน้า ทำผม ไหนจะเรื่องเสื้อผ้าอีก”
วิศรุตหาข้ออ้างเท่าที่จะนึกออก เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่พูดเลย เขาไม่เคยแต่งหน้า ทำผมเพราะสิ่งเหล่านี้เขาจัดการเอง ส่วนเรื่องเสื้อผ้ายิ่งแล้วใหญ่ เพราะชุดที่ใช้ออกงานและเล่นคอนเสิร์ตเป็นชุดของเขาทั้งสิ้น นอกจากงานถ่ายแบบและงานละครที่เขาจำต้องให้ช่างแต่งหน้าและทำผมของที่นั้นๆ ทำให้ และเรื่องเสื้อผ้าที่ต้องใส่ชุดที่ทางผู้จัดๆ เตรียมไว้
“ให้ลูกไปเถอะคุณ งานของมาร์ชที่ทำอยู่มีความรับผิดชอบสูง มาร์ชจะไปตรงเวลาเริ่มงานเป๊ะคงไม่ได้ อย่างที่ลูกพูดต้องเผื่อเวลาไว้สำหรับการแต่งหน้าทำผมบ้าง”
วิมุตรู้ดีว่าเหตุผลเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้างของลูกชาย วิมุตสังเกตสีหน้าที่เบื่อหน่าย ก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างไม่สนใจใคร แม้แต่มองขวัญดาวผู้หญิงที่ศจีคาดหวังไว้ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ ลูกชายของเขาไม่ชายตามองเลยแม้แต่นิด คงอยากจะออกไปจากสถานการณ์ที่อึดอัดนี้เร็วๆ จึงพูดออกไปอย่างนั้น เขาเองจึงพยายามช่วยลูกชายอย่างเต็มที่
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะลูก แต่ต้องสัญญากับแม่ก่อนนะว่าคราวหน้าจะต้องพาหนูขวัญไปทานข้าว เพื่อเป็นการแก้ตัวที่มาร์ชไม่อยู่คุยกับน้อง” ศจีมีข้อต่อรอง
“ต้องรอให้ผมว่างนะครับ ช่วงนี้มีงานรัดตัวมากเลย” เขาพยายามออกตัวไม่รับปากแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“เราก็เคลียร์งานสักวันหนึ่งสิลูก จะได้พักผ่อนไปในตัวด้วย” ผู้เป็นมารดาไม่ยอมลดละ
“ผมจะให้ยาเขาดูตารางงานให้ก็แล้วกันนะครับ ว่าวันไหนพอจะเจียดเวลาพาน้องขวัญไปรับประทานอาหารได้บ้าง”
ลักขณาและขวัญดาวยิ้มกับคำพูดของชายหนุ่ม ไม่ต่างอะไรกับศจีที่ยิ้มเต็มใบหน้าที่ลูกชายไม่หักหน้ากลางอากาศ ปฏิเสธทุกอย่างที่นางพูดและขอร้อง
“ไปเถอะมาร์ชเดี๋ยวจะไม่ทัน”
วิมุตเร่งลูกชายเมื่อเห็นวิศรุตทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วสมัยนี้จะหาคู่ครอง มันต้องเต็มใจทั้งสองฝ่าย ต้องเกิดขึ้นเพราะความรัก ไม่ใช่ความเหมาะสม
“ผมลานะครับ...สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ คุณหญิงป้า น้องขวัญ”
วิศรุตเอ่ยลาบุคคลที่อยู่ร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร ด้วยความโล่งอก