บทที่ 7 คุณหนูผู้มากเล่ห์

1680 คำ
บทที่ 7 คุณหนูผู้มากเล่ห์ การร่วมโต๊ะของบรรดาชนชั้นสูงเป็นไปอย่างสนุกสนาน แม้จะมีแม่นางน้อยสองคนมาเพิ่มก็ไม่ได้ลดความสนุกสนานแต่กลับกลายเป็นเพิ่มพูนให้บรรยากาศดีขึ้นไปกว่าเดิมแทน ทำให้เมื่อถึงคราวต้องแยกย้ายจึงไม่มีใครอยากปลีกตัวออกไปนัก ทั้งหมดจึงติดตามไป๋ลี่เฟยและฉือจี้ผ่า ไปเลือกซื้อของสวยงามกันครบกลุ่ม “พี่จินโม่ หากให้พวกข้าเลือกให้ต้องมีของรางวัลนะเจ้าคะ” จี้ผ่าเอ่ยวาจาหยอกล้อต่อโอจินโม่ที่ขอติดตามมาเพราะต้องการซื้อของขวัญให้แก่คู่หมั้น “แน่นอน ขอเพียงช่วยข้าเลือกให้ถูกใจเจียหยุนก็เพียงพอ” การมีคุณหนูทั้งสองมาช่วยตัดสินใจเช่นนี้ ไม่คว้าไว้ไม่ได้ “คุณหนูรองหลินพวกข้าคุ้นเคยดี พวกเราเป็นสหายกับคุณหนูห้าน้องสาวของนาง ย่อมเคยพบปะพูดคุยถึงความชอบของพี่เจียหยุน” ลี่เฟยยิ้มบางๆ ให้สหายของพี่ชาย เหลือบมององค์ชายทั้งสองที่เงียบมาตลอดทาง “องค์ชายทั้งสองมีหญิงที่ถูกใจให้พวกเราช่วยเลือกหาของขวัญด้วยหรือไม่เพคะ” “ฮ่าๆ ยังไม่มีหรอก คงต้องรอจัดการเรื่องพี่รองเสร็จสิ้นก่อน วันนี้ข้าเป็นถุงเงินให้ญาติผู้น้องเท่านั้นก็พอแล้ว” องค์ชายห้ากล่าวอย่างขบขัน แต่ดูจะถูกใจจี้ผ่าไม่น้อย “ข้าจะเหมาร้านเลย” ฉือจี้ผ่าหัวเราะขบขันอยู่หลังพัดครู่หนึ่ง ก็จับจูงลี่เฟยให้รีบเข้าร้านเครื่องประดับ “คุณหนูคุณชายทั้งหลายเชิญๆ” หลงจู๊ประจำร้านที่เห็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ก้าวเข้าร้าน รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วเร่งเข้าไปบริการ และให้คนเตรียมเครื่องประดับชุดใหม่ๆ จากหลังร้านมาแสดงด้วย ในระหว่างที่คนทั้งกลุ่มกำลังดูเครื่องประดับที่หลงจู๊หยิบมาเรียงราย ก็มีคุณหนูอีกสองคนเดินเข้าร้านมาพอดิบพอดี เมื่อเห็นว่าเป็นคุณหนูหลินและคุณหนูจาง โฉ่โม่จินและไป๋ช่างชางก็มุ่งตรงไปยังพวกนางทันที เมื่อเห็นเช่นนั้นไป๋ลี่เฟยจึงเดินอมยิ้มแยกไปเพื่อเว้นระยะให้ทั้งสองคู่ได้ใกล้ชิด และตนเองก็ได้ดูเครื่องประดับชิ้นเล็กที่เหมาะสมกับวัยมากกว่าแทนอีกด้วย โดยที่นางลืมสังเกตไปว่าใกล้บริเวณนั้นมีองค์ชายหกยืนเลือกของอยู่ก่อนแล้ว ส่วนองค์ชายห้าและฉือจี้ผ่ายังคงดูเครื่องประดับชุดใหญ่ เพื่อซื้อไปถวายแก่เสด็จแม่ขององค์ชายห้าอยู่ที่เดิม “ชิ้นนั้นดูเหมาะสมกับเจ้า ไม่เทอะทะ หากชอบจนยิ้มสุขใจกับตนเองก็ซื้อเถอะ” องค์ชายหกที่เห็นไป๋ลี่เฟยยิ้มเล็กยิ้มน้อยกับกำไลเส้นเล็กอันหนึ่งจึงเปิดบทสนทนาขึ้นมา “โอ๊ะงามจริงด้วยไม่ทันได้สังเกตเลยเพคะ องค์ชายมาอยู่ตรงนี้เอง ลี่เฟยยิ้มและขยับห่างออกมา เพราะคู่หมั่นพี่โม่จิน และคุณหนูจางที่พี่รองแอบชอบอยู่ที่นี่เพคะ” ลี่เฟยที่ไม่ทันตั้งตัวชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเฉลยความออกไปด้วยเสียงเบาหวิวที่ต้องการให้ได้ยินเพียงสองคน จนต้องขยับตัวไปกระซิบให้องค์ชายหกฟัง “เจ้าดูรู้เลยหรือ เจ้าเล่ห์นัก” จ้าวโจวเฉิงล้อเลียนออกมาก่อนจะลองนำกำไลทาบกับข้อแขนว่าเข้ากันเช่นที่จินตนาการไว้หรือไม่ “ลี่เฟยอาจดูไม่รู้ก็ได้เพคะ แต่อาจมีดวงตารู้ล่วงหน้า” ไป๋ลี่เฟยระบายยิ้มพยักหน้าเมื่อของชิ้นนั้นวางลงมา “เข้ากันดีจริงด้วย องค์ชายเลือกเก่งนัก ขอบพระทัยเพคะ” “ข้าซื้อให้แล้วกัน” “ซื้อให้ทำไมกันหรือเพคะ” ไป๋ลี่เฟยตีหน้ายุ่งเหยิงไม่เข้าใจส่งไปหาจ้าวโจวเฉิง “ข้าอยากให้ ไม่ได้หรือ” องค์ชายหกออกสีหน้าที่เจือความเอาแต่ใจออกมา ทำให้ชี่เฟยไม่ขัดข้องอีก “กำไลแขนชิ้นนี้ มีของอย่างอื่นในชุดอีก สนใจรับไปด้วยหรือไม่ขอรับ” เสียงของหลงจู๊ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใด ดังขึ้นจากด้านหลัง “รับทั้งหมด” องค์ชายหกตอบออกไปก่อนที่ไป๋ลี่เฟยจะได้ปฏิเสธ นางจึงได้แต่กล่าวขอบคุณ และย้ายไปนั่งพูดคุยกับองค์ชายหกที่ชั้นลอยจามคำเชิญของหลงจู๊ จิบน้ำชารอให้ผู้อื่นเลือกซื้อของต่อให้เสร็จสิ้น และไม่เป็นกีดขวางลูกค้าท่านอื่นที่ทยอยเข้ามาเลือกหาของ เมื่อมานั่งกันอยู่บนชั้นลอยเช่นนี้ ทำให้มองออกไปนอกหน้าต่างดูผู้คนได้อย่างเพลิดเพลินตา ไป๋ลี่เฟยที่กำลังมองบรรยากาศเบื้องล่างดูผู้คนที่เต็มไปด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ต้องชะงักค้างเพราะเห็นจ้าวหลินไฉ่และน้องรองของตน กำลังจะเดินเข้าร้านผ้าฝั่งตรงข้าม ไป๋ลี่เฟยเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกรุ่นโกรธ ตวัดมือส่งพลังธาตุลมของตัวเองออกไปปัดพับผ้าเหล่านั้นให้ร่วงลงสู่พื้น ปล่อยให้องค์ชายสามหัวเสียว่าใครเล่นพิเรนทร์กลั่นแกล้งตน อ๋อที่ยามนั้นข้าต้องรอในศาลาทั้งวัน เพราะออกมามีความสุขข้างนอกงั้นหรือ กิริยากัดฟันขยับสบกัน ร่วมกับการกำอาภรณ์ที่หน้าขาก่อนยกมือขึ้นตวัดพลัง ตกอยู่ภายใต้สายตาขององค์ชายหก จ้าวโจวเฉิงรีบพรางไอพลังให้แก่ไป๋ลี่เฟย พร้อมกับส่งพลังลมสู่ร้านข้างเคียง เพื่อป้องกันองครักษ์เงาติดตามไอนี้มาจนเจอผู้กระทำ และสร้างความสับสนให้ดูเป็นเหตุบังเอิญไม่ได้ตั้งใจเจาะจงองค์ชาย “เจ้าพึ่งวัดพลังไปไปไม่ใช่หรือเหตุใดจึงใช้พลังธาตุได้แล้ว” องค์ชายหกตกตะลึง แม่นางน้อยที่ยังไม่เข้าเรียน วัดระดับได้เพียงสีม่วง เหตุใดจึงทำเช่นนี้ได้กัน “ขะ…ข้า เมื่อครู่เพียงแค่รู้สึกโกรธมากๆ ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร” ลี่เฟยแก้ตัวอย่างไม่น่าเชื่อถือนักออกไป นางโกรธตัวเองนักที่ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำ จนไม่คิดอ่านให้รอบคอบเช่นนี้ แต่ถ้าหากไม่เป็นข้าใครจะมาเข้าใจ…ยอมสละชีวิตให้กลับไม่เห็นคุณค่าใด “ข้าพรางไอพลังให้แล้ว มิเช่นนั้นอาจได้ไปอยู่คุกหลวง” องค์ชายหกที่เกิดความสนใจในตัวไป๋ลี่เฟยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อต้องพบกับเรื่องที่ทำให้ตัวเขาตื่นตะลึงเพิ่มขึ้นอีก จึงไม่อาจละสายตาไปจากดวงหน้าจิ้มลิ้มไปได้ สังเกตเห็นแววตาโกรธแค้นจนไม่เข้าใจว่าพี่สามทำสิ่งใดให้ได้รับความรู้สึกเช่นนี้ “ก็ดีสิเพคะ ข้าจะได้ประกาศให้คนรู้ให้ทั่วว่าองค์ชายสามไปพบคู่หมายในยามเช้า แต่ตกบ่ายกลับออกมาเที่ยวเล่นกับน้องสาวของคู่หมาย น่าเกลียด!” ลี่เฟยดวงตาแข็งกร้าวกอดอกไม่ยอมรับความผิดของตนเอง “หึงหวง?” จ้าวโจวเฉิงถามออกมา ในใจรู้สึกยุบยิบเล็กน้อยที่แม่นางที่ตนให้ความสนใจ อาจเทความชมชอบให้ผู้อื่นไปหมดเสียแล้ว ทั้งยังขุ่นเคืองจนเก็บมาเป็นอารมณ์ “ไม่หึง ลี่เฟยเพียงไม่ชอบการกระทำดูแคลนกันเช่นนี้ ข้าเป็นเพียงแม่นางน้อยไม่ประสาเรื่องความรัก จะหึงหวงชายใดไปทำไมกัน” เลือดลมในกายไม่แน่ว่าอาจจะหยุดนิ่งหลังกล่าววาจาจบ ดวงตาฉายแววความว่างเปล่าคล้ายไม่อาจรู้สึกอันใดถูกส่งออกมา “อยากหลุดพ้นจากเขาหรือไม่” องค์ชายหกที่จับความรู้สึกรังเกียจที่แผ่ออกมาได้ เสนอออกไป “ท่านต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน” แม้ว่าองค์ชายผู้นี้จะมีแววตาแสดงความสนใจในตัวนาง แต่อดีตที่ผ่านมาทำให้ลี่เฟยไม่ค่อยเชื่อถือว่าจะมีผู้ใดมอบความช่วยเหลือแบบให้เปล่าออกมาเช่นนี้ “กีดกันคนผู้หนึ่งให้ข้า ข้าก็จะกีดกันพี่สามให้เจ้า” ไป๋ลี่เฟยที่เคยหลงคิดไปว่าเพียงแค่เหตุการณ์เดียวทำให้องค์ชายหกมาตามติดน้องรอง แท้จริงแล้วเรื่องนี้อาจไม่ใช่อย่างที่ซินหยานจดบันทึกไว้ แต่เป็นจ้าวโจวเฉิงที่ใช้น้องรอง ให้ช่วยบรรลุเป้าหมายแฝงนี้ต่างหาก “ตกลง” “เช่นนั้น เตรียมตัวไว้ ข้าจะไปพบเจ้าโดยใช้ช่างชางเป็นข้ออ้าง” จ้าวโจวเฉิงยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยเสยผมขึ้น ก่อนจะนั่งเอนหลัง ยกขาขึ้นไขว่ห้างจิบน้ำชาหลิ่วตาให้ลี่เฟย การกระทำนี้คล้ายว่าจะทำให้หัวใจของไป๋ลี่เฟยเต้นไม่เป็นจังหวะ คนที่มีอายุมากกว่านางเพียงสองปีมีท่าทีที่ทำให้หัวใจกระตุกเช่นนี้ได้อย่างไร ลี่เฟยถึงกับต้องสะบัดหน้าหนีกลบเกลื่อนไม่ให้เขาเห็นแก้มแดงเรื่อของตนเอง ต่างคนต่างเพียงลอบมองกันจนถึงเวลากลับ ผิดกับด้านองค์ชายสามและไป๋ซินหยานที่ควรจะมีบรรยากาศที่ชวนให้หัวใจกระตุกเช่นนี้ด้วย แต่เพราะการตวัดลมไม่อาจหาผู้บงการได้ จึงทำให้อารมณ์ของจ้าวหลินไฉ่ขุ่นมัวจนไม่อาจกลับมาเป็นปกติได้ “จะให้เปิ่นหวางดูผ้าที่ตกลงพื้นแล้วได้อย่างไร ไปเอาของใหม่มาเปลี่ยนทั้งหมด” จ้าวหลินไฉ่มีสีหน้าตึงเครียดปล่อยรังสีกดดันออกมาช่วยให้คนรอบข้างอึดอัด ไป๋ซินหยานที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมีความกังวลหลุดรอดออกมา แต่เมื่อองค์ชายสามที่นางพึ่งได้รู้สถานะที่แท้จริงหันกลับมามอง ซินหยานก็ได้แต่ส่งรอยยิ้มอ่อนหวานตอบกลับไปให้บรรยากาศดีขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม