“แน่นอนจ้ะ เดี๋ยวฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง เธอกับครอบครัวก็นอนค้างที่นี่กันสักคืนนะ แล้วเย็นนี้เราก็มาจัดงานปาร์ตี้เล็กๆกัน”
“ดีจ้ะ” สองสาววัยทองคุยกันอย่างถูกปากถูกคอ จนกระทั่งรุจิกานต์เดินออกมาจากห้องน้ำ
“หนูจีมานั่งใกล้ๆป้าสิลูก”
รุจิกานต์เดินไปนั่งข้างๆคุณหญิงอย่างขัดไม่ได้ ก่อนจะได้ยินมารดาของตนเอ่ยกับคุณหญิงปานดวงใจว่า
“ตกลงว่าพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเริ่มพิธีหมั้นเลยไหมปาน เลขเก้าเป็นเลขมงคลนะ”
“ก็ดีนะ หมั้นสายหน่อยญาติผู้ใหญ่จะได้มาทัน เชิญแขกผู้ใหญ่ที่สนิทจริงๆแค่สองสามคนก็พอ แล้วตอนงานแต่งค่อยเชิญให้ครบทุกคนก็ได้”
“เอาตามที่เธอสะดวกแล้วกันนะปาน ส่วนฉันสองคนแม่ลูกยังไงก็ได้จ้ะ ใช้ไหมจี”
“จีไม่มีปัญหาก็ได้ค่ะ แต่ว่าหมั้นสักปีแล้วค่อยแต่งไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้หรอก/ไม่ได้หรอก” ทั้งคุณนายราตรีและคุณหญิงปานดวงใจโพล่งออกมาเกือบจะพร้อมกัน ส่วนว่าที่พ่อสามีกับว่าที่พ่อตา ต่างก็มองหน้ากัน แล้วทุกคนก็หันไปมองรุจิกานต์เป็นจุดเดียว และไม่มีใครเห็นด้วย แม้กระทั่งคีรินทร์เองยิ่งไม่เห็นด้วย
“ลุงว่ามันนานเกินไปนะหนู”
“ใช่ๆ พ่อก็ว่ามันนานเกินไป สักสามเดือนค่อยแต่ง พ่อว่ากำลังพอดีนะจี”
“ใช่จ้ะลูก แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อนะ สามเดือนกำลังพอดี” คุณนายราตรีเอ่ยสำทับกับสามีอีกเสียง
“แต่ว่า... หนูยังไม่พร้อมนี่คะ”
“แต่ผมพร้อมนะครับ”
รุจิกานต์หันไปมองตาคีรินทร์ด้วยดวงตาเขียวปัด แทบจะเดินเข้าไปตะกุยหน้าชายหนุ่มให้สาใจ
แต่คีรินทร์ยิ้มร้ายมองเธออย่างผู้ชนะ
“ป้าก็เห็นด้วยกับพ่อแม่ของหนูนะ หมั้นพรุ่งนี้เช้า อีกสามเดือนแต่ง แล้วก็รีบมีหลานให้พวกเราอุ้ม”
“คุณป้า! จีไม่ใช่แม่พันธุ์นะคะ จีขอเวลาสักหกเดือนได้ไหมคะ จียังอยากที่ยว อยากไปโน่นไปนี่ อยากทำนั่นทำนี่สารพัดเลย จียังไม่อยากทำหน้าที่ภรรยาเร็วเกินไปแบบนั้นค่ะ แค่สามเดือนจียังเที่ยวไม่หมดเลย”
“แต่งแล้วก็ให้พี่คีเขาพาไปเที่ยวก็ได้นี่ลูก”
“ไม่อะคุณแม่ จีอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆของจีสนุกกว่าเยอะเลย”
“งั้นสี่เดือนแล้วกัน มากกว่านี้แม่ไม่ยอมแล้ว”
รุจิกานต์มองสีหน้าจริงจังของมารดาแล้วก็คอตก สุดท้ายก็ต้องยอมตกลงตามนั้น เพราะรู้ดีว่าเธอคงขัดใจท่านมากไม่ได้ เธอห่วงว่าโรคหัวใจของมารดาจะกำเริบ หากว่าขัดใจท่านมากๆ
“ก็ได้ค่ะ สี่เดือนก็สี่เดือน”
‘คอยดูนะ เธอจะต้องล้มเลิกงานหมั้นก่อนจะถึงสี่เดือนให้ได้’
แล้วคืนแรกที่มานอนค้างที่บ้านของว่าที่พ่อกับแม่สามี รุจิกานต์ก็จัดการนัดเพื่อนที่อยู่แถวกรุงเทพฯไปเที่ยวผับกันเลย เธอต้องทำตัวเกเรเข้าไว้ คุณหญิงปานดวงใจจะได้ไม่ชอบ และจะต้องหาทางให้คีรินทร์รังเกียจเธอให้มากที่สุดจนต้องวิ่งไปขอให้พ่อกับแม่ของเขาขอล้มเลิกงานแต่งเสียเองด้วย
พอรถเพื่อนสนิทมาจอดที่หน้าบ้านตอนหัวค่ำ รุจิกานต์ก็ถือกระเป๋ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปเลย
“จีๆ จี!... นั่นลูกจะไปไหน” คุณนายราตรีตะโกนไล่หลังลูกสาวเสียงดัง พลางเดินตามแต่ก็ไม่ทันแล้ว
“มากรุงเทพทั้งที จีขอไปเที่ยวกับเพื่อนที่ผับสักหน่อยค่ะแม่” หญิงสาวตะโกนบอกมารดา แล้วก็รีบเปิดประตูรั้วออกไปขึ้นรถยนต์คันหรูออกไปเลย โดยมีคุณราตรีร้องตามหลังไปจนเสียงแหบแห้ง
“ยัยจี! จี! ทำไมแกถึงทำตัวไม่ไว้หน้าพ่อกับแม่บ้างเลย โธ่...” เย็นนี้จะจัดงานปาร์ตี้กันอยู่ที่บ้านแท้ๆ ยังวิ่งออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ข้างนอกกลางค่ำกลางคืนอีก แล้วทางครอบครัวคุณหญิงเขาจะคิดยังไง
“ลูกเธอไปไหนเหรอจี”
“เห็นบอกว่าจะไปเที่ยวผับกับเพื่อน เธอดูลูกสาวของฉันสิ ปกติชอบไปเที่ยวกลางค่ำกลางคืนกับเขาเสียที่ไหนกัน แต่วันนี้พอมากรุงเทพแค่วันเดียวก็ออกไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อนซะแล้ว ฉันล่ะกลุ้มใจจริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะตามไปดูแลน้องจีเอง”
ทุกคนหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคีรินทร์พูดสวนออกมาทางด้านหลัง
“แล้วลูกรู้เหรอ ว่าน้องเขาไปเที่ยวที่ผับไหน”
“รู้ก็แล้วกันครับแม่” พอดีเขาแอบได้ยินที่รุจิกานต์กำลังคุยนัดแนะกับเพื่อนของเธอทางโทรศัพท์เข้าพอดี
“งั้นค่อยโล่งใจหน่อย” คุณหญิงปานดวงใจทำท่าโล่งอก แต่ว่าคุณนายราตรียังหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความกังวลใจ
“ยังไงป้าก็ฝากดูแลลูกสาวของป้าด้วยนะ อย่าให้น้องกลับดึกนักล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณป้า น้องจีเป็นถึงว่าที่เมียของผม ยังไงผมก็คงต้องดูแลเธออย่างดีแน่นอนครับ”
คุณนายราตรีค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย เมื่อว่าที่ลูกเขยรับปากเธออย่างหนักแน่นแบบนี้
คีรินทร์ขับรถบีเอ็มสปอร์ตสีขาวตามว่าที่คู่หมั้นของเขาไปห่างๆ ไม่รีบร้อนนัก เพราะรู้แล้วว่าเธอจะไปผับไหน แต่ว่าเขาจะไม่ให้รุจิกานต์รู้ตัวหรอกว่าเขาตามเธอไป นอกเสียจากว่าคนทางบ้านจะโทรไปบอกเธอเอง
“วัฒน์ มึงไปเที่ยวผับเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”
“ได้เลยเพื่อน ที่ไหน บอกมา”
“ไม่ต้องถาม เดี๋ยวกูไปรับ รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วกัน”
“โอเค”
พอวางสายจากเพื่อนรัก คีรินทร์ก็เลี้ยวรถขึ้นสู่ถนนใหญ่และรีบบึ่งไปรับภานุวัฒน์ที่บ้านทันที โดยที่คีรินทร์หารู้ไม่ว่า ภานุวัฒน์คือคนที่แอบชอบรุจิกานต์อยู่นานแล้ว ตั้งแต่ที่เขาขึ้นไปเที่ยวภูกระดึงเมื่อปีที่แล้ว และที่สำคัญเขาเป็นพี่ชายของเพื่อนรักของรุจิกานต์นั่นเอง
แล้วหลังจากวางสายจากคีรินทร์ ภานุวัฒน์ก็ได้รับสายจากน้องสาวตัวแสบของเขาชวนให้ไปเที่ยวผับด้วยกัน มันช่างบังเอิญจริงๆ ที่วันนี้มีคนช่วยไปเที่ยวถึงสองคนในเวลาไล่ๆกัน แต่น้องสาวของเขากลับไม่ยอมบอกว่าผับไหน ไม่ยอมบอกว่าไปเที่ยวกับใคร บอกแค่ว่ามีเซอร์ไพรส์เขาแค่นั้นเอง ชายหนุ่มจึงตอบตกลง แต่บอกว่าจะไปดึกสักหน่อย
ไม่นานนักคีรินทร์ก็ขับรมาถึงบ้านของภานุวัฒน์ แต่คนใช้บอกว่าเจ้านายสุดหล่อของพวกเขายังแต่งตัวไม่เสร็จ
คีรินทร์จึงนั่งรอในห้องรับแขก
“แล้วนี่ไม่มีใครอยู่เหรอ นอกจากไอ้วัฒน์” คีรินทร์ถามสาวใช้เมื่อเธอยกน้ำเย็นมาเสิร์ฟ
“ตอนนี้มีแค่คุณวัฒน์ หนู แล้วก็ป้าแช่ม แล้วก็ลุงยศอีกคนค่ะที่อยู่บ้าน”
“อือ”
“เฮ้ยคี มาแล้วเหรอ วันนี้นึกยังไงมาชวนกูไปเที่ยวผับ”
“นึกอยากเที่ยว ก็เที่ยว”
“เออ นี่น้องสาวกูก็เพิ่งโทรมา ชวนกูไปเที่ยวผับเหมือนกัน ว่าแต่มึงจะไปผับไหนล่ะ”
“ก็ผับประจำที่มึงพากูไปครั้งล่าสุดนั่นแหละ”
“เออ พอดีเลย น้องกูก็ชวนไปเที่ยวที่นั่นแหละ บอกว่ามีเซอร์ไพรส์ บังเอิญจังเลยว่ะ ปะ...ไปกันเถอะ”
ที่ผับดังย่านอาร์ซีเอ
รุจิกานต์มานั่งเฝ้ากระเป๋าให้กับเพื่อนรักอย่างที่เคยทำประจำ เธอไม่คิดจะดื่มให้เมาหรอก เพราะกำลังรอใครบางคนมาปรากฏตัว ใครบางคนที่จะทำให้เธอรอดพ้นจากการคลุมถุงชน
เธอรู้ว่าพี่ชายของภีมนาราชอบเธออยู่ คืนนี้เธอจะขอร้องให้เขาแสดงละครว่าเป็นแฟนของเธอสักหน่อย ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คีรินทร์ที่แอบฟังเธอคุยโทรศัพท์จะต้องแอบตามเธอมาแน่
แต่รุจิกานต์ก็หารู้ไม่ว่า ผู้ชายสองคนนั้นร้ายพอๆกัน และเธอกำลังจะกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟโดยไม่รู้ตัว
“จี ทำไมไม่ออกมาเต้นล่ะ ปล่อยให้ฉันออกไปเต้นหน้าเวทีคนเดียว”
“ฉันรู้ว่าแกชอบนักร้องคนนั้น ไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอ”
“ชิ ฉันรู้หรอกน่า แกรอพี่ชายของฉันอยู่ใช่มะ”
รุจิกานต์แกล้งอายม้วน เธอยังไม่ได้บอกภีมนาราเลยว่าเธอกำลังจะหมั้นกับคีรินทร์พรุ่งนี้ แต่ว่าไม่เกินพรุ่งนี้หรอก คนสนิทหลายคนของเธอก็คงจะรู้กันทั่ว
“จีๆ นั่นๆ พี่วัฒน์มากับพี่คีด้วย”
ทว่าพอหันหน้าไป พอเห็นว่าใครเดินตามหลังภานุวัฒน์มา รุจิกานต์ก็เอ๋อรับประทานทันที
“เขาสองคนเป็นเพื่อนกันเหรอแนช”
“ใช่จ้า”
‘สองคนนี้เป็นเพื่อนกันเหรอ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ถ้าหากเธอทำตามแผน ความรักฉันเพื่อน และความรักระหว่างพี่น้องจะไม่กระทบกระเทือนหรอกเหรอ แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อดี โอ๊ยแม่เจ้า ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมอิตาหื่นกามนั่นต้องมาเป็นเพื่อนกับพี่ชายของเพื่อนฉันด้วย’
“อ้าวน้องจีมากับยัยแนชเหรอ พี่ดีใจจังที่ได้พบจีอีกครั้ง” พอพบหวานใจตนเอง ภานุวัฒน์ก็ลืมไปแล้วว่าพาคีรินทร์มาด้วย
“บังเอิญจังเลยนะคะ”
“ใช่ครับบังเอิญมาก”
“พี่คีก็มาด้วย ดีจังค่ะ มานั่งโต๊ะเดียวกันเลยนะคะ เดี๋ยวคืนนี้พี่วัฒน์เป็นเจ้ามือเอง”
“ได้เลยน้องรัก คืนนี้พี่เลี้ยงไม่อั้น ว่าแต่น้องจีจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ”
ดูท่าภานุวัฒน์จะสนใจรุจิกานต์เป็นพิเศษ ทำให้คีรินทร์พูดอะไรไม่ออกสักคำ อยากจะแนะนำทุกคนให้รู้จักว่าที่คู่หมั้นของเขา แต่ก็ต้องยั้งเอาไว้ก่อน เพราะอยากจะดูท่าทีของสองหนุ่มสาวต่อไป อยากจะรู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นพัฒนาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว จะเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้หรือเปล่า
รุจิกานต์สังเกตว่าเพื่อนรักของตนเองดูจะสนใจคีรินทร์มากเป็นพิเศษ บางทีคู่นี้อาจจะรู้จักมักคุ้นกันมานานแล้วก็ได้ และนั่นก็เป็นผลดีกับเธอ เพราะทำให้เธอมีเวลาพูดคุยกับภานุวัฒน์แบบสองต่อสองได้อย่างสะดวก
แล้วแผนการที่คิดว่าพังสลายไปแล้ว ก็เหมือนจะมีเค้าความสำเร็จลางๆขึ้นมาบ้างแล้ว
เพื่อนก็เพื่อนเถอะ แต่ชีวิตเธอทั้งชีวิต เธอจะยอมแต่งงานไปกับผู้ชายอย่างนายคีรินทร์ไม่ได้เด็ดขาด!
รุจิกานต์ก็หวังว่า หากเกิดเหตุการณ์ขุ่นเคืองใจเพราะความเข้าใจผิดขึ้นมา ระหว่างเธอกับภีมนารา เธอก็หวังว่าภีมนาราจะยกโทษให้เธอ
แล้วพอจังหวะดนตรีเร้าใจเริ่มขึ้นอีกครั้ง เธอก็ออกไปแดนซ์กับภานุวัฒน์เพื่อทำใส่ใครบางคน
‘จะหมั้นกับเขาพรุ่งนี้อยู่แล้ว ยังมาแรดกับเพื่อนของเขาอีก หรือว่าสองคนนี้จะชอบกันจริงๆ แต่ยังไงเธอกับเขาก็ต้องหมั้นกันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ยังไงเขาก็มีสิทธิ์ในตัวเธอมากกว่าใคร รอให้ถึงเวลากลับบ้านก่อนเถอะ เขาจะบอกเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนเองเลย’
ต่อให้ภานุวัฒน์ตัดความเป็นเพื่อนกับเขา เขาก็ต้องหมั้นและแต่งงานกับรุจิกานต์ให้ได้
เสียงหัวร่อต่อกระซิกและการเต้นแบบถึงเนื้อถึงตัวของว่าที่คู่หมั้นกับเพื่อนรักของเขา ทำให้คีรินทร์อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาดื้อๆ เพราะรู้สึกว่าถูกหยามมากเกินไป
‘น้องจี คิดจะยั่วพี่ให้หึงเหรอ ก็ได้ผลอยู่หรอกนะ แต่พี่ไม่ได้หึง พี่ก็แค่ไม่อยากให้เธอมาทำหยามเกียรติกันก็แค่นั้น รับรองว่าคืนนี้ ถ้าพี่ไม่ได้กำราบเธอ พี่จะไม่ยอมกลับบ้านแน่’
“พี่คีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูสีหน้าเครียดจัง”
ภีมนาราที่ไม่ได้ล่วงรู้ความในใจของคนที่เธอแอบชอบตรงหน้า ถามออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลย
“อ๋อ พี่กำลังกลุ้มใจเรื่องที่พี่จะสละโสดน่ะ”
“สละโสด! เมื่อไหร่คะ” ความผิดหวังฉายฉาบเต็มดวงหน้าสวยคมของภีมนาราทันที
‘นี่เธอกำลังอกหัก โดยที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแอบชอบเขาเหรอเนี่ย’
“พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้! กับใครคะ”
“เพื่อนแนชไง” ทีแรกก็ตั้งว่าจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนเมื่อใกล้เวลากลับบ้าน แต่ในภีมนาราถามมาแบบนี้ เขาก็คงตต้องตอบแบบเลยตามเลย
“เพื่อนแนช หมายถึงยัยจีเหรอคะ จะเป็นไปได้ยังไง ยัยจียังไม่ได้บอกแนชสักคำเลย แล้วอีกอย่างพี่วัฒน์ก็ชอบจีมานานแล้วด้วย แนชคิดว่าพวกเขาสองคนกำลังไปกันด้วยดีเสียอีก”
“อ้าว พี่ชายแนชกับจีคบกันมาก่อนเหรอ”
“เปล่าค่ะ เขาสองคนยังไม่ได้คบกัน แต่ว่าพี่วัฒน์เขาแอบชอบจีอยู่”
“อ้อ แนชก็เลยโทรให้ไอ้วัฒน์มันมาหาเพื่อนของแนชคืนนี้ใช่ไหม”
ภีมนาราพยักหน้า แล้วหันไปมองเพื่อนรักกำลังแดนซ์กับพี่ชายของเธออย่างสนิทสนมแนบชิด แบบไม่ได้เกรงอกเกรงใจว่าที่คู่หมั้นของตนเองเลย ทำให้เธอไม่เข้าใจ
“การหมั้นหมายเป็นความต้องการของพี่คีเหรอคะ”
“เปล่า มันเป็นความต้องการของทางผู้ใหญ่ ที่จะให้เราสองคนแต่งงานกันเร็วๆนี้ พี่ก็แค่ทำตามความต้องการของพ่อกับแม่ของพี่”
“ทั้งที่ไม่ได้รักจีเหรอคะ”
“เพื่อพ่อกับแม่พี่ทำได้ทุกอย่างแหละ”
“แล้วจีก็ยอมเหรอคะ”
“พ่อของจีไม่สบายเป็นโรคความดันอยู่ และแม่ของจีก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ จีเขาคงไม่กล้าขัดใจพ่อกับแม่ของเขาหรอก”
“แล้วไม่คิดจะแต่งแบบหลอกๆกันเหรอคะ เหมือนในละคร”
คีรินทร์หัวเราะ
“คนแก่เขาอยากอุ้มหลานกัน แล้วพี่จะแต่งงานแบบหลอกๆได้ยังไง”
“แสดงว่าพี่คีกับจียังไม่ได้รักกันใช่ไหมคะ”