“ครั้งนี้เอาตัวเข้าแลกกับอะไรล่ะ”
“...”
“บทนางเอกหรือตัวประกอบสักตัว”
“จะบทไหนก็ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ”
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นหนึ่งในผู้ลงทุน ฉันไม่อยากให้ละครเรื่องนี้มันสกปรกเพราะผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยราวไม่รู้สึกรู้สา เขาจ้องดวงตาสีน้ำตาลของเธอพลางเอ่ยต่ออย่างไม่ยีระ “ปกติไอ้บทกระจอก ๆ ที่เธอรับมาเป็นร้อยเรื่องนั่นก็ใช้ตัวแลกมาหมดเลยเหรอ ไม่ใช้มันคุ้มไปหน่อยเหรอ”
คำพูดหยาบคายที่เต็มไปด้วยคำดูถูกสาดเข้ามาในโสตประสาท ยังไม่เหยียดหยามเท่ากับที่เขากดดวงตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
ก่อนจะหยุดที่กึ่งกลางตัว
“ลองออเซาะผัวเก่าดูสิ เผื่อฉันอาจจะหาตัวละครว่าง ๆ ลงให้เธอสักตัว”
นัยน์ตากลมโตแดงก่ำด้วยความโกรธจัด เพียงกะพริบตาครั้งเดียวหยดน้ำใสก็กลิ้งหล่นจากดวงตา หัวใจของเธอชาหนึบเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นกระชากออกไป เมื่อไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเลวร้ายพวกนี้จากคนที่เคยเป็นแฟนเก่า
ผู้ชายแสนดีในอดีตวันนี้กลายเป็นเหมือนกับซาตานไม่มีผิด
“ถ้าในหัวสมองคุณมีแต่เรื่องพวกนี้ วันนี้เราคงคุยกันไม่จบหรอกค่ะ งั้นฉันขอตัวนะคะ”
“จะไปไหน!!!”
เพล้ง!!!
ฝีเท้าที่กำลังก้าวไปที่ประตูหยุดชะงัก เมื่อแก้วเหล้าที่เคยอยู่ในมือของคิมหันต์กระแทกกับกำแพง เฉียดอคิราห์ไปไม่กี่ช่วงแขน ดวงตาที่เบิกกว้างเอ่อคลอด้วยน้ำตา เพียงพริบตาเดียวร่างสูงก็ปรากฏตรงหน้าเธอ
เธอและคิมหันต์สบตากันเนิ่นนาน ความคิดถึงปะปนด้วยความแค้นอบอวลอยู่ในดวงตาแข็งกร้าว ยิ่งเขาก้าวใกล้เข้ามาเธอยิ่งอยากหาทางหนี อคิราห์รู้สึกเหมือนขอบตาตนเองร้อนผ่าว ดวงตาที่เคยมองกันเพราะความหลงใหล ในวันนี้มีแต่ความเกลียดชัง
“คุณคิมหันต์!!! คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ...”
“ร้องไห้ทำไม...คิดถึงฉันเหรอ”
เขามันบ้าไปแล้ว!
“คุณพูดบ้าอะไรคะ มันจบไปนานมากจนฉันยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เรื่องในอดีตที่เด็กขนาดนั้นฉันจำไม่...อื้อออ” คีบเนื้อบีบกระเปาะปากเล็กให้หยุดพูดประโยคที่ไม่อยากได้ยิน
“หรือคิดถึงเงินของฉัน เอาไปมากขนาดนั้นทำไมไม่ใช่ชีวิตให้ดีกว่านี้ล่ะอคิราห์ กลับมาทำเรื่องแบบนี้อีกทำไม”
หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ากรามตัวเองกำลังถูกถอดออกด้วยมือข้างเดียว มันทั้งเจ็บและชาจนไม่จากสามารถอ้าออกได้ ดวงตาร้อนแรงของคิมหันต์กำลังแผดเผาเธอให้ไหม้คล้ายกับเถ้าถ่าน
เรือนร่างเย้ายวนใต้เดรสรัดรูปสีดำสนิทถูกโยนกลับมาที่โซฟา ก่อนที่เขาจะใช้ร่างกายสูงใหญ่กักขังเธอไว้ใต้ร่าง
“อึก” เธอพลาดแล้วอคิราห์ครางสั่นในลำคอ ปลายเท้าตะเกียกตะกายใต้ร่างของคิมหันต์อย่างไร้หนทางสู้ เธอรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังร้อนจนเหมือนกำลังจะระเบิด แม้จะกลืนน้ำลายเข้าไปเท่าไหร่แต่คอเธอกลับแห้งผาก
สัมผัสที่คุ้นเคยปะทะกับเรือนร่างเล็กอย่างแรง อคิราห์เห็นใบหน้าของเขาแดงก่ำ กลิ่นลมหายใจเต็มไปด้วยบุหรี่และแอลกอฮอล์ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยแตะต้องมันด้วยซ้ำ
“จะหนีไปไหนอีก เงินที่ได้จากพ่อฉันไปมันไม่พอเหรอ ถึงกลับมาทำอาชีพเดิม”
“คุณเมามากแล้วนะคะคุณคิมหันต์ ปล่อยฉัน!”
“ถ้าเมาฉันจะจำผู้หญิงแบบเธอได้ยังไง ผู้หญิงที่วางแผนจับผู้ชายโดยการเอาตัวเข้าแลก ผู้หญิงหน้าด้าน...ผู้หญิงไร้หัวใจไร้ยางอายที่หลอกผู้ชายไปวัน ๆ” สารพัดคำดูถูกทำเอาคนฟังหน้าชาหนึบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังยกยิ้มกว้างมองใบหน้าเขาด้วยแววตาเฉยเมย
“พูดเรื่องอะไรคะ ฉันไม่ทราบ...กรี๊ดดดหยุดนะคะ หยุดนะ! คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นี่!!!”
เพี๊ยะ!!!
อคิราห์ตบฉาดเข้าใบหน้าหล่ออย่างไม่ออมแรง ฝ่ามือร้อนผ่าวไม่ฟังเสียงห้ามปาม เขาดันข้อมือเล็กขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว ถลกกระโปรงที่รัดสะโพกกลมกลึงขึ้นเหนือเอว ก่อนจะใช้เข่าดันท่อนขาเล็กให้แยกออก เสียงร้องห้ามในตอนแรกกลายเป็นเสียงสะอื้นปนเสียงคราง น้ำตาที่กัดกลั้นไว้หลั่งลงหางตาหยดโต
คิมหันต์กัดฟันกรอดปลายนิ้วเขาสั่นเล็กน้อย เมื่อเกี่ยวแพนตี้ตัวน้อยลง แสงสลัวไม่ได้ทำให้ขี้แมลงวันสามจุดที่เรียงกันเป็นเส้นตรงข้างสะโพกเธอจางลงเลย
“ยังปฏิเสธอีกไหม”
“ฮึก...มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
นัยน์ตากลมโตที่เต็มไปด้วยน้ำใสเหลือบขึ้นสบตากับร่างสูง ริมฝีปากสั่นระริกของเธอขบเข้าหากันแน่น น้ำหวานใสเยิ้มทั่วกลีบกุหลาบบอบบางจนซึมผ่านเนื้อผ้าเพราะฤทธิ์ยา กำลังส่งกลิ่นหอมหวานกระตุ้นเขาไม่ต่างกัน
“ไอ้ระยำเอ๊ย!”
คิมหันต์มองคนใต้ร่างสลับกับขวดเหล้า “ผู้หญิงโง่ ๆ อย่างเธอจะใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้ไม่ได้เลยรึไงวะอคิราห์!!!”