เพื่อนหรือเมีย

1302 คำ
“หายไปไหนมาสองสามวันวะ” “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องนะ!” ใบหน้าหวานร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเหตุผลก่อนจะแสร้งโมโหกลบเกลื่อน กว่าเธอจะก้าวออกจากห้องนั้นได้ก็ผ่านไปหลายวัน คิดถึงการปะทะคารมระหว่างเธอกับคิมหันต์ อคิราห์ยิ่งอยากจะบ้าตาย แทบไม่มีคำพูดดี ๆ ระหว่างเธอและเขานอกจากสาดคำเจ็บปวดใส่กัน ก่อนจะจบลงบนเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องแต่พี่ธัญย์โทรมาตามเธอกับฉันแถมไม่เข้ามาทำงานหลังไปเจอไอ้อเล็กซ์อีก ดีนะที่มันเสนอหน้าอยู่ที่อื่น ไม่งั้นฉันคิดว่ามันลักพาตัวเธอไปแล้ว” “ไม่มีอะไรหรอก” “ถ้าป่วยก็ต้องบอกนะอาย เลิกเกรงใจฉันสะ...โอ๊ย ๆ อายเบามือหน่อยดิวะ หูพ่อถลอกหมดแล้ว” ภาพอันทุลักทุเลของหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวเดินตามกันมาในลานจอดรถกว้าง โดยมีหญิงสาวกระชากฝ่ายชายให้เดินตามด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด ใบหน้าเล็กโกรธจัดจนใบหูแดงก่ำ หญิงสาวจิกหัวชายหนุ่มให้เดินตามอย่างไม่มีความปรานี สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของชายหนุ่มได้ นั่นทำให้หญิงสาวหมั่นไส้จนเพิ่มแรงบิดใบหูเขาจนผิดรูปคามือ “เจ็บ ๆ หูคนนะโว้ยไม่ใช่หูหมา” ปริ๊นซ์ตะโกนลั่นลานจอดรถ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นเกาหูตัวเองที่แดงก่ำด้วยความทะนุถนอม ไม่สนใจอคิราห์ที่เดินกระแทกบูตส้นสูงดังก้องไปทั่วชั้นใต้ดินด้วยความโมโห อคิราห์เข้ามาร้องเพลงที่คลับปกติ แต่คนที่ตามมาเฝ้าเธออยู่บ่อยครั้งอย่างเพื่อนสนิท กลับมีเรื่องให้เธอเสี่ยงจะโดนไล่ออกไม่เว้นวัน ตั้งแต่เธอตามหาเขาเจอในขณะที่กำลังนัวกับฝ่ายตรงข้าม หญิงสาวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงกระชากเขาเดินออกมาจากผับทันที ปล่อยให้คู่อริมองตาค้าง พูดแล้วก็เจ็บใจไม่หายไอ้พวกนั้นคงได้หัวเราะเยาะเขาแน่ แต่มีหรือที่คนอย่างอคิราห์จะฟัง นอกจากจะไม่ยอมอ่อนลงเธอยังฟาดมือลงหลังเขาไม่ยั้งอีกด้วย “อ่อ...หูคนเหรอ นึกว่าหูหมาถึงพูดไม่รู้ฟัง!” “ก็ฉัน...” “ไม่ต้องมาเถียง! ทำไมชอบหาเรื่องซวยให้ฉันนักนะ บอกแล้วไงว่านายจะไปมีเรื่องที่ไหนก็ได้ แต่อย่าเป็นร้านที่ฉันทำงาน” อคิราห์เถียงกลับทันควัน ใช้เท้ายันผลักปริ๊นซ์จนล้มกลิ้งไปกับพื้น สีหน้าไม่สบอารมณ์มากนักบ่งบอกว่าเธอไม่มีอารมณ์จะมาเล่นด้วยในตอนนี้ เมื่อใบหน้าหล่อของเพื่อนสนิทมีรอยช้ำทั่วทั้งใบหน้า แต่ไม่มีร่องรอยของความสลดสักนิด ปริ๊นซ์ยันตัวขึ้นใบหน้าประดับด้วยยิ้มร่าเริง เขาถุยเลือดที่มุมปากลงพื้นก่อนจะเถียงกลับอีกครั้ง “ก็ไอ้พวกเหี้ยนั่นมันชอบมาร้านที่เธอทำงานนี่หว่า” “เพราะพวกมันตามนายมาต่างหากปริ๊นซ์! เลิกตามมาสักที” “ฉันก็แค่แวะมาดื่มไม่ได้ตามเธอสักหน่อย” “ปริ๊นซ์...” หญิงสาวเรียกเขาเสียงเขียวพลางชักสีหน้า ร่างสูงก็ทำได้เพียงยิ้มแหย “ทำงานกลางคืนมันอันตรายนี่หว่า คืนก่อนฉันไม่มีคืนเดียวไอ้เหี้ยอเล็กซ์ก็เรียกเธอไปไม่ใช่รึไง แล้วจะไว้ใจได้ไง” “ฉันดูแลตัวเองได้น่า เลิกทำเหมือนฉันเป็นเด็กแล้ววิ่งตามเป็นลูกไล่ดูแลฉันสักที นายกับฉันไม่ใช่เด็กมอปลายอีกแล้วนะ” “...” ร่างสูงกัดฟันกรอดก่อนจะเงียบไป “เราเป็นเพื่อนกันนะปริ๊นซ์เลิกห่วงฉันจนไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองได้แล้ว” “ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรฉันก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อยนั่นทำให้คนที่ตั้งท่าจะเถียงเงียบลง ใบหน้ากังวลของหญิงสาวทำเขาคลางแคลงใจแต่เลือกที่จะไม่ถามออกไป “เฮ้อออถ้าเฮียคิงไล่ฉันออกจากงานเมื่อไหร่ เตรียมตัวโดนฉันกะซวกไส้นายออกมาให้หมากินได้เลย!” “ขู่เก่งจริง ๆ เลย” “ขึ้นรถได้แล้ว ฉันง่วงแล้ว” “แต่พูดก็พูดเถอะ มันน่าอายนะโว้ยที่สงครามยังไม่จบแล้วโดนผู้หญิงลากตัวหายไป ไอ้ควายนั่นมันหัวเราะฉันแล้วเนี่ย” พูดเหมือนจะไปออกรบ อคิราห์กลอกตาเป็นเลขแปดแทบอยากจะกระโดดเข้าไปตีคนพูดให้เจ็บตามแรงอารมณ์ แต่ทำได้แค่ระงับความโกรธสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนพูดต่อ “ถ้านายเลือกที่จะกลับไปฉันจะตามใจนาย” เธอกอดอกพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “พูดจริงนะ” “ไปสิ ไสหัวไปแล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้านายอีกนะปริ๊นซ์ ถ้าความเดือดร้อนของฉันมันไม่ทำให้นายฉุกคิดได้เลย แม้แต่คนรู้จักก็ไม่จำเป็นถูกไหม” หญิงสาวเลิกคิ้วถามพลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ทั้ง ๆ ที่ร้านนี้เป็นกิจการของครอบครัวเขา แต่ดันหาเรื่องซวยให้ร้านเสียรายได้และเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนพี่ชายของปริ๊นซ์อย่างคิงแทนที่จะดูแลน้องตัวเองดันมาไล่บี้กับเธอ ขู่ว่าจะไล่เธอออกจากงานทุกครั้งทุกคราวที่หมอนี่มีเรื่อง ความยุติธรรมบนโลกนี้มันเป็นแค่คำไม่มีความหมายรึไง ถ้าเธอโดนไล่ออกจากงานนี้จะเอาเงินที่ไหนกินเล่า “ไปสิ” เธอย้ำอีกครั้ง ติ๊ด! “เออ ๆ ก็ได้วะ ขึ้นรถดิ อั่ก! ไอ้อาย” เมื่อเขายอมรับ อคิราห์ก็ไม่น้อยหน้าฟาดมือลงบนแผ่นหลังแข็งแกร่งของเพื่อนเต็มแรง ก่อนฉวยกุญแจเดินขึ้นรถปล่อยให้คนตัวสูงร้องโอดโอยไม่สนใจ เจ็บซะบ้างจะได้สำนึก ดีแต่ทำชาวบ้านเขาเดือดร้อน “นี่ปริ๊นซ์! นายจะนั่งตรงนั้นให้ฉันลงไปซ้ำใช่ไหม ลุกสิ!” อคิราห์เปิดประตูเหลือบไปมองเจ้าเพื่อนตัวดีที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม เสียงแว้ดของเจ้าตัวทำเอาเจ้าของชื่อเบ้หน้าใส่ เขาไหวไหล่ไม่ยี่หระเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่ง แต่สายตายังมองไปที่ลิฟต์ไม่ละสายตาแม้จะออกรถแล้ว “ยังอีก!” ว่าพลางฉวยหูหมับเต็มมือแล้วออกแรงบิดไม่ออมแรง “เจ็บนะโว้ย แล้วโหดให้มันน้อยลงหน่อยดิวะ หลังแทบเดาะ หูก็จะหลุดคามือแล้ว เพื่อนหรือเมียวะ” “ถ้าจะทำตัวแบบนี้ ก็เลิกวุ่นวายแล้วหาเรื่องมาให้ฉันสักที” หญิงสาวขึ้นเสียงจริงจัง แต่คนข้างกายกลับหัวเราะ เขาลูบหูตัวเองปรอย ๆ แต่ยังคงบ่นไม่เลิกก่อนจะเคลื่อนรถออกไป ปล่อยให้อคิราห์กระชากเข็มขัดบนรถหรูคาดอก พลางยื่นมือไปจิ้มเปิดเพลงเบา ๆ ตรงหน้ารถด้วยความเคยชิน “ฝันไปเถอะฉันจะเกาะติดเธอเหมือนปลิงเลย” “เดี๋ยวเถอะ!” “ขอโทษได้ไหมเล่า มาเลือกดีกว่าว่าก่อนกลับเธออยากกินอะไร แวะกินบะหมี่ตรงข้างหน้าก่อนไหม” “ฉันไม่ใช่เด็กนะ ถึงมาเปลี่ยนเรื่องกินแล้วฉันจะหลงกลน่ะ” “ค้าบ ๆ ว่าแต่จะกินไหม” “กินสินายเลี้ยงแล้วกัน” “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” ปริ๊นซ์อมยิ้มพลางพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเหยียบคันเร่งพารถพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม