น่าจะทำให้คนฟังรู้ว่าเธอไม่ใช่สาวเฉิ่มเชยถึงกับไม่มีใครมาสนใจ
“แล้วพี่พีร์มีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวถามทั้งที่พอจะเดาได้
“เยอะ”
เขาตอบสั้นๆ แต่ก็ชัดเจนในความหมาย
“งั้นหย่าก็ได้ค่ะ… พี่พีร์จะได้ไม่อึดอัด ไม่ต้องมาทนอยู่กับดาว”
“อืม… ช่วงนี้ทนๆ กันไปก่อน รอไว้สักพักแล้วพี่จะหย่าให้”
น้ำเสียงของชายหนุ่มทำราวกับว่าเห็นใจเธอ บางทีเขาอาจลืมไปว่าสังคมให้คุณค่ากับคำว่า ‘พ่อหม้าย’ กับ ‘แม่หม้าย’ ต่างกัน ไม่มีใครถือสาพ่อหม้ายที่ผ่านการใช้ชีวิตและหย่าร้างมาแล้ว ต่างจากฝ่ายหญิงที่มักจะถูกตีค่าว่าเป็นของมือสอง ถ้าหย่ากับเขาเธอก็คงมีค่าแค่ของที่ใช้แล้ว
“ค่ะ… ”
ดาราวดีตอบเพียงสั้นๆ ทั้งที่สีหน้าออกอาการตกใจมิใช่น้อย ด้วยเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ คิดแต่ว่าอยู่ๆ กันไปก็จะรักกันไปเองเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่บอก
ดาราวดีเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มคิดอีกอย่าง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ดูเหมือนว่าอนาคตภายภาคหน้าระหว่างเธอกับผู้ชายคนนี้ช่างเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
“แล้ว… ”
กะว่าจะถาม ครั้นแล้วก็นิ่งเงียบไปเฉยๆ เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าบางที่การนิ่งเงียบเอาไว้จะดีกว่า
“แล้วอะไร? ข้องใจอะไรเราก็ควรจะคุยกันแบบเปิดอก ดีมั้ย อยู่กันเป็นส่วนตัวอย่างนี้ อยากรู้อะไรก็ถามมาได้ ไม่ต้องมาทำอ้ำอึ้ง”
ทำราวกับว่าเขาล่วงรู้เข้าไปในความคิดของเธอยังงั้นแหละ หญิงสาวยังคงนั่งนิ่ง ชั่งใจว่าจะถามดีไหม
“แล้วพี่พีร์พาดาวมาเที่ยวทำไมล่ะคะ”
เธอแอบคิดไปเองว่าที่พามาอัมพวา เป็นเพราะเขาอยากใช้เวลาส่วนตัวเพื่อฮันนีมูนกับเธอ เพราะลึกๆ ในใจของหญิงสาวเธอพร้อมที่จะเรียนรู้และเปิดรับความสัมพันธ์ใหม่ๆ กับเขา ด้วยเธอเองก็ไม่มีใครที่ไหน อย่างที่บอกว่าเธอไม่เคยนึกถึงเรื่อง ‘หย่า’ เลยสักนิด กระทั่งเขาเอ่ยออกมาเอง
“ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ หญิงแม่กับป๊ะป๋าพี่เจ้ากี้เจ้าการออกซะขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่ยอมพามามีหวังโดนบ่นไปสามวันเจ็ดวัน”
“ถ้าพี่พีร์ไม่อยากไปอัมพวา… ก็ไม่ต้องไปก็ได้นะคะ”
หากชายหนุ่มสังเกตสักนิด จะรู้ว่ามีความน้อยใจเจืออยู่ในน้ำเสียงของดาราวดี
“ไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว คงต้องเลยตามเลย อีกเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว นานแล้วเหมือนกันที่พี่ไม่ได้มาอัมพวา”
อีกครู่ใหญ่ๆ ต่อมา หนุมสาวก็พากันเดินทางมาถึงสวนลิ้นจี่ที่บ้านสวนอัมพวา ป้าปริกกับลุงหวังซึ่งเป็นคนดูแลสวนตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ตามที่คุณหญิงผกาโทรมาสั่งเอาไว้ล่วงหน้า
ป้าปริกพาหนุ่มสาวมาที่ห้องพัก ด้วยพีรวิทย์ไม่ได้มาเสียนาน หลายๆ อย่างจึงดูแปลกตาไปมากในความรู้สึกของเขา ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของสวนซึ่งแน่นขนัดไปด้วยต้นลิ้นจี่ ช่อสีแดงดกสะพรั่งไปแทบทุกกิ่งก้าน คูคลองน้อยๆ ที่ทอดผ่านเพื่อผันน้ำเข้ามาในสวนมีปลาเล็กปลาน้อยดำผุดดำว่ายเต็มไปหมด ที่ท้ายสวนแลเห็นหนองน้ำกว้างใหญ่ เชื่อมต่อมาจากลำน้ำอัมพวา น้ำใสแจ๋วน่าลงไปดำผุดดำว่าย
“น้ำใสจังเลยนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยกับสตรีสูงวัยที่เดินเคียงกันมาข้างๆ ด้วยสีหน้ารื่นรมย์
“ถ้าคุณดาวอยากเล่นน้ำละก็ รอให้แดดร่มลมตกก่อนนะคะ ค่ำๆ น้ำจะขึ้นกว่านี้”
“ค่ะป้า… ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ตั้งใจว่าค่ำๆ จะลงมาเล่นน้ำ
ครู่ต่อมาป้าปริกก็พาหนุ่มสาวเดินมาถึงเรือนพัก เป็นบ้านไม้สองชั้น กว้างขวาง แม้จะเป็นบ้านแบบโบราณ แต่ภายในก็พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ
“ป้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แล้วนะคะ… ทั้งของว่าง ทั้งเครื่องดื่มในตู้แช่ ถ้าคุณพีร์อยากได้อะไรเพิ่มเติมเรียกป้าได้เลยนะคะ อ้อ… ป้าสั่งให้คนเตรียมอาหารค่ำไว้แล้ว จะตั้งโต๊ะที่ศาลาริมน้ำ เป็นซีฟู้ดทะเลปิ้งย่าง ทั้งกุ้ง หมึก ปู เพียบค่ะ… แล้วยังมีเมนู… อิอิ”
ป้าปริกหัวเราะเสียก่อนที่จะทันได้พูดจบ
“แน่ะ… มีขำ เมนูพิสดารอะไรหรือป้า”
พีรวิทย์ย่นหน้าผากถาม
“หอยนางรมสดค่ะ… คุณหญิงผกาท่านโทรมาสั่งให้เตรียมเอาไว้ให้คุณพีร์โดยเฉพาะ.. คริ คริ”
“โห… คืนนี้ผมมีหวังได้ตะกายข้างฝาแน่ๆ”
ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะ เหมือนรู้ว่ากินหอยนางรมไปก็เท่านั้น เพราะคงไม่ได้ใช้แน่ๆ
“บรรยากาศแบบนี้… เดี๋ยวก็รู้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าขอตัวก่อนนะคะ สักพักจะมีคนเอากุ้งหอยปูปลามาส่งค่ะ ป้าโทรไปสั่งเรือประมงเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน คุณหญิงกำชับกำชานักหนาว่าให้เตรียมเอาไว้ให้คุณพีร์โดยเฉพาะเลยนะคะเนี่ย”
ได้ยินที่ป้าปริกบอก ก็ทำให้ดาราวดีรู้ว่าพีรวิทย์เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิงผกากับนายพลพิศาส ไม่ว่าเขาขยับจะทำอะไร อยู่ที่บ้านก็มีคนรับใช้คอยล้อมหน้าล้อมหลัง ดูแลเอาอกเอาใจไม่ห่าง จึงไม่แปลกที่เขามักแสดงอารมณ์แบบคุณหนูผู้เอาแต่ใจตัวเองออกมาให้เธอได้เห็นบ่อยๆ
“ขอบคุณครับป้า… ป้ามีธุระอะไรก็ไปทำเถอะครับ”
เมื่อร่างอวบของสตรีสูงวัยลับไปจากสายตา ดาราวดีเดินเข้าไปชมเรือนพัก สภาพภายในกว้างขวางพอให้อยู่อาศัยได้หลายคน ป้าปริกสั่งให้คนใช้ปัดกวาดจนสะอาดสะอ้าน แทบไม่หลงเหลือร่องรอยฝุ่นให้ระเคืองสายตา
เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอน สิ่งแรกที่สะดุดเข้ากับสายตาก็คือเตียงนอนกว้างขวาง ที่ดาราวดีตกใจก็เพราะว่ามีอยู่เตียงเดียว
แรกทีเดียวหญิงสาวกะว่าจะบอกกับพีรวิทย์ให้เพิ่มเตียงเสริมเข้ามาให้เธอ จะได้ไม่ต้องนอนเตียงเดียวกันแล้วเอาหมอนข้างกั้นกลาง แต่สุดท้ายก็นิ่งไว้ รอดูเขาจะว่ายังไง และเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเตียง บางทีอาจเป็นว่าเพราะเขาลืมสังเกต หญิงสาวจึงปล่อยเลยตามเลย ถ้าเขาอยากนอนแยกเตียงค่ำๆ ค่อยว่ากันอีกที หรือไม่ก็เอาหมอนข้างกั้นกลางเหมือนคืนที่ผ่านมา
’
“อุ๊ย… ตายจริง”
หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ
“มีอะไร”
คนที่นั่งไขว่ห้างจิบเบียร์เย็นๆ อยู่ที่ระเบียงหลังห้องตะโกนถามเมื่อได้ยินเสียงอุทาน
“กระเป๋าเดินทางอีกใบค่ะ… ว้า ขี้ลืมจริงๆ ยัยดาว”
เธอส่ายหน้า นึกตำหนิตัวเอง ที่เป็นกังวลก็เพราะว่าชุดชั้นในทั้งหมดที่เตรียมเอาไว้รวมอยู่ในกระเป๋าใบนั้น
“กระเป๋าอะไร”
เสียงตะโกนถามมาจากระเบียง