bc

สายลับจับรัก

book_age18+
411
ติดตาม
1K
อ่าน
จบสุข
หวาน
เมือง
like
intro-logo
คำนิยม

กฎในการเปิดอาบ อบ นวดของพศวัต คือห้ามข้องเกี่ยวกับสาวสวยในร้าน

แต่เมื่อเด็กใหม่อย่างลลดา สะดุดตาจนไหวหวั่น

กฏเกณฑ์ใด ๆ คงต้องละทิ้งไว้ เพราะห้ามใจไม่ไหวจริง ๆ

ทว่าเขาหน้ามืดไว้ใจคนสวย หลงใหล ได้ปลื้ม คิดแต่จะกลืนกิน

เลยไม่รู้ซะแล้วว่าเธอเป็นสายสืบให้ตำรวจ

แถมยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยมีชายใดได้ล่วงล้ำ เข้ามาปลุกปล้ำความสาว

นี่จึงเป็นเรื่องราวของหนึ่งคนที่หวังจะ... สุขสม แต่อีกคนหวังจะ... สืบสาว

และเธอก็พร้อมควักเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาใช้ทำงาน

โดยหวังว่าปลายทางแห่งการทุ่มเท... ชีวิตจะได้ก้าวผ่านความบัดซบไปเสียที

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1...
“สวัสดีครับคุณวัต รถติดไหมครับ” เสียงผู้จัดการร้านเอ่ยถามพศวัต ผู้เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอาบ อบ นวดชื่อดังใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งฝ่ารถติดมาถึงร้านในช่วงค่ำ และอีกไม่นานจะถึงเวลาประชุมประจำเดือน “นิดหน่อย” เจ้านายตอบคำถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากใครไม่รู้จักมักคุ้น อาจจะคิดว่าเขาเย็นชา ไร้ซึ่งมิตรไมตรี แต่นี่คือนิสัยติดตัวที่คนรอบกายรู้ดีว่าเขาไม่ค่อยยิ้มกว้าง ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ใครได้เห็นมุมปากสองข้างของเขายกสูงเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นบุญตาแล้ว “คุณวัตจะไปที่ห้องทำงานเลยไหมครับ ถ้าไปเลย ผมจะส่งน้อง ๆ เอาน้ำเย็นไปเสิร์ฟ” มารุตถามอย่างเอาใจ แม้เขาจะเข้มงวดกับการทำงาน จนสร้างความกลัวให้กับลูกน้องมากมาย แต่ก็จ่ายค่าจ้างเต็มที่ ไม่เคยเอาเปรียบ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว และน้อง ๆ ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือสาวสวยในร้านนั่นเอง “ไปห้องทำงาน” เขาพูดจบก็เดินเข้าร้านผ่านประตูด้านหลัง มองตรงไปยังห้องแต่งตัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็กว้างมากพอที่จะรองรับคนเกือบร้อยชีวิต ห้องนี้เปรียบเสมือนห้องแต่งตัวของบรรดาหญิงสาวมากหน้าหลายตา ที่ต้องเตรียมตัวให้สวยตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนเริ่มทำงาน “รุต” “ครับ?” “นั่นใคร” พศวัตชี้ไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังยืนก้มหน้า สองมือจับกุมกันไว้อย่างสำนึกผิด “เด็กใหม่ครับ” มารุตตอบสบาย ๆ ที่นี่มีผู้หญิงหมุนเวียนกันตบเท้าเข้ามาทำงาน ส่วนคนที่เจ้านายพูดถึงคือลลดา เธอกำลังถูกพนักงานต้อนรับลูกค้าหรือที่คนในวงการเรียกว่าเด็กเชียร์แขกตำหนิเรื่องการทำงาน “ไปทำอะไรผิดมา” “ท้องเสียครับ” “ท้องเสีย?” “ครับ เมื่อคืนเสี่ยโจ้เห็นแล้วถูกใจมาก แต่ขึ้นห้องยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสี่ยก็ลงมาโวยวายว่าน้องท้องเสีย” “แล้วได้คิดเงินไหม” “ไม่ได้คิดเงินครับ ผมขอโทษเสี่ยโจ้ และชดเชยให้หนึ่งคืนครับ” พศวัตได้ยินแล้วแต่ไม่พูดอะไร ตาจ้องมองลลดาที่ยังคงถูกต่อว่าอย่างพิจารณา “คุณวัตจะให้ผมเรียกไปเสิร์ฟน้ำไหมครับ” “ไม่ต้อง ผมไม่หิว” “ครับ” มารุตพยักหน้า สั่งเพียงเท่านี้เป็นอันเข้าใจว่าตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไป ห้ามใครคนใดไปรบกวนโดยเด็ดขาด “เดี๋ยวรุต” “ครับคุณวัต” “ชื่ออะไรนะ?” คำถามของเขาไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงคนใด แต่สายตาที่มองไปยังเด็กใหม่คนนั้นก็ชัดเจนมากพอ “ลลดาครับ” “ขอบใจ” พศวัตพยักหน้ารับทราบเมื่อได้คำตอบ กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคารสูงที่หรูหราไม่แพ้โรงแรมห้าดาว ก่อนจะเข้าห้องทำงานของตัวเองพร้อมเปิดหน้าจอขนาดใหญ่บนผนังห้อง ซึ่งแสดงภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวที่ติดตั้งไว้ภายในร้านเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย เขาใช้เวลาดูภาพจากส่วนที่ใช้ต้อนรับลูกค้านานเป็นพิเศษ เพราะบริเวณนี้คือห้องรับแขกประจำบ้าน เมื่อขยายภาพเข้าออกตามความทันสมัยของกล้องและพบว่าไม่มีอะไรขวางตา ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น มือจึงเลื่อนหา ‘เด็กใหม่’ ที่มารุตบอกเมื่อครู่ ว่าอยู่ในการมองเห็นของกล้องตัวใด “ลลดา...” เขาเตือนความจำด้วยการทวนชื่อเธอเบา ๆ ขยายภาพจากกล้องตัวหนึ่งในห้องแต่งตัวให้เต็มจอ เพื่อจะได้เห็นเธอชัดยิ่งขึ้น ในสายตาของพศวัต ผู้หญิงที่กำลังแต่งเติมใบหน้าอยู่ตอนนี้แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นในร้าน แต่ไม่ใช่เพราะเธอไม่สวย อาบ อบ นวดที่ทุกอย่างหรูหรา ดูดี เหมือนสรวงสวรรค์ แขกที่มาใช้บริการล้วนกระเป๋าหนัก ผู้หญิงที่เข้าทำงานในร้านอย่างสมัครใจ จึงต้องมีใบหน้าชวนให้ชายทุกคนหลงใหล แต่ความสวยของเธอไม่เหมือนใคร เด็กใหม่ที่มารุตพูดถึงมีความสวยที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาอย่างลงตัว ไม่มีสิ่งใดมากไปหรือน้อยไป ไม่ได้ถูกแก้ไขหรือเพิ่มเติมอะไรจากคลินิกศัลยกรรม หรือหากเธอทำ ฝีมือหมอก็คงดีน่าดู “เฮ้ย... มึงเห็นเด็กใหม่ยังวะวัต” ทีปกร เพื่อนซี้ที่ลงขันกันเปิดอาบ อบ นวดกับพศวัตเอ่ยถามเมื่อการประชุมประจำเดือนสิ้นสุดลง “เห็นแล้ว” “เป็นไงบ้าง” เขาถามพร้อมส่งกระป๋องเบียร์เย็น ๆ ให้เพื่อนที่นิสัยแตกต่างกันแทบทุกอย่าง มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่ชอบเหมือนกัน นั่นก็คือการทำธุรกิจและสาวสวย สถานสร้างสุขแห่งนี้จึงก่อร่างสร้างเสร็จ จนถูกขนานนามว่าเป็นอาบ อบ นวดระดับวีไอพี “เมื่อวานมึงไปไหนมานะ” “ไปพัทยา ไปศึกษาดูงาน” ทีปกรตอบสบาย ๆ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจที่เพื่อนไม่ตอบคำถาม แถมยังเปลี่ยนเรื่องคุย ทว่าไม่อยากเซ้าซี้ เข้าใจดีว่าเพื่อนเป็นคนแบบไหน หากไม่มีความเห็นใด ๆ หรือไม่อยากตอบ พศวัตจะเงียบหรือเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที “แล้วเป็นไงบ้าง เราควรปรับปรุงอะไรไหม” “ไม่ กูไม่ได้เข้าข้างนะ แต่ร้านเราแม่งสุดยอดมากเลยว่ะ นี่คืออาบ อบ นวดที่ผู้ชายสายหื่นทุกคนฝันว่าต้องมาให้ได้สักครั้งก่อนตาย” พศวัตหัวเราะในลำคอ ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่นี่ดีกว่าที่อื่น เพราะหลักฐานก็มีให้เห็นเต็มสองตา แต่ที่บอกว่า ‘ผู้ชายสายหื่นทุกคนฝันว่าต้องมาให้ได้สักครั้งก่อนตาย’ มันเกินจริงมากไปหน่อย “แล้วมึงจะไปไหนต่อวัต” “กูยังไม่ไปไหน จะอยู่เคลียร์เอกสารก่อน” “ดีละ มึงต้องทำงานบ้าง มาบ่อย ๆ หน่อย กูเผลอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่คนเดียวหลายรอบแล้ว” “มึงถนัดงานนี้กว่ากู กูเชื่อใจมึงอยู่แล้วกร” “อย่าเชื่อกูให้มาก กูเก่งเรื่องอาบ อบ นวดก็จริง แต่เรื่องบริหารไม่มีใครสู้มึงได้อยู่แล้ว” “ถูกของมึง เพราะกูหุ้นเปิดร้านนี้เพื่อหาเงิน แต่มึงเปิดร้านนี้เพื่อสนองตัณหา” “ไอ้เหี้ยวัต! เอาความจริงมาพูดอีกแล้วนะมึง” ทีปกรโยนกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วใส่เพื่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฝ่ายนั้นหัวเสียแต่อย่างใด “มึงจะกลับแล้วเหรอกร” “ยัง” เขาพูดจบก็คว้ารีโมตเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าตู้กระจก ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง มีสาว ๆ เกือบยี่สิบคนที่ยังนั่งรอลูกค้า ส่วนอีกห้าสิบคนที่เหลือแยกย้ายกันไปรับแขกแล้ว “มึงมองอะไร” พศวัตเห็นเพื่อนเอาแต่จ้องหน้าจอจึงเอ่ยถาม “กูกำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้เด็กใหม่ยังไม่มีแขก” “ปกติมีแล้วเหรอ” พศวัตพลาดการรับรู้บางเรื่องไปบ้าง เพราะเข้ามาที่นี่แค่เดือนละสองสามครั้ง และไม่จำเป็นต้องมาที่นี่บ่อย ๆ เพราะเพื่อนดูแลความเรียบร้อยได้ดีอยู่แล้ว “มีทุกวัน ตั้งแต่มาทำงาน แขกแย่งจองตัวกันใหญ่ แต่อย่างที่มึงรู้ว่าร้านเราไม่รับจอง ใครมาก่อนได้ก่อน แต่วันนี้หลิงยังนั่งอยู่ที่เดิม” “หลิง?” “ใช่ เธอชื่อหลิง ชื่อจริงชื่ออะไรไม่รู้ ล.ลิงเยอะ ๆ กูจำไม่ได้” พศวัตได้ยินดังนั้นก็ตอบในใจว่าเธอชื่อ... ลลดา “มึงรู้ไหมวัต น้องหลิงมาทำงานเจ็ดวัน ทำเงินให้เรามากกว่าบางคนที่อยู่มาเป็นเดือนอีกนะ” “พูดเป็นเล่นไอ้กร” พศวัตตกใจ หากพูดกันตามตรง เด็กในร้านทำงานกับแขกหนึ่งคน ก็ใช้เวลาครั้งละหนึ่งถึงสองชั่วโมง มากสุดก็รับแขกได้แค่สี่คนต่อหนึ่งคืน มากกว่านั้นร่างกายคงรับไม่ไหว “กูพูดจริง วันแรกที่ทำงาน มีแขกเหมาไปทั้งคืน คืนที่สองคนเดิมมาเหมา คืนที่สามน้องรับแขกสองครั้ง คืนที่สี่น้องรับแขกสามครั้ง คืนที่ห้าโดนเหมา คืนที่หกไอ้คนแรกมาเหมา คืนที่เจ็ด...” “ท้องเสีย” “เออ! รุตเล่าให้มึงฟังแล้วใช่ไหม เสี่ยโจ้แม่งบ่นฉิบหาย แกรอคิวมาหลายวัน เมื่อวานมารอตั้งแต่บ่าย พอประตูเปิดปุ๊บ แกเดินไปชี้เลยว่าจะเอาน้องหลิง แต่เสี่ยยังไม่ยอมแพ้นะ แกบอกว่าเสร็จธุระที่ต่างจังหวัดแล้วจะกลับมาอีก” “สงสัยวันนี้จะยังเพลีย ๆ เต้เลยไม่ได้เสนอให้แขกมั้ง” พศวัตออกความเห็น เต้ หรือ เตชิต มีหน้าที่คอยแนะนำเด็ก ๆ ให้แขกเลือก (เด็กเชียร์แขก) เตชิตคงเห็นว่าลลดายังเพลียจากอาการป่วย เลยปล่อยให้เธอได้พัก เด็กใหม่ที่ว่าเลยยังนั่งอยู่ในตู้กระจกตั้งแต่ร้านเปิด “เออ! น่าจะเป็นแบบที่มึงพูด เพราะฉะนั้นกูกลับบ้านดีกว่า ส่วนมึงก็ทำงานไปนะเพื่อน” ทีปกรเลิกสงสัย ปิดหน้าจอและวางรีโมตลงบนโต๊ะทำงานดังเดิม “ครับ” “ครับเชี่ยไร!” “อยากโดนตีนยัดปากเหรอมึงอะ” พศวัตตอบกลับกวน ๆ ก่อนสองหนุ่มจะหัวเราะกับการกวนบาทาที่ไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นคนเริ่ม “มึงดูเหงาปากนะ ถ้าว่างมากก็หาเมียได้แล้ว อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ ปีนี้สามสิบห้าแล้วนะเว้ย” “มึงรู้ได้ไงว่ากูเหงา กูไม่เคยพูดนะ” “ก็มึงไม่มีแฟนมาหลายปีแล้ว” “ไม่มีแฟนก็ไม่จำเป็นต้องเหงานิ กูอยู่คนเดียวได้ มึงไม่ต้องห่วง กูไม่เหมือนมึงหรอกนะ อ้างว่าเหงา จะได้เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย” “ก็กูโสด กูจะทำอะไรได้” “กูก็โสด กูจะทำอะไรได้เหมือนกัน กูจะมีแฟนตอนไหนก็เรื่องของกู” “เออ กูไม่คุยกับมึงละ เซ็นอนุมัติซื้อผ้าขนหนูให้กูด้วย กูสั่งมาอีกห้าพันผืน” “มึงเอามาทำเชี่ยอะไรห้าพันผืน!” “มึงคิดตามกูนะวัต หนึ่งห้อง มึงต้องวางผ้าเช็ดตัวไว้ 5 ผืนต่อแขกหนึ่งคน แล้วที่นี่มี 100 ห้อง แปลว่าอย่างน้อยในหนึ่งวัน มึงต้องใช้ 500 ผืนต่อ แล้วมันก็ต้องสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันใช้ ไหนช่วงนี้ฝนจะตก ผ้าไม่แห้ง มีกลิ่นอับชื้น มึงอยากให้แขกให้ใช้ผ้าเหม็น ๆ ชวนหมดอารมณ์เหรอวะ” “โอเค เดี๋ยวกูเซ็นให้ จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องสาธยายเยอะ ขี้เกียจฟัง” พศวัตเลิกเซ้าซี้ ตอนนี้เข้าใจถึงความจำเป็น และฝนที่เพิ่งหยุดตกไปไม่นานก็ช่วยสนับสนุนเหตุผลของเพื่อนได้เป็นอย่างดี “ก็แค่นี้ กูไปละ” “เออ ล็อกประตูด้วย” เขาตอบห้วน ๆ มองตามจนแน่ใจว่าทีปกรไม่อยู่พูดอะไรให้รำคาญหูแล้วก็หาแฟ้มเอกสารเบิกเงินซื้อผ้าขนหนูมาเซ็นก่อนแฟ้มอื่น พร้อมกับเคลียร์เอกสารที่เหลือไปพร้อมกับสายฝนที่ไหลรินลงมาอีกครั้ง “ขอโทษค่ะ!” ลลดารีบยกมือไหว้คนที่วิ่งฝ่าสายฝนจากหลังร้านมาพร้อมกัน ทว่าตาไม่ทันสังเกตว่าคนคนนั้นเป็นใคร เมื่อขอโทษขอโพยเสร็จ เธอก็รีบก้มเก็บของในกระเป๋าที่ตกกระจายอยู่เต็มพื้น “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเก็บเอง” เธอห้ามเมื่อเขาจะหยิบกล่องดินสอ กลัวมือจะสกปรก ลำพังแค่มองไม่เห็นจนวิ่งชนเข้าอย่างจัง เขาก็เดือนร้อนมากพออยู่แล้ว มือจึงรีบคว้าทุกอย่างลงกระเป๋าผ้าใบใหญ่อย่างรวดเร็ว “ยังไม่หมดครับ” “อุ๊ย! ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้อีกครั้ง ยื่นมือไปรับเสื้อนักศึกษาที่สีขาวของมันถูกสีน้ำตาลจากดินที่เปียกแฉะแต่งแต้มไปเสียแล้ว “ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันระวังเลยวิ่งชนคุณค่ะ” ลลดาบอกอีกครั้ง ด้วยไฟที่ตั้งใจทำไว้ให้ส่องสว่างเพียงน้อยนิดเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ทำให้การมองเห็นในช่วงฝนตกหนักนั้นไม่ชัดเอาเสียเลย และเมื่อได้มองคู่กรณีใกล้ ๆ หลังจากเก็บของทุกอย่างหมดแล้ว เธอก็ทำกระเป๋าหล่นลงพื้นอีกครา “คุณวัต...” “ครับ” พศวัตตอบสั้น ๆ ใช่... ผมชื่อวัต จะให้ตอบว่าไม่ใช่ได้อย่างไร “ขอโทษค่ะ” อีกครั้งที่เธอยกมือไหว้ รู้สึกผิดกว่าเก่า เมื่อเห็นว่าคนที่เดินชนเป็นถึงเจ้าของร้าน “ไม่เป็นไรครับ” “ถ้าอย่างนั้น หนู... ขอตัวนะคะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ” เธอไม่รอคำตอบว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่ แค่สบตากันเมื่อครู่ก็รู้ว่าเขาก็น่าจะได้ยินแล้ว ตัวจึงก้มลงไปหยิบกระเป๋า สาวเท้าก้าวเดินช้า ๆ เมื่อห่างมากพอที่หากวิ่งแล้วน้ำไม่กระเด็นใส่เจ้านาย ขาทั้งสองข้างก็เร่งจังหวะในทันที แต่เธอไม่ได้จะหนีใคร ไม่ได้วิ่งไปไหนไกล เพียงแค่มาร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ เพื่อซื้อเสื้อกันฝน ถุงดำใส่ขยะ และผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาเช็ดของที่เปียกปอนเมื่อครู่ ลลดาใช้โอกาสยามดึกที่หน้าร้านสะดวกซื้อปราศจากผู้คน เททุกอย่างในกระเป๋าลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว เช็ดทุกอย่างให้แห้งด้วยผ้าขนหนูที่ซื้อมาเมื่อครู่ รู้ว่ามันจะไม่แห้งในช่วงเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เปียกชื้น โดยเฉพาะหนังสือเรียนที่ยังต้องใช้อีกหลายเดือน เพราะเพิ่งเปิดเทอมได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ข้าวของก็ถูกโกยลงถุงดำ โดยทุก ๆ การกระทำมีพศวัตนั่งมองจากในรถที่จอดห่างออกไปไม่ไกล ทีแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะจอด ไม่แม้แต่จะสงสัยว่า ‘เด็กใหม่’ จะรีบไปไหน คิดว่าเธอจะเรียกแท็กซี่ที่มารอรับส่งพนักงานร้านหลังเลิกงานกลับบ้าน แต่เมื่อเลี้ยวรถออกจากร้าน แล้วเห็นเธอเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ปลายนิ้วจึงสะกิดเปิดไฟเลี้ยว มือหมุนพวกมาลัยจอดเทียบข้างทาง พร้อมกับเท้าที่เหยียบเบรกในทันที พศวัตเห็นลลดาออกมาจากร้านก็มองเธอด้วยความแปลกใจ คิดว่าเธอคงเข้าไปซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ เพื่อคลายหนาว คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะซื้อผ้าขนหนูมาเช็ดหนังสือเรียนอย่างตั้งใจ เขามองเด็กใหม่อยู่แบบนั้น มองไปก็ใช้ความคิดว่าเมื่อตอนที่เดินชนกัน มีของอะไรตกอยู่ที่พื้นบ้าง ถ้าจำไม่ผิดก็มีกล่องดินสอ หนังสือเรียนสองเล่มที่ไม่ทันได้ดูว่าเป็นวิชาอะไร แฟ้มเอกสาร กระโปรงนักศึกษาสีดำ เสื้อนักศึกษาสีขาว กระเป๋าใบเล็ก ๆ อีกใบที่ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร และพวงกุญแจหนึ่งพวง “สาม” เขาพูดเบา ๆ หลังจากนับว่าเธอถูกรถแท็กซี่ปฏิเสธมากี่คันแล้ว “ห้า” “เก้า” “สิบ” เมื่อพูดจบก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ตั้งใจจะลงไปชวนลลดากลับพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูรถ แท็กซี่คันที่สิบเอ็ดก็ยินดีรับหญิงสาวตัวเปียกปอนไปส่งยังจุดหมายปลายทาง พศวัตถอนหายใจ โล่งอกที่เด็กใหม่ได้กลับบ้าน หลังจากนั่งตัวสั่นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเอาเวลาพักผ่อนมานั่งมองเด็กคนนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรกับชีวิต หรืออาจจะเป็นเพราะ... เมื่อตอนเย็นเห็นเธอวิ่งตัดหน้ารถ หรืออาจจะเป็นเพราะ... เมื่อตอนค่ำได้เห็นเธออีกครั้งในร้าน หรืออาจจะเป็นเพราะ... เมื่อครู่บังเอิญเดินชนกัน หรืออาจจะเป็นเพราะ... สงสัยว่าเหตุใดเธอถึงห่วงหนังสือเรียนกว่าสิ่งอื่นใด เงินจากการทำงานแบบนี้ มันมากพอให้เธอไม่จำเป็นต้องเรียน อย่างที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นของเธอมองว่าการศึกษาไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวสะบัดความสงสัย จะเพราะอะไรก็ช่าง นี่คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกต่อไป พศวัตตั้งกฎกับตัวเองไว้ว่า ตลอดการทำธุรกิจสีเทาอย่างอาบ อบ นวด จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของร้านในเชิงชู้สาวเด็ดขาด เมื่อสิ้นสุดความคิด มือจึงดึงเข็มขัดนิรภัยคาดตัวไว้ดังเดิม เพิ่มเติมคือเท้าเหยียบคันเร่งและแซงรถแท็กซี่ของลลดาไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคนหนึ่งตัดสินใจจะไม่ข้องเกี่ยว อีกคนกลับจำเป็นต้องเข้าไปพัวพัน “หลิงเจอตัวคุณพศวัตแล้วนะคะ” ทันทีที่กลับถึงหอพักและโทรศัพท์ที่แบตเตอรี่หมดตั้งแต่ช่วงเย็นได้รับการชาร์จ ลลดาก็ส่งข้อความหาใครบางคน เมื่อหน้าจอบอกว่าการส่งเสร็จสมบูรณ์ เธอก็ทิ้งตัวนอนลงบนพื้นห้อง จ้องมองเพดานพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาซ้ำเติมความทรหดของชีวิต แต่หญิงสาวไม่ปล่อยให้ความเหนื่อยล้ากัดกินร่างกายและหัวใจจนหมดสิ้นความเข้มแข็ง เธอปรายตามองนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม หากทำการบ้านที่เหลือให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีเวลานอนอีกเจ็ดชั่วโมง เพียงพอที่จะหลับให้เต็มอิ่มก่อนตื่นไปเรียนตอนในช่วงบ่าย ลลดาเลิกท้อแล้วก็จริง แต่ความขี้เกียจยังเข้าสิงร่างไม่ยอมออก เธอถอดเสื้อผ้าที่เปียกปอนโยนไว้ในห้องน้ำ หยิบชุดนอนตัวเดิมกับเมื่อคืนมาใส่ ทิ้งตัวลงบนเตียงทั้งที่หัวยังเปียก และหลับใหลภายในห้านที ทว่าจากที่ตั้งใจจะนอนตีสาม ตื่นสิบโมง ตอนนี้สิบเอ็ดโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ไอ้นาฬิกาปลุกเจ้ากรรม มันไม่แหกปากตอนสิบโมงหรือไงเนี่ย

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook