‘แม้ไม่มีวาสนาได้ร่วมเตียง จะขอเพียงเก็บเงาร่างไว้ในใจ’ เวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงเศษเสี้ยวชั่วยามเก้าอี้ว่างที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหงกุ้ยฟางก็มีคนผู้หนึ่งนั่งลงอย่างถือวิสาสะ “หลี่หยางเฟย” นางคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับเขา “เจ้าสบายดีหรือ” หลี่หยางเฟยเอ่ยถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “ข้าสบายดี ยินดีด้วยสำหรับข่าวมงคล” คำอวยพรของนางทำให้รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้างามเกินชายของหลี่หยางเฟยเลือนลงจนไม่เหลือเค้าความยินดีซึ่งแสดงให้เห็นในตอนแรกที่เจอกับนาง เขานิ่งเงียบไปจนนางใจหาย กระทั่งมีเสี่ยวเอ้อก็เข้ามาสอบถามและถอยออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อหลี่หยางเฟยสั่งว่าต้องการดื่มสุรา “หากเจ้าสาวไม่ใช่เจ้า ข้าก็ไม่อาจยินดี” เขาเอ่ยน้ำเสียงเย็นราบเรียบ ทว่านัยน์ตาสีดำที่ดูนิ่งลึกราวมีหุบเหวแห่งความทุกข์อยู่ข้างในนั้นแสดงถึงความเจ็บปวดสาหัสได้ชัดเจน “ท่านทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจ” นางตำหนิเสียงเบา