ดาวผี

1316 คำ
ดาวผี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นหลายครั้ง นำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม ต่างหวาดระแวงสงสัย และสับสนในบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน แล้วสถานการณ์ก็เลวร้ายลงตามลำดับ ในช่วงเวลานั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเข่นฆ่า ทำลายล้างกันอย่างเหี้ยมโหดเสมือนมิใช่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกเดียวกัน เนื่องจากความเชื่อของผู้คนผูกพันกับธรรมชาติมาก กลุ่มผู้ก่อการจึงมักนิยมนำปรากฏการณ์ประหลาดทางธรรมชาติมาเป็นเครื่องมือ เพื่อปลุกกระแสสังคมให้คล้อยตาม เมื่อโน้มน้าวได้ที่แล้วขั้นต่อมาก็ปล่อยข่าวลือ! ข่าวลวง! เช่น กลุ่มชาวแขกผู้นับถือพระจันทร์ครึ่งดวงเป็นสรณะได้สร้างกระแสข่าวขึ้น ! “ดาว ๗ ดวงเรียงกันเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีกและมีดาวอยู่กลางนั้นอีกดวงหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาก็ได้เคยเห็นดาวอย่างนี้แต่ ๓ ครั้งเท่านั้น ในคราวก่อนสองคราวที่เห็นนั้น ก็ได้เกิดขบถอย่างร้ายแรงทั้งสองครั้ง คราวนี้จะเป็นลางอย่างไรเล่า จะไม่เป็นลางจะเกิดอันตรายแก่ศาสนามะหะหมัดที่เรานับถืออยู่หรือ หรือจะเป็นลางดีว่า ผู้ที่นับถือศาสนาพระมะหะหมัดจะได้รับความสุขต่อไปประการใดกระมัง แต่ถ้าหากว่าการร้ายจะเกิดขึ้นต่อศาสนาของเรา เราจะไม่เอาโลหิตและชีวิตเข้าช่วยป้องกันหรือ” บรรดาแขกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาต่างมีความเห็นตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คนชั่วช้า เลวทรามจะพากันมีอำนาจ ข่มเขงรังแกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ดังนั้น จึงได้เกลี้ยกล่อมราษฎรไทยเข้าเป็นสมัครพรรคพวก โดยมีขุนนางไทยคนหนึ่งให้การสนับสนุนอยู่ลับ ๆ นับเป็นโอกาสดีของพวกแขกที่ไม่ถูกชะตากับพวกฝรั่งที่นับถือพระเจ้าคนละองค์ จึงได้รวมตัวกันขึ้นในท่ามกลางกระแสข่าวร้าย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือยึดอำนาจรัฐ ปฏิวัติต่อพระเจ้าแผ่นดินไทย วางแผนนัดแนะหวังจู่โจมพระราชวังแบบสายฟ้าแลบ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ๑.ฆ่าทุกคนที่ขัดขวาง ๒.เก็บเอาพระราชทรัพย์ในท้องพระคลังให้หมด ๓.ปล่อยนักโทษทั้งหมด ๔.สำเร็จโทษพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ๕.ยกพระอนุชาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ ๖. พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ต้องนับถือศาสนาพระจันทร์ครึ่งดวง ๗.ถ้าไม่ยอมปฏิบัติตามก็ให้สำเร็จโทษ ในวันลงมือปฏิบัติการนั้น เหลือเวลาอยู่เพียงประมาณ ๑- ๒ ชั่วโมง ปรากฏว่า ขุนนางไทยที่สนับสนุนเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ากลัวปฏิบัติการไม่สำเร็จหรือละอายตัวเองที่เนรคุณต่อแผ่นดิน จึงนำความไปแจ้งขุนนางอีกท่านหนึ่งที่มีหน้าที่บังคับบัญชาทหาร แล้วร่วมมือกันรวบรวมกำลังทหารเข้ารักษาพระราชวังและสถานที่สำคัญในกรุงศรีอยุธยาทันที ฝ่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประทับอยู่พระราชวังเมืองลพบุรี พอได้ทรงทราบว่ามีผู้คิดประทุษร้ายต่อพระองค์ก็ได้ทรงระดมทหารจำนวนมากล้อมรักษาพระราชวังทั้งกลางวันกลางคืน เจ้าพระยาวิชเยนทร์ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสและมีอำนาจมากในช่วงนั้น เพราะเป็นที่ไว้วางพระทัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้ย้อนกลับไปที่กรุงศรีอยุธยาพร้อมทหารจำนวนหนึ่ง มีเสียงโจษกันว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์จะนำหัวหน้าผู้คิดขบถไปประหารชีวิต แต่หัวหน้าแขกคนหนึ่งได้พูดอย่างองอาจว่า “ข้ายอมตายดีกว่าจะให้ฝรั่งหัวแดงจับ ข้าจะต่อสู้จนสุดความสามารถ” เจ้าพระยาวิชเยนทร์ให้คนไปเรียกหัวหน้าแขกโดยรับรองว่าจะไม่ทำโทษแต่อย่างใด เมื่อหัวหน้าแขกได้ฟังเช่นนั้นก็ยินยอม จึงให้คนมัดมือมัดคอตัวไว้ เดินทางไปพบเจ้าพระยาวิชเยนทร์ทั้งเชือกยังมัดมือและคอ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ได้รับรองอีกครั้งว่าจะไม่ลงโทษใด ๆ แต่จะต้องบอกความจริงว่ามีเบื้องหน้า เบื้องหลังอย่างไร ใครบ้างมีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ไม่ได้จบลงแค่นั้น เมื่อหัวหน้าแขกผู้องอาจอีกคนหนึ่งนั้นยังมีท่าทีขัดขืน และบอกว่าถ้าไม่มีอะไรขัดข้องแล้วเขาจะยอมเนรเทศตัวเองออกไปให้พ้นเขตพระราชอาณาจักรไทย เจ้าพระยาวิชเยนทร์ไม่ขัดข้อง อนุญาตให้ลงเรือไปพร้อมพรรคพวกประมาณ ๕๐ คน ในทางลับ ! เจ้าพระยาวิชเยนทร์ได้มีคำสั่งด่วนไปถึงผู้รักษาป้อมท่าเรือที่บางกอกว่า ให้จัดการเอาโซ่ปิดปากแม่น้ำไว้ ถ้าแขกพวกนี้ขอผ่านด่านก็ให้จับทันที เมื่อเรือลอยลำไปถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกอก ครั้นเห็นโซ่ปิดปากด่านอยู่เช่นนั้นก็เกิดสงสัย หัวหน้าแขกและลูกน้อง ๘ คนได้ขึ้นจากเรือ เดินไปป้อมยาม ตอนแรกเจรจากันด้วยดี แต่พอผู้รักษาด่านสั่งให้พวกแขกส่ง กริช! เท่านั้นแหละ การต่อสู้ก็เปิดฉากขึ้น ! กลุ่มผู้นับถือพระจันทร์ครึ่งซีกชักกริชออกต่อสู้อย่างห้าวหาญ โดยไม่หวั่นเกรงทหารที่ล้อมอยู่นั้นมีจำนวนมากเพียงใด พวกแขกใช้กริชได้อย่างคล่องแคล่ว วิ่งเข้าแทงทหารพัลวัน แหกฝ่าวงล้อมออกไปได้ กรูกันขึ้นไปบนเชิงเทิน กระโดดลงไปด้านใน คราวนี้ได้แทงคนตายไปอีกหลายคน ฝ่ายทหารที่รักษาหน้าที่อยู่นอกป้อมก็ได้วิ่งกรูเข้ามาตีพวกแขกที่กระโดดลงมาจากป้อม พวกแขกที่เหลือก็เข้ารุมตีแทงทหารตายไป ๒๐ คน ทหารที่มีจำนวนมากกว่าไม่เคยเห็นอะไรที่มีพลังอำนาจทำลายล้างได้หฤโหดเช่นนี้ ได้พากันวิ่งเตลิดหนีหมด ไม่ฟังเสียงผู้บังคับบัญชาร้องเรียก พวกแขกพบใครก็ฆ่าหมดไม่เลือกเด็กหรือผู้หญิง ความตายและกลิ่นคาวเลือดข้างต้นเป็นเพียงบทเริ่มต้น เพราะหัวหน้าแขกยังอยู่ การทวงแค้นต้องเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น เจ้าพระยาวิชเยนทร์จึงได้จัดทหารไทยไปล้อมค่ายแขกไว้ ต่อมามีทหารอังกฤษนายหนึ่งได้รับอาสาขว้างลูกระเบิดเข้าไปในค่าย หลังจากเสียงระเบิดสงบลงไม่นานนัก พวกแขกที่รอดชีวิตได้กรูออกมาฆ่าทหารอังกฤษตาย เจ้าพระยาวิชเยนทร์จึงสั่งให้ทหารใช้ปืนยิง ที่เหลือต่างเข้าตะรุมบอนกันอุตลุด พวกแขกรุมฆ่าขุนนางไทยและทหารตาย ๗ ศพ แล้วพากันวิ่งหนีไปทางช่องที่ไม่มีทหารรักษา ข้ามแม่น้ำไปหาแขกอีกพวกหนึ่ง เจ้าพระยาวิชเยนทร์พร้อมชาวอังกฤษและฝรั่งเศสลงเรือตามไป กัปตันผู้เป็นหัวหน้าพวกฝรั่งเศสได้ยินเสียงปืนก็รีบลงเรืออีกลำหนึ่งพร้อมชาวฝรั่งเศสตามไปสมทบ เพราะเห็นว่าเหตุการณ์ขณะนี้เข้าขั้นวิกฤต ครั้นเจ้าพระยาวิชาเยนทร์และผู้ติดตามขึ้นไปยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่บนบก ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พวกแขกประมาณ ๓๐ คนได้กรูเข้าปิดล้อมไว้ทุกด้าน เจ้าพระยาวิชเยนทร์เลือกเอาความปลอดภัยไว้ก่อน สั่งถอย แต่ฝรั่งเศส ๒ คนมีท่าทีไม่ยอม จึงถูกพวกแขกรุมเอากริชแทงตาย ๑ ศพและหนีจมน้ำตายอีก ๑ ศพ ชาวอังกฤษที่พยายามจะเข้ามาช่วยก็โดนทิ่มไปอีก ๒ ศพ เจ้าหน้าที่ไทยนำกำลังทหารมาถึงแล้วเข้าปิดล้อมไว้ พวกแขกต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เห็นว่าเสียเปรียบก็หนีเข้าไปหลบอยู่ในวัดใกล้เคียง ทหารไทยตามเข้าไปเผด็จศึกจับฆ่าเสียหมดสิ้น ลางร้ายที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยเจตนาใดก็ตามเป็นเสมือนเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เผาผลาญสติปัญญาสิ้นซากจากจิตสำนึก มนุษย์ลุกขึ้นเผชิญหน้ากันราวฝูงสัตว์ต่างเผ่าพันธุ์ที่พร้อมจะบดเคี้ยวให้แหลกละเอียดไปข้างหนึ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม