เมื่อเก็บแผงเสร็จจงฮุ่ยชิวต้องนำสมุนไพรไปขาย ทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าไปร้านขายสมุนไพร เข้ามาภายในร้านสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นของสมุนไพร ที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ จงเป่าเปาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ อ่า รู้สึกสดชื่นดีจริงๆ
เพราะเป็นสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป ราคาของสมุนไพรจึงไม่ได้แพงมากมายนัก แต่เพราะท่านตาทำอย่างถูกวิธี สมุนไพรน้อยนิดนั่นจึงทำเงินได้ถึง 3 ตำลึงเงินเลยทีเดียว
ไอหยา ท่านยายทำขนมขายวันละ 300 ชิ้น 500 ชิ้น ยังไม่ได้กำไรเท่ากับท่านตาขายสมุนไพร 1 วันเลย หรือนางจะเปลี่ยนอาชีพไปหาสมุนไพรขายดีนะ น่าสนใจๆ
เพราะท่านตามีเงินมากมายนางจึงเดินไปเกาะติดเหมือนตุ๊กแก “จะเอาอันใดถึงได้มาเกาะขาตาเช่นนี้” จงฮุ่ยชิวเห็นท่าทางหลานสาวก็ให้เอ็นดูนัก ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของนางเบาๆ
จงเป่าเปาหันมาฉีกยิ้มอวดฟันสวยให้ท่านตาหนึ่งที และส่ายศีรษะไปมา “เป่าเปาไม่ได้อยากได้อันใดเจ้าค่ะ”
“เอาถังหูลู่หรือไม่ วันนี้ตามีเงินเยอะ จะซื้อให้เจ้า 10 ไม้ยังได้เลย”
เด็กน้อยตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ท่านตาเอ่ย “ซื้อไปฝากโฉวโฉวด้วยได้หยือไม่เจ้าคะ” นึกถึงสหายตัวน้อยแล้วก็อยากจะซื้อขนมไปฝาก
“ได้สิๆ เดี๋ยวตาซื้อให้”
“เย้” ได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ก็ปล่อยขาท่านตาที่เกาะออกทันที ก่อนจะกระโดดอย่างอารมณ์ดีไปยังร้านขายถังหูลู่ร้านประจำ
ถึงท่านตาบอกว่าจะซื้อให้ 10 ไม้ แต่ก็ถูกท่านยายคุมกำเนิดเสียก่อน โดยให้ซื้อได้เพียงแค่ 4 ไม้เท่านั้น ของจงเป่าเปา 2 ไม้ และของโม่โฉว 2 ไม้
จงเป่าเปาได้แต่มองถังหูลู่ด้วยความเสียดาย คิดว่าจะได้กินอย่างจุใจเสียแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลย
“ไปซื้อของสำหรับวันพรุ่งนี้กันเถิด” เมื่อสองตาหลานได้ถังหูลู่และจ่ายเงินให้แม่ค้าแล้ว นางจึงชวนทั้งคู่ไปซื้อของ
“ท่านยายเจ้าขา เราซื้อของทีเยอะๆ ดีหยือไหมเจ้าคะ” จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยจนเกินไป
“นั่นสิ ข้าได้ค่าสมุนไพรมาตั้ง 3 ตำลึงเงิน เจ้าเอาไปซื้อของก่อนก็ได้ เพราะยังไงเราก็ต้องทำขนมมาขายเกือบทุกวันอยู่แล้ว” ผู้เป็นตาเห็นด้วยกับหลานสาว
“เอาเช่นนั้นหรือ”
“เอาเช่นนี้แหละ ไปกันเถิดเดี๋ยวเราค่อยเหมาเกวียนวัวไปส่งที่หมู่บ้าน”
“เอาตามเจ้าว่าก็ได้”
เมื่อได้ข้อสรุปทั้งสามก็ตรงไปยังร้านที่ซื้อของอยู่เป็นประจำ จงเป่าเปาเดินไปก็กินถังหูลู่อย่างเอร็ดอร่อยไป กินแค่ไม้เดียวก่อน อีกไม้เอาไว้ไปกินที่บ้าน อาหย่อยจริงๆ
เดินออกจากร้านขายของอันเจียอีถึงกับใบหน้าซีดเซียว เหตุเพราะรายได้ที่ขายขนมได้วันนี้นางเอามาซื้อของหมดแล้ว ค่าของเกือบ 2 ตำลึงเงิน ทำเอานางเข่าเกือบทรุด
“ท่านยาย” จงเป่าเปาเห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้าไปหา “เดี๋ยวเยาก็หาใหม่ได้นะเจ้าคะท่านยาย” ไม่ใช่แค่ท่านยายที่ทรุด นางเองก็ทรุด แต่คิดว่าซื้อครั้งละเยอะๆ ยังไงก็ถูกกว่าที่ซื้อครั้งละน้อยๆ
เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้
“เจ้าจะคิดมากทำไม เงินของข้าก็ให้เจ้าไปแล้ว” จงฮุ่ยชิวส่ายศีรษะด้วยความอ่อนใจกับท่าทางภรรยาของตน
“ข้ารู้แล้วนา ตาเฒ่า”
เมื่อใช้เงินไปแล้วก็ต้องหาเงินเพิ่ม วันรุ่งขึ้นอันเจียอีลุกขึ้นเร็วกว่าปกติเพื่อจะได้ทำขนมได้มากกว่าเดิม ส่วนจูซูฮวาก็มาเร็วกว่าเมื่อวานเช่นกัน วันนี้โม่โฉวไม่ได้มาด้วย
สองสาวต่างวัยช่วยกันทำขนม โดยมีจงเป่าเปาเป็นลูกมือ เสร็จแล้วก็เตรียมไปขายในเมืองเช่นปกติ
แต่ที่ไม่ปกติก็คือ…
“จะขายของตรงนี้ก็จ่ายค่าที่มา” เสียงเข้มจากบุรุษผู้อยู่หน้าสุดของกลุ่มดังขึ้น
จงฮุ่ยชิวที่กำลังจัดแผงอยู่จึงละมือจากงานตรงหน้า “ข้าจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่แล้วขอรับ”
“เหอะ จ่ายให้เจ้าหน้าที่ก็ส่วนของเจ้าหน้าที่ แต่อันนี้ของข้า”
“ปกติก็ไม่เห็นต้องจ่ายนี่ขอรับ”
“แต่วันนี้มันไม่ปกติไง จะจ่ายหรือไม่จ่าย ถ้าไม่จ่ายก็ไปขายที่อื่นซะ” เสียงตะโกนที่ดังลั่น ทำให้จงเป่าเปาถึงกับตกใจ
“พี่ชายท่านใจเย็นก่อนเถิด” พี่ชายที่มารอซื้อขนมเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นแม่ค้าตัวน้อยเริ่มน้ำตาคลอ ช่างน่าสงสารเสียจริง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าอย่ามาสอด!” เสียงที่ดังขึ้นยิ่งทำให้ผู้คนถอยห่าง แต่ก็มีบางคนเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย
“ตาเฒ่าเราไปขายที่อื่นกันเถิด” อันเจียอีที่ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันเอ่ยบอกสามี
จงฮุ่ยชิวพยักหน้าเห็นด้วย ดูสิหลานสาวตัวน้อยของเขากำลังหลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นยายด้วยความหวาดกลัวแล้ว
“ไปกันเถิด”
“ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องขาย!” หนึ่งในลูกน้องของชายผู้นั้นเดินเข้ามาหยิบขนมที่วางในถาดทิ้งลงบนพื้น คนในกลุ่มคนอื่นจึงเดินเข้ามาร่วมด้วย
ส่งผลให้รอบบริเวณเกิดเสียงกรีดร้อง และตกใจจากการกระทำของชายกลุ่มนี้ แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยสักคน
“ปล่อยนะ ปล่อยหนมของเป่าเปานะ” เด็กน้อยยอมไม่ได้ที่เห็นผู้อื่นทำลายข้าวของ ไหนจะขนมที่ครอบครัวนางและท่านป้าจูตั้งใจทำนั่นอีก คนพวกนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนี้
เด็กน้อยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของสองผู้เฒ่า นางวิ่งเข้าไปจับท่อนแทนแข็งแกร่งเพื่อรั้งไม่ให้ทิ้งขนมลงพื้น
“ปล่อยหนมของเป่าเปานะ ปล่อย”
“ตัวเท่าลูกหมา ใจกล้าดีนี้” ผู้เป็นหัวหน้ากล่าว ตอนนี้ท่อนแขนของเขามีเด็กน้อยห้อยอยู่
“ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้! ง่ำ” จงเป่าเปาอ้าปากงับท่อนแขนนั้นเต็มแรง สร้างความเจ็บให้กับชายผู้นั้นไม่น้อย
“หน็อย ไอ้เด็กเวรนี้” เมื่อทนไม่ไหวจึงเหวี่ยงแขนสุดแรง ส่งผลให้จงเป่าเปาตัวลอยกระเด็นไปหลายจั้ง
“เสี่ยวเป่าเปา / เป่าเปาน้อย”
เสียงของสองผู้เฒ่าดังขึ้น เมื่อเห็นว่าหลานสาวตัวน้อยตัวลอยไปต่อหน้าต่อหน้า พวกเขาไม่สนใจข้าวของที่จะถูกทำลายอีกแล้ว รีบวิ่งเข้าไปหาหลานสาวตัวน้อยทันที
นอกจากเสียงของสองผู้เฒ่าแล้ว ยังมีเสียงของหลานฟางซินด้วย วันนี้นางก็มาซื้อขนมเช่นเดิม แต่ไม่คิดว่าเมื่อมาถึงจะเห็นเป่าเปาน้อยของนางลอยอยู่บนอากาศ ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่เป่าเปาน้อยตัวเล็กนิดเดียวย่อมเจ็บปวดแน่ ไม่รอช้านางรีบวิ่งเข้าไปหา ปล่อยให้พี่ชาย และสาวใช้เดินตามมาด้านหลัง
“เสี่ยวเป่าเปาตื่นสิลูก ตื่นขึ้นมาคุยกับยาย ฮือ” เสียงสะอื้นของอันเจียอีช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
การกระทำที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่มุงดูอยู่ พวกเขาจะทำลายข้าวของก็ทำไปสิ เหตุใดต้องลงมือกับเด็กตัวเล็กๆ ด้วย หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ แต่ถอยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว
“เสี่ยวเป่าเปา” จงฮุ่ยชิวก็เดินเข้าไปเขย่าตัวหลานสาวเช่นกัน
“เป่าเปาน้อย เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ”
“คุณหนูฟางซิน ฮึก ตาเฒ่ารีบพาหลานไปหาหมอเถิด ฮึกๆ” นางไม่มีเวลามาอธิบายอะไรตอนนี้ สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการพาหลานสาวนางไปหาหมอ ตรงหน้าผากของนางยังมีเลือดไหลอีกด้วย
“พวกท่านพาหลานสาวไปหาหมอเถิดขอรับ ตรงนี้ข้าจะจัดการให้เอง” เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีอายุไม่กี่หนาว แต่คนผู้นี้กลับดูสง่า น่าเกรงขาม อย่างยิ่ง
“นี้พี่ใหญ่ของข้า พาเป่าเปาไปหาหมอก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หลานฟางซินเป็นห่วงเด็กน้อยอย่างยิ่ง ถ้าเป่าเปาน้อยเป็นอันใดไป นางไม่ปล่อยคนพวกนี้ไว้แน่!
น้องสาวของเขาจากไปแล้ว ‘หลานวั่งจี’ จึงหันมาเผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาล
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณชายน้อย ข้าว่าท่านอย่างเข้ามายุ่งจะดีกว่า” ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ย ถึงแม้เมื่อครู่ดูเหมือนจะทำเกินกว่าเหตุ แต่อย่างไรล่ะก็เจ้าเด็กนั่นรนหาที่เองนี่
หลานวั่งจีกระตุกยิ้มมุมปาก จนคนตรงหน้ารู้สึกเสียวสันหลังอย่างประหลาด “ใช่ ไม่เกี่ยวกับข้า แต่พวกเจ้าทำให้น้องสาวของข้าอดกินขนม”
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นท่านก็พาน้องสาวท่านไปซื้อร้านอื่นสิขอรับ ดูแล้วร้านนี้คงไม่ได้เปิดอีกนาน” ความกลัวที่เกิดขึ้นในตอนแรกเขาคงคิดไปเองสินะ
“ใช่ ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก แต่การที่เจ้าทำร้ายเด็กและผู้อื่นต่อหน้าข้า ข้ารับไม่ได้ และข้าก็ไม่อยากให้เมืองที่ท่านพ่อข้าดูแล มีอันธพาลอย่างพวกเจ้ามาสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน” เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบประโยค ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใด ก็ถูกชายชุดดำหลายคนที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดรวบตัวออกไปจากบริเวณ
“จัดการตรงนี้ให้เรียบร้อย”
“ขอรับ” ‘จางหมิ่น’ คนสนิทของหลานวั่งจีรับคำเจ้านาย
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เดินจากไป ท่ามกลางความมึนงงของผู้คน และความคิดอันหลายหลาก
เมืองที่ท่านพ่อข้าดูแลอย่างนั้นหรือ เมืองนี้นอกจากท่านเจ้าเมืองแล้ว ก็มีท่านอ๋องที่เพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่ได้ไม่นานเป็นผู้ดูแลสูงสุด อย่างบอกนะว่า
บุรุษผู้นั้นคือบุตรชายของหลานอ๋อง!