ณ ตำหนักอ๋องเหวินซีห่าว
"เรียนท่านอ๋องขอรับกระหม่อมได้สืบทราบมาแล้วว่านางเป็นผู้ใด นางคือบุตรคนโตที่เกิดกับฮูหยินเอกที่เสียไปแล้วของท่านแม่ทัพเยี่ยอู๋ซวน นางมีนามว่าเยี่ยเหมยฮวา ปีนี้อายุได้ 16 หนาวพอกล่าวมาถึงตรงนี้หลี่จิ้งถึงกลับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะกล่าวรายงานต่อ นางมีคู่หมั้นคู่หมายคือท่านอ๋องเก้าที่ท่านแม่ทัพเยี่ยอู๋ซวนและฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่ตอนยังมีพระชนย์อยู่ ในวันนั้นนางถูกคุณหนูรองเยี่ยไป๋หลันน้องสาวต่างมารดาของตนเองวางยาพิษ และส่งตัวนางมาที่หอบุปผา เพื่อที่จะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เกิดเหตุผิดพลาด เป็นเหตุให้สลับตัวกันกับสาวงามที่จะต้องส่งมาปรนนิบัติท่านอ๋องในคืนนั้น"
พูดจบเขาก็ได้ชำเลืองมองไปยังท่านอ๋องเหวินซีห่าวอย่างกล้าๆ กลัว
“หือ นางถึงกับเป็นบุตรีท่านแม่ทัพตระกูลเยี่ยและมีคู่หมั้นแล้วเช่นนั้นหรือ หึน่าสนุกเสียจริง อะไรที่เป็นของเปิ่นหวางใครผู้ใดมันคิดจะมาเอาไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ"
เขากล่าวโดยใช้เสียงเย็นจ้องมองไปยังเบื้องหน้าอย่างดุดัน..
"ส่งหน่วยเงาทมิฬไปจับตาดูนางเอาไว้และมารายงานทุกอย่างที่เกี่ยวกับนางให้ข้าทราบ"
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
หน่วยเงาทมิฬคือหน่วยเงาที่เก่งที่สุดเลยก็ว่าได้ จะได้รับมอบให้ทำงานที่สำคัญเพียงเท่านั้น แต่นี่ท่านอ๋องต้องการที่จะส่งหน่วยเงาไปดูแลคุณหนูผู้นั้นเนี่ยนะ!!
นางมีดีอันใดกัน ถึงขนาดทำให้ท่านอ๋องต้องส่งหน่วยเงาทมิฬไปจับตาดูเช่นนี้...
“คุณหนูท่านจะสวมใส่อาภรณ์ที่เปิดเผยเนื้อหนังแบบนี้ได้อย่างไร มันไม่งามเลยนะเจ้าคะ"
เสี่ยวหงถึงกับต้องกุมขมับ เมื่อคุณหนูของตนนำอาภรณ์มาปรับแก้ให้เปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น แถมคุณหนูของนางยังนำอาภรณ์ทั้งตู้ออกมาทิ้งทั้งหมดแบบเสียดาย
"เสี่ยวหงตอนนี้ข้ามีสมบัติอยู่มากน้อยเพียงใด เจ้าไปนำออกมาให้ข้าดูทั้งหมดเร็วเข้า"
"คุณหนูสมบัติทั้งหมดของคุณหนูที่ฮูหยินทิ้งเอาไว้ให้ ตอนนี้มีเพียงไม่กี่ชิ้นแล้วเจ้าค่ะ เพราะว่าถูกฮูหยินรองยึดไปหมดแล้ว คุณหนูลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ"
“ข้าไม่ได้ลืม ข้าถึงได้บอกให้เจ้าไปนำมันมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะได้ตรวจสอบดู ว่าข้ามีสมบัติติดกายมากน้อยเพียงใด"
"เหลืออยู่แค่เพียงสองหีบเท่านั้นเจ้าค่ะ"
“น้อยยิ่งนัก แล้วอย่างนี้ข้าจะเอาสมบัติที่ไหนเอาไว้ใช้จ่ายเล่า ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย และเครื่องสำอาง เราต้องหาเงินเพิ่มแล้วละ เจ้าคิดว่ามีวิธีใดพอจะหาเงินได้บ้างหรือไม่"
“คุณหนูท่านจะไปทำงานหาเงินหรือเจ้าคะ ได้อย่างไรกันเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ แล้วจะออกไปทำงานหาเงิน ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า จะเข้าใจเยี่ยงไรเจ้าคะ"
“ข้าหาได้สนใจไม่ ข้าไม่ได้ขอเงินเขาสะหน่อยทำไมต้องใส่ใจด้วย"
“คุณหนู!! ” เสี่ยวหงหมดคำจะกล่าวอีกต่อไป ยัยคุณหนูของนางตั้งแต่หายไปในคืนนั้น ก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้ จากเดิมที่เป็นคุณหนูผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นมีความมั่นใจในตนเอง และไม่สนใจต่อสิ่งใด แถมยังชอบแต่งเนื้อแต่งตัวงดงามมากกว่าเดิมเสียอีก
"พอแล้ว พอแล้ว เจ้ารีบแต่งตัวให้ข้าเร็วเข้า ข้าจะไปสำรวจตลาด หาช่องทางการค้าหารายได้เพิ่มของข้า ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันกิน"
หลังจากสำรวจช่องทางการตลาดจนพอใจแล้วเหมยฮวาจึงได้รู้สึกว่าเธอไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับการทำการค้าเลยแม้แต่น้อยทำไมสวรรค์ ถึงได้ส่งเธอมาแล้วไม่ส่งความสามารถในการหาเงินมาให้เธอด้วย
'ทำไมหนูไม่เรียนการตลาด บริหารธุรกิจ หรือความสามารถในการผลิตอะไรสักอย่างมาค่ะแม่ เรียนมาทำไมพยาบาลเอาไว้ดูแลคนไข้ มันหาเงินในยุคนี้ไม่ได้ไม่รู้หรือ ฮือ ฮือ'
เหมยฮวาได้แต่ร่ำร้องในใจเพียงลำพัง
“เสี่ยวหงเจ้าหิวหรือยัง ข้าเริ่มหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานที่โรงเตี้ยมใกล้ๆ นี้ดีหรือไม่"
"เมื่อทานเสร็จแล้ว เราค่อยไปดูร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่อ"
“ยังจะไปต่ออีกหรือเจ้าคะคุณหนู นี่เราไปสำรวจร้านค้าต่างๆ มาเกือบครึ่งวันแล้วนะเจ้าคะ"
เสี่ยวหงพูดกับเจ้านายตนเองอย่างอ่อนล้า
"นานๆ จะได้ออกมาจากจวนสักทีเจ้าก็อดทนหน่อยแล้วกัน ข้าขอดูอะไรอีกเล็กน้อยหน่อย เผื่อว่าข้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง"
‘บางทีอาจจะต้องได้ใช้อาชีพเก่าในการทำมาหากินแล้วละแม่'
เหมยฮวาคิดในใจ อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรให้นางสามารถทำได้จริงๆ นางก็จะสามารถเข้าไปดูยังโรงหมอของที่นี่สักครั้ง ว่าส่วนใหญ่เขารักษาโรคกันยังไงในยุคโบราณ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง นางต้องเติมพลังก่อนเพื่อที่จะคิดหาทางออกได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเหมยฮวาก็ตรงไปที่โรงเตี้ยมใกล้ๆ นี่ที่อยู่ในละแวกนี้โดยทันที
ส่วนใหญ่ชุดของเหมยฮวาจะมีเพียงแค่สีขาวเท่านั้น ทำให้ชุดที่นางสวมใส่ในวันนี้จึงเป็นสีขาวเรียบง่ายที่ไม่สะดุดตา แต่เมื่อ เนตรดาวหญิงสาวยุค 2020 เข้ามาประยุกต์ปรับเปลี่ยน ชุดนี้ให้เป็นชุดที่มีออร่าเมื่ออยู่บนเรือนร่างของนาง นางตกแต่งใบหน้า อย่างกับนักแต่งหน้ามืออาชีพ ที่ได้ร่ำเรียนมาใน YouTube ทำให้ในตอนนี้นั้น นางดูงดงามราวกับเทพเซียนลงมาจุติก็ไม่ปาน ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสามารถพิเศษอย่างอื่น แต่อย่างน้อย ก็ให้เธอเข้ามาอยู่ในร่างของสาวสวย เธอจะทำให้บุรุษพวกนี้มาอยู่ใต้แทบเท้าของเธอให้จงได้คอยดูสิ ไอ้เจ้าคู่หมั้นเฮงซวยนั้นด้วยอีกคน คอยดูแม่จะทำให้คลานกลับมาแทบไม่ทันเลย คอยดูเถอะ เมื่อเธอเดินลงมาจากรถม้า ตรงเข้าไปที่โรงเตี๊ยม ทุกสายตาก็จ้องมองมาที่เธออย่างไม่กระพริบสายตา พวกเขาต่างก็คิดว่ามีเทพธิดาจำแลงกายมาจากสวรรค์เดินเข้ามาในโรงเตี้ยมเสียอีก ด้วยอาภรณ์ที่นางสวมใส่นั้นเป็นสีขาว บวกกับผิวพรรณและใบหน้าทุกอย่างของนางนั้นช่างเข้ากันยิ่งนัก ทำให้ในตอนนี้นั้นจุดสนใจเพียงจุดเดียวของผู้คนทั้งโรงเตี๊ยมจึงไปอยู่ที่นาง เมื่อเสียวเอ้อร์เข้ามาต้อนรับนางและเชิญนางไปยังที่นั่งด้านใน
“ไม่ทราบว่าคุณหนูจะรับอะไรดีขอรับ"
เสียวเอ้อมาต้อนรับนางด้วยท่าทางกระตือรือร้น ยิ่งเสี่ยวเอ้อได้มองนางใกล้ๆ เช่นนี้ถึงกับหน้าแดง จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ไปหลายนาทีเลยทีเดียว
"เอาอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่มาสักสองสามอย่างก็เพียงพอแล้ว"
“คุณหนูเราต้องประหยัดไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงสั่งอาหารที่มีราคาแพงละเจ้าคะ"
"นานๆ ทีข้าขอทานอาหารที่อร่อยๆ สักครั้งเถอะ"
ได้หลงเข้ามาในยุคโบราณทั้งทีก็ขอทานอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่สักครั้งในชีวิต โอกาสดีๆ เช่นนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะหนู เนตรดาวถือว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารขึ้นชื่อ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้เมื่อมีโอกาส เวลาที่ไม่ได้ทำงานเธอก็จะตระเวนหาแหล่งของกินที่อร่อยๆ อยู่เป็นประจำ
“แล้วเจ้าก็ต้องมานั่งทานอาหารเป็นเพื่อนข้าห้ามปฏิเสธโดยเด็ดขาด"
จะให้เธอนั่งทานอาหารอยู่คนเดียวโดยมีสาวใช้นั่งมองหน้ามันจะอร่อยได้ยังไงเธอทำไม่ได้หรอกนะ
ขณะที่เธอกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะนั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่ง เดินมาทักทาย ทำความรู้จักกับเธอด้วยท่าทางสุภาพ พัดในมือของเขาโบกไปมาราวกับว่าเป็นบุรุษเจ้าสำอางก็มิปาน
“แม่นางอันตัวข้านั้นนิยมชมชอบสาวงามยิ่งนัก เพียงครั้งแรกที่ได้พบใบหน้าของแม่นางก็ให้ทราบในทันทีว่าตัวข้านั้นได้เจอมารดาของบุตรเข้าให้แล้ว ด้วยคุณชายอย่างข้านั้นอยากทำความรู้จักกับแม่นางให้มากกว่านี้ ตัวข้าพอจะได้มีวาสนานั้นหรือไม่ ตัวข้ามีนามว่าถังคุนหลัน ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้มิมีผู้ใดที่จะไม่ทราบถึงนามของข้า วันนี้ข้าอยากจะเลี้ยงข้าวแม่นางสักมื้อ เพื่อที่จะได้เป็นเกียรติ ที่เราได้รู้จักกันดีหรือไม่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อแซ่อันใด พอจะบอกถังคุนหลันคนนี้ได้หรือไม่"
ถังคุนหลันกางพัดในมือโบกไปมาที่ด้านหน้าของนางและถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เก้าอี้ที่นางนั่งอยู่ อย่างตั้งใจ
เมื่อเหมยฮวาสำรวจบุรุษตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นที่เรียบร้อย
'อือ ใช้ได้แต่ยังไม่สุดค่ะแม่ แต่ถ้าจะมีผู้มาเปย์สักมื้อก็ไม่เห็นจะมีไรนะ ดีเสียอีกจะได้ประหยัดไปหนึ่งมื้อ ช่วงนี้ยิ่งจนอยู่'
เมื่อคิดได้ดังนั้นเหมยฮวาจึงส่งยิ้ม ที่พร้อมจะละลายใจของบุรุษทั่วหล้าไปให้บุรษตรงหน้าทันที ดีสะอีกหลังจากวันนี้เป็นต้นไปผู้คนจะได้รู้จักนางในนามเยี่ยเหมยฮวา สตรีที่มีรูปโฉมงดงามหาใดเปรียบ แต่ก่อนมักจะถูกฮูหยินรองและเยี่ยไป๋หลัน กลั่นแกล้งและห้ามเปิดเผยโฉมหน้าก่อนออกมาจากเรือน ด้วยกลัวว่าผู้คนจะรู้ถึงความงดงามของนางนั่นเอง คราวนี้แหล่ะเหมยฮวาจะทำให้ชื่อของนางเป็นที่รู้จักไปทั้งเมืองหลวง
"ตัวข้านั้นมีนามว่า เยี่ยเหมยฮวา เป็นบุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่เยี่ยอู๋ซวน เจ้าค่ะ"