บทที่ 16คะแนนเต็ม

2053 คำ
สมาชิกบ้านเฉินหลังจากพักหายเหนื่อยก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เฉินไห่หลิว เฉินตง เฉินจาง และรวมถึงผู้ชายบ้านเฉินพากันไปยกตะกร้าผ้ากลับมา เหล่าสะใภ้ต่างช่วยกันตากผ้า ส่วนเฉินเฟิ่นอี้ เฉินเหม่ยเย่กลับไปทำอาหารมื้อเย็น เฉินเฟิ่นอี้จัดการอาหารเสร็จก็ตักใส่ชาม รอให้คนมายกออกไปก็ได้เวลารับประทานอาหาร ข้าวก็สุกพร้อมรับประทาน เฉินเหม่ยเย่จึงอาสาออกไปเรียกคนมาช่วยยก ถ้วย จาน และช้อนถูกเฉินเฟิ่นอี้ยกออกไปก่อน ส่วนข้าวและกับข้าวจะให้คนอื่นยก ระหว่างรอทุกคนเข้ามาในห้องโถงเธอจึงใช้โอกาสนี้เข้าไปหยิบซองจดหมายแจ้งคะแนนในห้องที่ถูกเปิดแล้ว เฉินไห่หลิวกับเฉินตงก็หยิบออกมาเช่นเดียวกัน เพียงแค่ของพวกเขายังไม่ได้เปิด “วันนี้เด็กๆ สอบผ่านทุกคน ต้องฉลองกันแล้วสิ เจ้าใหญ่ไปเอาเหล้าในห้องแม่มา ถึงจะหาเนื้อไม่ทันแต่ก็ดื่มเหล้าได้ แม่จะให้หลานทำกับแกล้มเพิ่ม” ย่าเฉินบอกลูกชาย ก่อนหน้านี้ลืมถามเด็กๆ ว่าสอบผ่านไหม จึงไม่ได้ให้เงินไปซื้อเนื้อไว้ แต่อาหารวันนี้ก็พอจะทดแทนได้บ้าง พี่ใหญ่เฉินรีบพยักหน้าลุกขึ้นไปหยิบเหล้าที่ว่าทันที ปกติผู้ชายบ้านเฉินไม่ค่อยดื่มเหล้า จะดื่มก็ตอนงานมงคลหรือมีเรื่องที่น่ายินดี เหมือนกับวันนี้ จึงหมดปัญหาเรื่องเอาเงินไปซื้อเหล้าเหมือนกับหลายๆ บ้านไปได้เลย เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกไปหยิบถั่วในห้องของเธอ มันไม่มีของที่จะให้ใช้ทำกับแกล้ม แต่ถั่วลิสงที่ได้จากระบบมาคงพอทดแทนได้บ้าง “ฉันไม่รู่จะทำอะไรเป็นกับแกล้มให้ แต่ในห้องมีถั่วค่ะ” เฉินเฟิ่นอี้ยื่นกระดาษไขที่ห่อถั่วลิสงให้ย่าเฉิน พร้อมกลับมานั่งที่เดิมของเธอ มีเฉินเหม่ยเย่คอยตักข้าวให้ทุกคน “ถั่วยังเหลืออีกเหรอ ป้าจำได้ว่ามันหมดไปแล้วนี่” สะใภ้ใหญ่ถามหลานสาว ถึงจะไม่ได้เข้าครัวทำอาหารแต่หล่อนก็เข้าไปสำรวจวัตถุดิบอยู่เสมอ จึงเห็นว่ามีธัญพืชหลายชนิดที่หมดไป แต่ยังไม่ได้ซื้อเพราะอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนการเก็บเกี่ยวก็ใกล้สิ้นสุดลง “ฉันซื้อมาค่ะ” “ปีนี้ผลผลิตดีกว่าปีก่อนๆ มาก ส่วนแบ่งก็คงได้เยอะไม่ต่างกัน พวกหลานๆ ต้องเข้าไปเรียนในอำเภอ ก็เอาไปให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องกลับมาเอาบ่อยๆ” ปู่เฉินคีบอาหารใส่ปากพลางบอกหลานทั้งหมดที่นั่งอยู่ ปกติทุกบ้านจะนั่งแยกชายหญิงและเด็กเสมอ ส่วนการพูดคุยระหว่างรับประทานอาหารหากไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ยากที่จะสนทนากัน ใครเร็วกว่าคนนั้นก็จะได้รับประทานอาหารดีๆ แต่บ้านเฉินธรรมเนียมต่างๆ แปลกกว่าชาวบ้าน เหมือนกับเคยเป็นผู้ดีเก่าแต่มันก็ไม่ใช่ บางทีเฉินเฟิ่นอี้ก็สงสัยในเรื่องนี้ “ตกลงจะให้ฉันกับน้องๆ เข้าไปพักในอำเภอใช่ไหมคะ” เฉินเฟิ่นอี้ถามย้ำ ถึงลุงสามจะสั่งมาแต่พวกเธอก็ต้องปรึกษากันอีกทีว่าแบบไหนจะประหยัดและสะดวกมากกว่า “อืม ย่าปรึกษากับปู่ของหลานแล้วที่จะให้เข้าไปพักในอำเภอ ตอนนี้ลุงสามของหลานกำลังให้เพื่อนของเขาหาบ้านเช่าให้ ถ้าได้ก่อนโรงเรียนเปิดคงจะดี” ย่าเฉินพยักหน้าระหว่างเคี้ยวอาหาร เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้ารีบคีบอาหารตรงหน้า จะได้จัดการเรื่องคะแนนสอบและแยกย้ายกันไปพักผ่อน วันนี้ทำหลายอย่างมากไม่แปลกที่จะเหนื่อย จริงๆ ตอนทำก็ไม่เหนื่อย เหนื่อยตอนหยุดทำนี่แหละ “จริงสิ พวกเรายังไม่เห็นคะแนนเลยนี่!” พ่อของเธอถามเมื่อนึกขึ้นได้ หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ยังไม่ได้เปิดเลยครับ” เฉินไห่หลิวตอบก่อน มือขวาหยิบซองจดหมายในกางเกงขึ้นมาวางบนโต๊ะยาวที่นั่งรวมกัน ไม่ต่างจากเฉินตงที่หยิบขึ้นมาวางเช่นเดียวกัน เฉินเฟิ่นอี้วางซองจดหมายลงบนโต๊ะเช่นเดียวกัน เพียงแต่ต่างจากคนอื่นที่ซองจดหมายเปิดแล้ว เป็นอันเข้าใจกันว่าเธอได้ทำการเปิดซองจดหมายก่อนคนอื่น “เฟิ่นอี้ลูกเปิดแล้วเหรอ? ได้คะแนนตามที่ลูกพอใจหรือเปล่า” แม่ของเธอที่นั่งตรงข้ามกันเอ่ยถามอย่างยินดี และไม่ได้กดดันว่าคะแนนจะสูงหรือไม่สูง “พอใจค่ะ” พอใจมากๆ เลยล่ะ ไม่แน่หลังจากไปรับใบจบผู้อำนวยการโรงเรียนคงต้องมาคุยกับเธอแน่ๆ คะแนนเต็มร้อยไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่นี่มันเต็มร้อยทุกวิชา “หนึ่งร้อยคะแนน!” เฉินตงอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อพี่สาวตอบเช่นนั้นเขาจึงคว้ากระดาษมาดูคะแนน และเฉินเฟิ่นอี้ทำการเปิดจดหมายแล้วจึงไม่เป็นการเสียมารยาท “หลานว่าอะไรนะ!” หลายๆ คนหยุดรับประทานอาหารทันทีที่ได้ยินคะแนน ไม่เว้นแม้แต่เฉินไห่หลิวที่กำลังจะเปิดซองจดหมายถึงกับชะงัก รีบดึงจดหมายของพี่สาวไปอ่าน “หนึ่งร้อยคะแนนเต็มจริงๆ ครับ” เฉินไห่หลิวมองเฉินเฟิ่นอี้อย่างอึ้งๆ มันเป็นไปได้ยังไง ขนาดเขาที่ตั้งใจเรียนตลอดเวลายังไม่คิดว่าตนเองจะสอบได้เต็มขนาดนี้ เฉินเฟิ่นอี้กระแอมรับแก้วน้ำมาดื่มอย่างเขินอายที่มีคนมอง คะแนนของเธอสร้างความตกใจให้สมาชิกของบ้านเฉินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปู่เฉินและย่าเฉิน “ไม่ได้แล้วๆ พรุ่งนี้เจ้าใหญ่ไปซื้อเนื้อมา แม่จะเลี้ยงฉลองใหม่” ย่าเฉินคำนวณในใจเสร็จสรรพก็สั่งลูกชาย “ได้ครับ แล้วลูกล่ะเฉินตง” พี่ใหญ่เฉินพยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะหันไปถามเฉินตงที่กำลังตกใจอยู่ เฉินตงมองซ้ายขวาและเฉินไห่หลิวที่ยังไม่เปิดและยื่นซองจดหมายให้เขาเปิด เป็นการบอกกลายๆ ว่านายเปิดก่อนเลย เฉินตงถอนหายใจพร้อมเปิดซองจดหมาย “วิชาคณิตศาสตร์ เจ็ดสิบคะแนน วิชาสังคมศึกษา เจ็ดสิบสองคะแนน วิชาวิทยาศาสตร์ เก้าสิบคะแนน ภาษาต่างประเทศ… หาาา เก้าสิบสามคะแนน!” แม้กระทั่งเจ้าของซองจดหมายที่อ่านคะแนนตัวเองยังอึ้ง เฉินตงรีบพลิกซองจดหมายเพื่ออ่านชื่อว่าเขาไม่ได้หยิบผิด เป็นคะแนนที่คาดไม่ถึงจริงๆ “เจ้าสามอ่านผิดหรือเปล่า” พี่ใหญ่เฉินอ้าปากค้างถามลูกชายอีกครั้ง คะแนนไม่น้อยเลยจริงๆ “ผมอ่านถูกแล้วครับ” “เฉินตงเก่งขึ้นมาก! ไม่ต้องกดดันตัวเองนะลูก แค่สอบผ่านก็ดีมากแค่ไหนแล้ว” ย่าเฉินพยักหน้า เรื่องการเรียนของหลานๆ นางไม่ได้กดดันให้ได้คะแนนเยอะ ขอแค่สอบผ่านก็พอ แต่คะแนนรอบนี้ของเฉินตงเยอะจนน่าตกใจ “ครับ” “ของผมเจ็ดสิบคะแนนทุกวิชาครับ” เฉินไห่หลิวที่เปิดซองจดหมายเงียบๆ เอ่ยขึ้น ทุกคนเงียบลงและทำสีหน้าตกใจ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฉินไห่หลิวได้คะแนนน้อยกว่าเฉินตงและได้น้อยกว่าคะแนนที่ควรได้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้คะแนนน้อยขนาดนี้ “เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” เฉินตงรีบถามทันที ถึงว่าชื่อของเขาอยู่บนชื่อเฉินไห่หลิว “ไม่มีอะไร” เฉินไห่หลิวหลบสายตาทุกคน การสอบครั้งนี้มันเกินความคาดหมายของทุกคนจริงๆ หรือเพราะเป็นช่วงที่ยายของเขาเสียชีวิตกันนะจึงได้เครียด ทุกคนไม่ได้ถามกันต่อ แต่ย่าเฉินยังยืนยันที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองพรุ่งนี้ เฉินเฟิ่นอี้ที่รับประทานอาหารอิ่มก่อนคนแรกนั่งรอทุกคนรับประทานเสร็จถึงยกไปทำความสะอาดพร้อมเฉินเหม่ยเย่ และสุดท้ายจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน เรื่องการสอบไม่ผ่านของเด็กหลายคนในหมู่บ้านเป็นย่อมเป็นที่พูดถึงของคนในหมู่บ้าน มีเด็กหลายคนที่สอบผ่านและสอบไม่ผ่าน แต่คนที่เป็นหัวข้อใหญ่ที่สุดคงไม่พ้นอี้เหม่ยเฟิ่งที่แทบไม่กล้าเดินออกจากบ้านอี้ “นี่แหละน้า เขาว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า” สะใภ้ใหญ่หัวเราะอย่างชอบใจระหว่างนั่งพักรอพวกผู้ชายมารับประทานอาหารมื้อกลางวัน วันนี้เฉินเฟิ่นอี้กับเฉินเหม่ยเย่นำอาหารมาส่ง “จริงค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ เฟิ่นอี้ของเราขนาดไม่ได้เรียนหลายเดือนยังสอบผ่าน” สะใภ้รองพยักหน้าอย่างชอบใจและหัวเราะเสียงดัง คงมีเพียงสะใภ้สี่ที่ไม่ยอมหันไปมองสมาชิกของบ้านอี้ “สอบจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ สะใภ้รองเฉินเธอรู้ได้ยังไงว่าหลานสาวของเธอไปสอบ ไม่ใช่ว่าไปอ่อยผู้ชายของลูกสาวฉันหรือ” สะใภ้ใหญ่บ้านอี้ที่ทนไม่ไหวจึงตอบโต้อย่างไม่พอใจ ไม่สนแม้กระทั่งแม่สามีที่พยายามห้าม “หืม อ่อยผู้ชายของลูกสาวเธอ? ฉันได้ยินอะไรผิดไปนะ ถ้าหลานสาวฉันอ่อยผู้ชายของลูกสาวเธอจริงๆ ลูกสาวเธอคงต้องไตร่ตรองดูแล้ว” สะใภ้ใหญ่เฉินเป็นคนตอบ เฉินเฟิ่นอี้ไม่สนใจปากหอยปากปู เธอกำลังเฉาะผลไม้ของวันนี้อย่างชำนาญ เพราะทำอาหารช้าและทำหลายอย่างมาก ผลไม้ที่ควรเสร็จตั้งแต่อยู่บ้านจึงต้องนำมาทำที่นี่ “สะใภ้ใหญ่เฉิน!” “อะไร” “ป้าสะใภ้คะ ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ตอนนี้เฉินตงคงนำใบจบกลับมาแล้ว รอกลับไปเลี้ยงฉลองกันดีกว่า” เฉินเฟิ่นอี้พูดเสียงเบา เธอไม่ต้องการสนทนากับบ้านอี้ “ได้ๆ ป้าเชื่อหลาน” สะใภ้บ้านเฉินต่างยิ้มกันหน้าบานเลิกสนใจสะใภ้บ้านอี้ที่ค่อนแคะ สร้างความแปลกใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาสงครามทั้งสองบ้านไม่เคยได้หยุดพัก เฉินเหม่ยเย่รีบตักข้าวใส่ถ้วยทันทีที่เห็นกลุ่มผู้ชายเดินขึ้นจากแปลงนา น้ำเย็นๆ ถูกจัดเตรียมเอาไว้ โชคดีที่น้ำไม่ได้ร้อนเหมือนอากาศไม่อย่างนั้นคงไม่มีอะไรให้ดื่มเย็นๆ “ทำไมไม่ให้เจ้าสองคนนั้นยกมา พวกหลานควรนั่งพักอยู่ที่บ้าน ดูสิผิวขาวๆ ดำคล้ำไปหมด” ปู่เฉินนั่งลงประจำที่ก่อนเริ่มบ่นอย่างไม่ชอบใจ สำหรับคนที่เป็นปู่เขาไม่ยอมให้หลานสาวลงมาทำงานในแปลงนา แต่ก็ขัดใจภรรยาไม่ได้ที่ต้องให้ทุกคนเท่าเทียมกัน “ผิวดำตรงไหนคะ คุณปู่ไม่ต้องห่วงค่ะฉันใส่หมวกมาด้วย” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวยิ้มๆ ตักอาหารใส่ถ้วยส่งให้ป้าสะใภ้ “ใช่ๆ อีกอย่างนะคะพวกเราก็ออกมาแป๊บเดียว” เฉินเหม่ยเย่ประท้วง “คุณพ่อก็ทำให้เด็กๆ เคยตัว แค่ไม่ลงมาทำงานในแปลงนาพวกหล่อนก็เอาเปรียบคนอื่นแล้วค่ะ ถ้าเอาอาหารมาส่งไม่ได้ก็ต้องให้ลงมาทำงานในแปลงนา” สะใภ้สี่เฉินบอกพ่อสามีก่อนจะหันมาบ่นลูกสาวที่นั่งอยู่ การที่ลูกสาวไม่ต้องลงมาทำงานในแปลงนามันย่อมดีกับครอบครัวหล่อน สมาชิกบ้านเฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่างสนับสนุนกันถ้วนหน้า แต่ไม่ใช่กับคนบ้านอื่นที่นำลูกสาวของหล่อนไปเปรียบเทียบกับเด็กสาวบ้านอื่นที่ทำงานในแปลงนา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม