จิรศักดิ์แสยะยิ้มกับท่าทางชวนสงสัยของดนัยยามจ้องมองพิมพ์ชนก ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้เพื่อนบ้านี่ปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า สามปีที่เอาแต่มอง คอยรับ คอยส่ง แต่ไม่เห็นมันกล้าสารภาพรักกับพิมพ์ชนกเสียที
“เอาแต่มอง ระวังถูกหมาคาบไปแดกนะไอ้ดนัย” ใบหน้าหล่อคมเข้มเอียงเข้ามากระซิบบอกอย่างมีเลศนัย ก่อนเบนสายตาไปมองพิมพ์ชนกที่เอาแต่สนใจอาหารบนโต๊ะ
“ไม่ต้องมายุ่งน่า” ดนัยตอบแล้วเหลือบสายตามองผู้หญิงที่เขาหลงรัก แล้วยกยิ้มบางๆ ไปเที่ยวหัวหินคราวนี้ เขาต้องสารภาพรักกับเธอให้ได้
“พวกนายซุบซิบอะไรกัน” นลินทิพย์ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสัยที่ดนัยกับจิรศักดิ์แสดงออกมา
“ไม่มีอะไรหรอกไอ้ลิน” จิรศักดิ์ตอบแล้วยิ้มให้เพื่อนสนิท
“แน่นะไอ้ศักดิ์” คนหวาดระแวงสบตามองสองหนุ่มอย่างคาดคั้น ทั้งน้ำเสียงและสายตาชวนให้เธอสงสัย โดยเฉพาะแววตาของดนัย
“เออ แกนี่คิดมากจริงๆ คนอย่างฉันเคยทำอะไรไม่ดีหรือไง”
“เปล่า แต่ช่วงนี้ฉันว่าแกดูแปลกๆ ไป โดยเฉพาะเวลาที่แก...” หญิงสาวเว้นชื่อของเพื่อนสนิทเอาไว้ เธอมั่นใจว่าดนัยต้องชอบมธุรสหรือไม่ก็พิมพ์ชนก เพราะไอ้หมอนี่ชอบผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือน พูดได้เลยว่าเพื่อนสองคนนี้ของเธอคือสเป็กของดนัยเลยก็ว่าได้
“ถ้าแกคิดเล่นๆ ฉันฆ่าแกแน่ แต่ถ้าแกจริงจัง ฉันก็จะไม่ขัดขวาง”
“ฉันจริงจังแน่นอน แกไม่ต้องเป็นห่วง”
“รักษาคำพูดด้วยล่ะไอ้ดนัย ถ้าแกผิดคำพูด ฉันเชือดแกแน่” นลินทิพย์เตือนเสียงกร้าว ถ้าจริงจัง เธอก็ยินดีและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ผู้ชายดีๆ ไม่ได้หาได้ในสังคมปัจจุบัน ดนัยกับจิรศักดิ์เป็นคนดี ชาติตระกูลก็ดีเยี่ยม หากเพื่อนสนิทของเธอได้แต่งงานกับในหนึ่งสองคนนี้ เธอเชื่อว่าเพื่อนของเธอต้องมีความสุข
“เออ ฉันรู้แล้วน่า แกไม่ต้องมาย้ำหรอก” ดนัยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ที่นลินทิพย์ยอมเปิดไฟเขียวให้แบบนี้ หากเขาขอพิมพ์ชนกแต่งงานก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรอีกแล้ว
ณิชานั่งฟังบทสนทนาของนลินทิพย์กับดนัยและจิรศักดิ์ ก่อนเบนสายตามองไปที่มธุรสกับพิมพ์ชนกที่เอาแต่นั่งวิจารณ์รายการอาหารบนโต๊ะ เธอไม่ชอบทำอาหารเลยไม่รู้จะเข้าไปคุยเรื่องอะไรดี พอหันมาอีกด้านหนึ่งก็ต้องเลิกคิ้วยุ่ง เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของดนัยกับนลินทิพย์ สองคนนี้ก็โต้ตอบกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน ตกลงคู่นี้กำลังคุยเรื่องอะไรกัน
“ศักดิ์” หญิงสาวหันไปเรียกจิรศักดิ์ ที่นั่งเท้าคางฟังเพื่อนทั้งสี่คุยกัน แถมบางครั้งชายหนุ่มยังชอบหันมามองเธออีก คงไม่ได้คิดที่จะชวนเธอทะเลาะหรอกนะ นานๆ จะได้มานั่งทานข้าวกันครบทีมทั้งทีน่าจะสนุกกว่านี้ แล้วทำไมครั้งนี้บรรยากาศถึงได้ดูอึมครึม เคร่งเครียดนัก
“หืมม์” ชายหนุ่มหันมาตอบณิชาสั้นๆ ดวงตาคู่คมสบตามองใบหน้าคมสวยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ มีเลศนัยหน่อยๆ
“ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าไงศักดิ์” ณิชาถามขึ้นอย่างระแวง เธอล่ะเกลียดจริงๆ กับสีหน้าเจ้าเล่ห์ คำพูดกวนบาทา แถมด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยนั้นอีก นับวันเธอยิ่งไม่เข้าใจจิตใจของผู้ชายคนนี้เลย
“เปล่านิ ณิชาคิดมากไปหรือเปล่าจ๊ะ” ชายหนุ่มย้อนถามกลับ ใบหน้าหล่อคมเข้มระบายไปด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า
รอยยิ้มและน้ำเสียงมีเลศนัยของจิรศักดิ์ทำให้ณิชาผงะเล็กน้อย ใบหน้าคมสวยแสดงความระแวงออกมาอย่างชัดเจน
“ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้นล่ะณิชา ฉันเป็นคนดีนะ ไม่เคยคิดไม่ดีกับณิชาเลยจริงๆ ขอบอก” จิรศักดิ์เปรยออกมาเบาๆ และไม่ลืมส่งยิ้มยั่วกวนประสาทไปให้คนหวาดระแวงอย่างอารมณ์ดี
ณิชาเบิกตากว้างอย่างตกใจกับคำพูดของเพื่อน ปกติจิรศักดิ์ก็ชอบหาเรื่องกวนประสาทเธออยู่แล้ว แต่ไอ้คำพูดและสีหน้ามีลับลมคมนัยตอนนี้ นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงทำหน้ามีเลศนัยแบบนั้น
‘นี่นายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ศักดิ์’
/////////
ภควัตนั่งมองโต๊ะที่มธุรสนั่งอยู่ด้วยสีหน้าเย็นชา ยิ่งมองเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ชอบใจยามเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานที่หญิงสาวมักยิ้มให้คนโน้นคนนี้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกหัวเสีย ไม่สบอารมณ์ที่เห็นผู้ชายคนอื่นอยู่กับมธุรส
‘ฉันคงบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รู้สึกแบบนี้กับเธอ...มธุรส’
“บรรยากาศในโต๊ะนั้นดูแปลกไปหรือเปล่าวะไอ้ใหญ่” เทียนชัยถาม
“ฉันจะไปรู้เหรอไอ้เทียน แล้วทำไมแกต้องสนใจโต๊ะนั้นด้วยวะ”
เขาไม่ใส่ใจหรอกว่าใครในโต๊ะนั้นจะเป็นอะไร เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาสนใจคืออารมณ์ที่ไม่ปกติของภควัตมากกว่า ตั้งแต่รู้ว่าสาวหน้าหวานคนนั้นชื่ออะไร ไอ้คนไอคิวสูง แต่อีคิวต่ำก็เอาแต่นั่งเงียบตลอด
เทียนชัยเลิกคิ้ว หรี่ตามองอภิเดชแวบหนึ่ง พูดมาได้ว่าไม่สนใจ แต่สายตากลับเอาแต่เหลือบมองสาวสวยในโต๊ะนั้นไม่วางตา แล้วยังมาโกหกอีกว่าไม่สนใจ อภิเดชมักเป็นแบบนี้เสมอ
“นึกว่าฉันไม่รู้หรือไงไอ้ใหญ่ ชอบเค้าก็บอกมาเถอะ ทำลีลาไปได้ ถ้าแกยังขืนชักช้า คุณผู้ช่วยแกอาจถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้งาบเอาไปก่อนนะเว้ย”
“พูดเรื่องอะไรของแกวะไอ้เทียน ฉันไม่ได้คิดอะไรกับยัยเฉิ่มนั่นเสียหน่อย นิสัยก็ไม่ดี ปากก็จัด แถมยังอารมณ์ร้ายอีก”
อภิเดชบอกเสียงแข็งนิดๆ รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่เทียนชัยพูดแทงใจดำ ก็รู้อยู่หรอกว่านลินทิพย์หน้าตาดี แถมยังดูเท่และสวยเฉี่ยวจนทำให้ใจเขาหวั่นไหว แต่เพราะนิสัยและปากร้ายนี่แหละ ถึงทำให้เขาหัวเสียอยู่ร่ำไป
“เฉิ่มที่ไหน ฉันว่าคุณผู้ช่วยของแก สวย เฉี่ยว ดูดี แถมยังเท่จะตายไป ถึงจะใส่แว่นก็เถอะ แต่ถ้าเปลี่ยนไปใส่คอนแทกต์เลนส์ รับรองได้เลยว่าคุณผู้ช่วยของแกต้องสวยกว่าสาวๆ ที่แกเคยควงมาแน่”
เทียนชัยยังพูดไม่หยุดปาก เบนสายตาก็มองผู้หญิงที่เพื่อนสนิทให้ความสนใจ เขามองไม่ผิดหรอก ผู้หญิงที่ตรงสเป็กของอภิเดชทุกอย่างก็คือสาวสวยคนนี้แหละ ถ้าเขาจำไม่ผิดนามสกุลของเธอดังไม่ใช่เล่นทีเดียว
“คุณผู้ช่วยแกเป็นลูกสาวของคุณเกรียงไกร นักการเมืองชื่อดังสมุทรปราการไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ฉันนึกว่าแกรู้แล้วเสียอีก นามสกุลใหญ่โตซะขนาดนั้น”
อภิเดชตอบ อาจเพราะนลินทิพย์มีบิดาเป็นนักการเมืองนี่แหละ บรรดาหนุ่มๆ ถึงไม่กล้าเข้าไปตีสนิทกับเธอมากนัก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับเขา เพราะคนที่คิดจะเข้าไปตีสนิทกับนลินทิพย์ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนฝ่าด้านคุณพ่อจอมหวงบุตรสาวคนนี้ไปได้เลย
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...