ตอนที่3 แม่ทัพจอมขบถ

856 คำ
ตอนที่3 แม่ทัพจอมขบถ สำนักโคมเขียว เสียงเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งบรรเลงดังแว่วออกมา ความพิสดารของเสียงมีอำนาจกล่อมจิตใจให้แขกเหรื่อที่ล้วนเป็นบุรุษเพศลดความกร้าวกร้าว รู้สึกเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินไปกับท่วงทำนองอันอ่อนหวานไพเราะ นางระบำหลายนางร่ายรำอ่อนช้อยอวดทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้น สตรีทุกนางได้รับการฝึกฝนเคี่ยวกรำมาเป็นอย่างดียามพวกนางสะบัดมือกรีดกราย ยามขยับเรือนร่างร่ายรำงดงามปานนางสวรรค์ดึงดูดสายตาของเหล่าบุรุษในวัยคะนองให้จับจ้องไม่วางตา สำนักโคมเขียวแห่งนี้ใหญ่โตโออ่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองแห่งนี้ บรรดานักท่องราตรีที่แวะเวียนมาหาความสำราญหากไม่ใช่พวกขุนนาง ลูกหลานคหบดี พวกมันก็ต้องมีทองคำมากพอจึงจะสามารถเดินผ่านประตูเข้ามาได้ “ดูพวกนางสิช่างงดงามจริงๆ” ชายผู้หนึ่งแต่งกายด้วยผ้าไหมเนื้อดีเอ่ยขึ้นกับสหายของมันด้วยสีหน้าตะลึง “เจ้าบ้านนอก นี่แค่เพียงนางระบำธรรมดาเท่านั้นเจ้ายังทำหน้าเคลิบเคลิ้มถึงเพียงนี้ หากเจ้าได้ยลโฉมของแม่นางเจ้ามิต้องหัวใจวายตายไปกับความงามของนางหรอกรึ” สหายของมันที่มาด้วยกันหัวเราะร่วนสนุกสนาน พวกมันทั้งสองตกอยู่ในสายตาของบุคคลลึกลับทั้งสองซึ่งนั่งดื่มสุราเงียบขรึมอยู่โต๊ะหัวมุม คนหนึ่งรูปร่างกำยำบึกบึนใบหน้าเหี้ยมเกรียม ส่วนอีกคนดูสง่างามน่าเกรงขามผิดกับสามัญชนธรรมดา พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้ากลมกลืนไปกับผู้คนเหมือนจงใจไม่ให้โดดเด่นเป็นที่ผิดสังเกต “ท่านแม่ทัพ นี่ท่านพาข้ามาหาความสำราญหรอกรึ” เตียวหุยเอ่ยถามแต่ไม่ได้รับคำตอบใดกลับมา ท่านแม่ทัพที่เขาเอ่ยถึงเพียงยกจอกสุราขึ้นดื่ม สายตาทอดมองไปยังนางระบำด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่ค่อยชอบสถานที่เช่นนี้สักเท่าไหร่” เตียวหุยพูดออกมาตามความคิด ชายผู้นี้หาญกล้าเด็ดเดี่ยวก็จริงหากบางคราก็ซื่อตรงจนเกินไป “เจ้าควรเปิดหูเปิดตาบ้าง ดูสิพวกนางร่ายรำได้งดงามน่ามองกว่าซากศพของพวกศัตรูในสมรภูมิตั้งหลายเท่า” ริมฝีปากที่อยู่บนใบหน้าแม่ทัพใหญ่ยกยิ้ม “แต่ข้ายินดีอยู่ในสมรภมิรบมากกว่า” เตียวหุยวางจอกสุราแล้วคว้าไหสุรายกขึ้นดื่ม “เจ้าโง่” เล่งฮู้ชงนานครู่หนึ่งแล้วไม่สนใจอีกฝ่ายอีก “ข้าได้ข่าวมาว่าทัพของแม่ทัพเล่งฮู้ชงเคลื่อนทัพมาตั้งค่ายอยู่ชายป่าไม่รู้ว่ามีแผนการใดกันแน่ เวลานี้ขุนนางที่เกี่ยวข้องเรียกประชุมเพื่อเตรียมรับมือเป็นการใหญ่” ชายหนุ่มผู้หนึ่งแต่งกายบ่งบอกว่าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นอีกโต๊ะเอ่ยขึ้น ข้างกายของมันมีดาบยาววางอยู่เตรียมพร้อมชักออกจากฝักหากมีเหตคับขันจวนตัว การระแวดระวังเยี่ยงนี้เป็นไปตามสัญชาติญาณ “เจ้าจะเกรงกลัวไปใยเมืองของเรามีกำลังทหารเข้มแข็ง ขนาดพวกโจรผ้าแดงยังไม่กล้าเข้ามาปล้นไหนเลยจะต้องหวาดหวั่นกับกองทัพป่าเถื่อนไร้สังกัดพวกนั้นด้วยเล่า ทหารเดนตายของเล่งฮู้ชงจะมีน้ำยาอะไรหลังจากที่ขัดราชองค์การก็ถูกทางการหมายหัวไม่ต่างกับพวกกบฏ” เตียวหุยตาลุกวาวกำมือแน่นเตรียมลุกขึ้น แต่บ่าของมันถูกมือใหญ่ของคนข้างกายออกแรงกดเอาไว้ให้จมอยู่กับเก้าอี้ “นั่นก็ถูกของเจ้า นิทานเกี่ยววีระกรรมของแม่ทัพเล่งมันก็เป็นเพียงข่าวลือที่สร้างขึ้นเพื่อข่มขวัญคนขลาดเขลาเบาปัญญาเท่านั้น จอมเสียบปีศาจงั้นรึ จอมทัพไร้พ่ายงั้นรึหากเขากล้ายกทัพเข้ามาประชิดกำแพงเมืองข้านี่แหละจะอาสาออกไปกุดหัวของมันเอง” “เจ้านี่กล้าหาญสมเป็นมือปราบอันดับหนึ่ง บางทีหากเล่งฮู้ชงเห็นฝีมือเพลงดาบของเจ้าคงได้หนีหัวซุกหัวซุกไปเป็นแน่” สองมือปราบหัวเราะขบขันเป็นที่สนุกสนานผิดกับเตียหุยที่โกรธจนควันออกหู ใบหน้าที่แดงด้วยกร่ำแดงและฤทธิ์สุราอยู่แล้วยิ่งแดงจัดเป็นทวี “ท่านแม่ทัพหากท่านอนุญาตข้าจะตัดหัวของพวกมันออกมาเดี๋ยวนี้” หัวหน้ากองทหารเดนตายล้วงมือเข้าไปกำปลายมีดสั้น ปราณสังหารพวยพุ่งออกมาจนดูน่ากลัว “เตียวหุยไม่ใช่เวลาแสดงฝีมือของเจ้า หากอยากจะเล่นกับพวกมันภายหน้าเจ้าไม่ผิดหวังแน่” เล่งฮู้ชงเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เตียวหุยคลายมือจากด้ามมีดหากสีหน้ายังคงอาบด้วยไฟโทสะ เสียงเพลงหยุดลงเหล่านางระบำแยกย้ายหลบเข้าไปหลังม่าน “ต่อไปนี้ขอเชิญนายท่านทุกท่านรับฟังดนตรีจากคุณหนูเจ้า” เสียงพูดคุยเงียบลงเป็นประกาศิต ม่านชั้นสองถูกดึงเปิดออกพร้อมกับหญิงงามในชุดสีขาวราวกับหิมะ ใบหน้าของนางสะกดให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังนางเป็นตาเดียวกันไม่เว้นกระทั่งแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ดวงตาดำใหญ่บัดนี้ยากจะคาดเดาความหมาย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม