ตอนที่โรสลินอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า โรงเรียนได้มีการจัดเข้าค่ายบิซิเนสแอนด์กรีนทริปที่ดอยน้ำค้าง จังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลาสี่วันสามคืน โดยให้นักเรียนระดับมัธยมปลายที่สนใจลงชื่อที่ห้องศูนย์ให้คำปรึกษาและแนะแนว ทันทีที่เด็กสาวเห็นป้ายประกาศ เธอก็ดึงมือเพื่อนสนิทอย่างตะวันวาดไปลงชื่ออย่างว่องไว
เมื่อถึงกำหนดวันออกค่าย คุณแม่ของเด็กสาวก็ขับรถมาส่งถึงที่โรงเรียน ปลายขอบฟ้าเพิ่งมีสีส้มเรืองรอง ทว่าลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนกลับสว่างไสว โรสลินยกกระเป๋าเดินทางใบโตไปกองรวมกับของคนอื่นด้านข้างรถบัส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประจำรถ ยกมันใส่ช่องเก็บของ ขณะที่ประตูทางขึ้นมีอาจารย์ถือโทรโข่งประกาศให้ทุกคนมาเช็กชื่อเพื่อขึ้นรถ
โรสลินยังยืนเตร็ดเตร่กระทั่งรถกระบะคันเก่งมารดาของตะวันวาดเคลื่อนที่เข้ามาจอด เพื่อนสนิทของเธอเดินลงจากรถมาด้วยอาการสะลึมสะลือคล้ายยังไม่ตื่นดี จนโรสลินนึกรู้สึกผิดที่ชวนเพื่อนมาลำบาก
เด็กสาวรีบเดินเข้าไปช่วยเพื่อนที่กำลังถือของพะรุงพะรังโดยไม่ลืมที่จะยกมือไหว้คุณน้า มารดาของเพื่อนสนิทด้วย
“ขอโทษนะ ที่ทำให้แก้วต้องตื่นเช้าขนาดนี้”
ตะวันวาดรีบยืดตัวตรง ทำท่ากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “เอ๊ย! ไม่! เราไม่ได้ง่วงขนาดนั้น ไปเที่ยวแบบนี้ดีออกจะตาย ปกติเราก็ไม่ค่อยได้ไปไหน”
โรสลินพาอีกฝ่ายไปเก็บของและเดินตามกันขึ้นรถเพื่อไปจับจองที่นั่ง “แก้วจะนอนต่อก็ได้นะ” เธอเอ่ยยิ้ม ๆ พลางควานหาหูฟังในกระเป๋าสะพายสีชมพูของตนขึ้นมาใส่หู หลังเปิดเพลงไปครู่หนึ่ง คนเป็นเพื่อนสนิทกลับดึงหูฟังไปเสียบใส่หูของตนเองบ้าง
“แน่ะ เดี๋ยวนี้ฟังเพลงคลั่งรักเหรอ” ตะวันวาดเอาศอกกระทุ้งเพื่อนเมื่อเห็นว่าเพลงที่โรสลินเปิดนั้นเป็นเพลงรักวัยรุ่นที่น้อยครั้งนักจะเห็นเพื่อนคนนี้ฟัง
“เปล่าเลย เห็นเพิ่งออกใหม่ก็เลยลองฟังดู” โรสลินรีบตอบปฏิเสธทันควัน “เนื้อเพลงมันก็น่ารักดีแหละ คนร้องก็น่ารัก ทำนอง ดนตรี เอ็มวี น่ารักหมดเลย”
“อ๋อ นึกว่าแกไปชอบใครแล้วซะอีก” ตะวันวาดเอ่ยแซวทำให้แก้มนวล ๆ ของโรสลินขึ้นสีแดงแจ๋
“บ้า เราไม่ได้ชอบใครซะหน่อย แก้วอะ พูดให้เราเขิน”
“ก็ถ้าไม่ได้ชอบใครจริง ๆ แกจะเขินทำไมอ่า” ตะวันวาดยังคงแซวต่อไม่หยุดพลางฮัมเพลงนั้นออกมาล้อด้วย
“แก้ว ฮึ่ย! เราไม่ได้ชอบใครจริง ๆ นะ” ว่าเสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ ก่อนจะหันหน้าออกไปมองบรรยากาศของโรงเรียนในยามเช้าอันไร้ผู้คน ตอนนี้รถบัสกำลังเริ่มเคลื่อนตัวแล้ว ภาพอาคารเรียนที่แสนคุ้นเคยค่อย ๆ ผ่านสายตาไปอย่างช้า ๆ
เด็กสาวบอกปฏิเสธเพราะไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้จะสมหวังหรือไม่ ดูจากการที่อีกฝ่ายไม่ค่อยมาหาเธอเหมือนแต่ก่อน นั่นพอเดาได้ว่าเขาอาจจะลืมเธอไปแล้ว ฉะนั้นต่อให้ชอบมากแค่ไหนก็ได้แค่ทำใจ หรือต่อให้คิดถึงมากเพียงใดคงได้แต่เก็บความคิดถึงไว้กับตัว
“โซ่ เอาขนมมั้ย คุณครูจะแจกให้กินก่อนปิดไฟเนี่ย” ตะวันวาดเอ่ยถามเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ก็พบว่าโรสลินปล่อยใจให้ลอยไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้เสียแล้ว
“โซ่!” ตะวันวาดเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อนสาวแล้วดีดนิ้วเรียกสติ ทำให้คนที่นั่งเหม่อลอยอยู่หันกลับมามองด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ฮะ? มีอะไรเหรอ” หันมองทันทีเมื่อถูกดีดนิ้วเรียก
“โซ่ แกใจลอยอีกแล้วนะเนี่ย” เด็กสาวเอ็ดขณะที่หยิบขนมที่เพื่อนด้านหน้าส่งต่อมาวางไว้สองชิ้นที่ถาดหลังที่นั่งบนรถ “กินขนมสักหน่อยมั้ย จะได้หายฟุ้งซ่าน”
“ฟุ้งซ่านอะไร แค่มองบรรยากาศข้างทางเพลินไปหน่อย” โรสลินรีบแก้ตัวทันที ก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อขนมที่คุณครูประจำชั้นแจกนั้นคือขนมโปรดของเธอ
“กินเข้าไปเลย ไม่ต้องมาแก้ตัว มองจากดาวอังคารก็รู้แล้วว่าแกอะ ฟุ้งซ่าน ใจลอย ไหน คิดถึงใคร ลองว่ามาซิ” ตะวันวาดพูดพลางเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ ในปาก
“บ้า! ไม่ได้คิดถึงใครซะหน่อย” โรสลินยังคงปฏิเสธทั้งที่ในใจเธอคิดถึงคนคนนั้นอยู่ เด็กสาวงับขนมเข้าปากแล้วเคี้ยวซึมซับรสชาติหวานหอม หลังทานขนมหมด ตะวันวาดก็รื้อหมอนรองคอขึ้นมาสวมเตรียมตัวเข้าสู่นิทรา ฝ่ายโรสลินก็ทอดสายตามองทิวทัศน์ข้างทาง
....
รถบัสค่อย ๆ จอดลงเพื่อพักรถที่ปั๊มน้ำมันสีเขียวแห่งหนึ่ง โรสลินจึงหันไปสะกิดตะวันวาดให้ตื่นเผื่อว่าอีกคนอยากเข้าห้องน้ำหรือแวะซื้ออะไรกินเล่นในร้านสะดวกซื้อ ตะวันวาดที่นอนคอพับอยู่สะดุ้งตื่นด้วยแรงสะกิด
“ถึงแล้วเหรอ...” ถามน้ำเสียงสะลึมสะลือ
“ยังหรอกแก้ว รถแวะพักที่ปั๊มน่ะ นี่คนอื่นลงไปหาอะไรกินกับเข้าห้องน้ำกันอยู่ แก้วไปเข้าสักหน่อยมั้ย” โรสลินถาม ซึ่งตะวันวาดก็พยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืดตัว
“อยากกินโอนิกิริมากเลยอะ ฮือ พาเราเข้าเซเว่นด้วยนะ พอเข้าห้องน้ำเสร็จอะ” ตะวันวาดเอ่ยพลางปิดริมฝีปากหาว “ง่วง แต่ก็หิว แย่จัง”
โรสลินขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินนำลงรถบัสไป มีตะวันวาดเดินตามหลังลงมาไม่ห่าง เธอเดินไปที่ห้องน้ำกับเพื่อนรักเพื่อทำธุระเบา หลังจากเสร็จสิ้นแล้วทั้งสองก็รีบไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรทาน
ตะวันวาดตรงดิ่งไปยังโซนอาหารเวฟทันทีด้วยความหิวข้าวปั้นญี่ปุ่นสุดจะทน ส่วนโรสลินเลือกหยิบขนมปังเนยสองห่อเท่านั้น แต่แล้วก็คิดว่าไหน ๆ ลงมาทั้งที ซื้อน้ำขึ้นไปติดตัวดีกว่า
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูของตู้เย็นในร้านสะดวกซื้อนั้น มือหนาของใครบางคนก็เอื้อมมาตัดหน้าเสียก่อน ทำให้โรสลินต้องชักมือกลับ เธอไม่ได้มองหน้าผู้ชายคนนั้น เพียงแค่เสตามองไปทางอื่น
หลังจากที่เขาหยิบน้ำดื่มผสมวิตามินสองขวดพร้อมกับกาแฟกระป๋องออกไปแล้ว โรสลินจึงได้เลือกหยิบน้ำผลไม้ที่ตนเองอยากทาน
ความรู้สึกคุ้นเคยนี่มันอะไรกัน...
“โซ่~ จ่ายเงินได้แล้ว คนอื่นเริ่มทยอยไปขึ้นรถกันละนะ” ตะวันวาดเดินมาแตะหลัง ในมือของเพื่อนรักมีตะกร้าบรรจุอาหารเวฟสำเร็จรูปอยู่หลายชิ้น เธอพยักหน้าแล้วเดินตามเพื่อนไปต่อแถวชำระเงิน
โรสลินมองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งมาเปิดตู้เย็นก่อนเธอเพียงไม่กี่นาที แม้ว่าจะเห็นเพียงแวบเดียว แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด