“ตายแล้ว ลูกสาวคุณแม่ สวยอย่างกับนางในวรรณคดีเลย” สร้อยสุดาเดินเข้ามาหาหญิงสาวถึงในห้องแต่งตัว เธอยิ้มแย้มหน้าบานอย่างมีความสุขเมื่อเห็นใบหน้าที่ประทินโฉมเรียบร้อยรวมทั้งชุดเสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“สวยเหมือนคุณนายนั่นแหละค้า เสร็จเรียบร้อยพร้อมส่งให้เจ้าบ่าวแล้วค่า” ช่างแต่งหน้ายกยิ้มภูมิใจในผลงานของตน “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะคุณนาย ยืนแต่งหน้ามาตั้งแต่ตีห้าแล้ว ปวดฉิ้งฉ่องม้ากมากค่ะ”
“เชิญเลยจ้ะจุ๊กจิ๊ก อย่าปล่อยให้ราดล่ะ” เอ่ยกลั้วเสียงขำไล่หลังสาวประเภทสองที่วิ่งออกไปแล้ว สร้อยสุดาหันมาลูบ ๆ สไบสีทองของลูกสาวของตนให้เรียบเนียนเข้าที่แล้วเอ่ยเรียกขวัญลูก
“โซ่ แม่รู้ว่าวันนี้ลูกตื่นเต้นมากที่จะได้ออกเรือนไปเป็นภรรยาพี่ภีมเขาแล้ว แม่อยากให้ลูกรู้ไว้นะจ๊ะ ว่าพ่อกับแม่รักลูกมาก” เธอยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกสาวแผ่วเบา “แม่เลือกสรรคนที่ดีที่สุดมาให้ลูกแล้ว พ่อเองก็พอใจไม่น้อยกับผู้ชายคนนี้ อีกอย่างลูกเองก็... ตามก้นพี่เขามาต้อย ๆ ตั้งแต่เล็ก แม่เชื่อว่าแต่งงานกันไปแล้ว พี่เขาต้องรักต้องเอ็นดูหนูมากแน่ ๆ”
“โซ่ก็... หวังจะให้เป็นอย่างนั้นค่ะ” โรสลินสวมกอดแม่ของตนด้วยความรู้สึกใจหาย “โซ่รักแม่นะคะ รักมาก ๆ เลย ต่อให้ต้องไปอยู่กับพี่ภีมแล้ว โซ่ก็จะกลับมาหาแม่กับพ่อบ่อย ๆ ค่ะ บอกตามตรงนะคะ โซ่ยังอยากอยู่ดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านอยู่เลย ยัง... ไม่อยากไปจากอกของแม่เลยค่ะ” เธอกอดแม่ของตนแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกรักที่ล้นในอก
“โซ่จ๊ะ หลังจากนี้ลูกแต่งงานออกไปแล้ว ลูกจะต้องไปเป็นภรรยาที่ดีของพี่ภีม และอีกไม่นานลูกก็ต้องไปเป็นแม่ที่ดีในอนาคต ทำใจให้สบายนะจ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ แม่อยู่ในใจของลูกเสมอ อย่ากังวลเลยนะ คนดีของแม่”
โรสลินปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นอย่างไม่อาจห้าม เธอร้องไห้ออกมาในอ้อมอกของมารดาโดยไม่สนใจเครื่องสำอางที่เพิ่งแต่งแต้มลงบนใบหน้า พลางสะอื้นไห้ตัวโยนด้วยความรู้สึกแสนจะห่วงหายามฉุกนึกได้ว่าต่อจากนี้ต้องแยกจากบุพการีทั้งสอง ย้ายไปอยู่ที่อื่น
“ตายแล้วยายโซ่ ร้องไห้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานเลย แบบนี้เจ้าสาวของแม่ก็ไม่สวยแล้วน่ะสิ” สร้อยสุดาเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะทั้ง ๆ ที่ตนเองก็น้ำตาซึมไม่ต่างกัน
“ไม่สวยก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยจะได้ไม่ต้องแต่งงาน อยู่กับคุณแม่แบบนี้ไปนาน ๆ ไงคะ” โรสลินซุกใบหน้าเข้ากับอกของมารดาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา
สองแม่ลูกกอดตระกองกันอยู่นาน เมื่อจุ๊กจิ๊กกลับมาแล้ว สร้อยสุดาก็ได้ไหว้วานให้อีกฝ่ายลงมือแต่งหน้าให้ลูกสาวใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเพิ่งเสียน้ำตามาจนเครื่องสำอางเลอะเทอะไปหมด
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าอันเป็นมงคลฤกษ์ที่ดี แขกเหรื่อที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งเองก็มาพร้อมกันแล้วที่บริเวณจัดงานเลี้ยงในคฤหาสน์เจริญกิจธารา สร้อยสุดามองเห็นรถของตระกูลอรรถเศรษฐากุลอยู่ที่หน้าหมู่บ้านก็รีบรุดเข้ามาเตรียมตัวให้ลูกสาว
“โซ่จ๊ะ พี่ภีมเขามาแล้วนะ” เธอลูบหลังลูบไหล่ลูกสาวของตนให้คลายความตื่นเต้นก่อนจะพาไปรอที่ใกล้ ๆ พิธี “เดี๋ยวแม่กับพ่อจะพาไหว้พระ ถวายน้ำปานะนะจ๊ะ ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ต้องร้อนรนล่ะ”
“ค่ะแม่” โรสลินตอบรับทั้งที่ภายในใจนั้นรู้สึกตื่นเต้นเสียจนสั่นไปหมด เธอกำลังจะได้พบกับรักแรกในวัยเด็กของตนแล้วหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานถึงสิบเอ็ดปี
นับตั้งแต่วันที่ธารินทร์กับณัฐฐามาเอ่ยทาบทาม เธอควรจะได้พบเขาสักครั้งสองครั้งก่อนแต่งงาน แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ธาวินให้เหตุผลว่า เขางานยุ่งมาก เรื่องการดูชุดแต่งงาน เลือกการ์ดเชิญ ของชำร่วยและจิปาถะอื่น ๆ ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของเธอร่วมกับมารดา ด้วยเหตุนั้น จึงมีหลายครั้งที่เธอแอบมีความคิดว่า การตัดสินใจแต่งงานอาจเป็นเรื่องผิดพลาด แต่เมื่อคิดว่า ชายที่เธอจะแต่งงานด้วย คือคนที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำอย่างไม่อาจลบเลือน ความลังเลทุกอย่างก็มลายหายไปสิ้นในฉับพลัน
รถยนต์คันหรูขับเข้าเทียบพร้อมกับเจ้าบ่าวเปิดประตูลงมาจากพาหนะ ชายหนุ่มในชุดไทยราชปะแตนสีทองรับเข้ากับโจงกระเบนโทนสีเดียวกัน ใบหน้าคมคายแสนคุ้นเคยทำให้โรสลินที่แอบอยู่หลังม่านถึงกับหัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ