เริ่มต้นชีวิตคู่

1399 คำ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉันในช่วงเวลานี้ ไม่ได้เป็นไปในรูปแบบที่ฉันเคยคิดเอาไว้เลยสักนิด เก้าเดือนที่อุ้มท้อง แต่ต้องห่างกับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูก ได้เจอกันแทบนับครั้งได้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่บ้านความผิดพลาดที่ฉันได้ทำลงไป มันทำให้ฉันไม่อยากออกไปไหน บ้าน คือที่ที่ฉันเลือกอยู่ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของการใช้ชีวิตในช่วงนั้น สุดท้ายแล้วคนที่เหมือนจะโกรธฉัน และผิดหวังในตัวฉันมากที่สุดอย่างแม่ ก็คือคนที่ดูแลฉันมากที่สุดในช่วงเวลานั้นเช่นกัน แม่ของฉายเอง ก็ไม่ได้ทิ้งขว้างฉัน ท่านมาหาฉันทุกสัปดาห์ที่เป็นวันหยุด ซื้อของมาฝาก ถามไถ่อาการ ชีวิตของฉันมันวนเวียนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ จนกระทั่งวันที่จะคลอด วันที่ฉันเจ็บปวดที่สุด คนที่เป็นสามีกลับไม่ได้อยู่เคียงข้าง พอคลอดลูกแล้ว เขาถึงกลับมา ซึ่ง ณ วินาทีนั้น ฉันจำคำพูดของแม่ได้ขึ้นใจเลยว่า ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ที่ทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามแบบที่ฉันวาดฝัน มันเป็นเพราะ สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ มันเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม ฉันไม่มีความพร้อมอะไรสักอย่าง และต่อให้ฝ่ายของตะวันฉายจะเพียบพร้อม และพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำร่วมกัน แต่วุฒิภาวะของทั้งฉันและเขา เราทั้งคู่ ยังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อแม่คนอย่างเต็มที่ มันไม่แปลก หากวันที่ฉันเจ็บปวดที่สุด จะไม่มีผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามีอยู่เคียงกาย และวันที่ฉันและตะวันฉายในกลับมาพบกันอีกครั้ง ในสายตาของฉัน ฉายดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเหมือนมีการดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนที่มีบุคลิกที่ดี ซ้ำยังหน้าตาดีอยู่แล้ว พอมาดูแลตัวเองมากขึ้น มันจึงไม่แปลก ที่เขาจะดูดีจนสะดุดตา หนึ่งสัปดาห์หลังคลอด ตะวันฉายมาอยู่กับฉันที่บ้าน ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เราได้คุยกันมากขึ้น ได้ถามไถ่ถึงเรื่องราวต่างๆ สำหรับช่วงเวลาที่ห่างกัน ทุกอย่างที่ฉายแสดงออกมา มันทำให้ฉันมีความรู้สึกว่า เขายังเหมือนเดิม ยังเป็นคนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป สามเดือนต่อมา เพราะคำว่า ตั้งครรภ์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม มันทำให้ฉันไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ อย่างเต็มที่ ฉันได้ให้นมลูกเพียงหนึ่งสามเดือนเท่านั้น ฉันก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ที่ยังค้างคา นั่นคือการเรียนต่อให้จบ 'ฉลาม' ลูกชายของฉัน มีคุณย่าที่บอกว่าจะเลี้ยงดูเอง ด้วยความที่ฐานะทางบ้านและสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของบ้านฉายดีกว่า แม้ว่าแม่ฉันจะอยากเลี้ยงหลาน แต่แม่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ไหนจะต้องทำงาน ส่งสกายเรียนต่อ ส่วนตัวฉัน แม่ของฉายเป็นฝ่ายดูแลทุกอย่างให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน แม่ของฉายจะเป็นฝ่ายดูแลจุดนั้นของฉันทั้งหมด โดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ แม่ของฉายเป็นคนคิด และจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองหมดเลย "ปายไม่ต้องห่วงนะลูก เดี๋ยวแม่เลี้ยงฉลามเอง หนูตั้งใจเรียน แม่ฝากดูแลฉายด้วยนะ" ฉันเคยคิดนะว่า ด้วยความที่ฐานะของเรามันต่างกัน ฉันเคยกลัวว่าครอบครัวของฉายจะรังเกียจฉัน แต่แล้วในจุดๆ นี้ ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ฉันคิด พ่อกับแม่ของฉายใจดีมาก ท่านเอ็นดูฉันมาก ทั้งคำพูด การกระทำ และอะไรหลายๆ อย่าง มันทำให้ฉันโล่งใจ และสบายใจ @เมืองหลวงของประเทศไทย แล้วสุดท้าย ฉันก็ได้จากลูก จากครอบครัว เพื่อมาทำหน้าที่ที่ยังค้างคา "ปาย" เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำให้ฉันกวาดสายตาออกไปโดยรอบเพื่อมองหา สถานีขนส่งที่ใหญ่มาก มันเป็นครั้งแรกที่ฉันมาเหยียบที่นี่ แล้วในขณะที่ฉันพยายามมองหาต้นเสียงที่เรียกชื่อฉัน มือของฉัน ก็ถูกคว้าไปจับ มันเป็นสัมผัสที่ฉันคุ้นเคย "ฉาย" ฉันยิ้มกว้างเมื่อเจ้าของสัมผัสที่แตะลงตรงข้อมือของฉัน คือตะวันฉาย หมอนั่นรีบแย่งกระเป๋าจากมือของฉันไปถือเอาไว้ แล้วดึงหมวกที่ฉันไปอยู่ออกในทันที "ร้อนไหมเนี่ย มาถึงนานยัง" "ไม่นาน คนเยอะมาก ตื่นเต้นไปหมด" "อื้อ ดูหน้าก็รู้แล้ว" คนพูดกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะจับมือฉันแล้วพาเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยกัน ฉายมีรถยนต์ส่วนตัวที่ทางบ้านซื้อให้ และทางครอบครัวของเราทั้งสองฝ่าย ก็เห็นพร้อมที่จะให้เราอยู่ด้วยกัน คอนโดมิเนียมของตะวันฉายกว้างมาก ถือว่านี่เป็นครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นที่เราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ "คิดถึงจัง ได้มาอยู่ด้วยกันสักที" ฉันคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟัง คำว่าคิดถึงจากเขา มันยังทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอ "คิดถึงฉลาม ตัวเล็กกำลังกินเก่งเลยนะ" น้ำตาของฉันเกือบจะคลอออกมา "คิดถึงก็โทรหาไง ไม่ต้องห่วงหรอก แม่เห่อหลานจะตาย นั่นหลานคนแรกเลยนะ" "อื้อ แล้วนายล่ะ อยู่ที่นี่เป็นไงบ้าง เรียนหนักเลยเหรอ ถึงไม่ค่อยกลับบ้าน" "ขอโทษนะ ที่ตอนนั้นไม่ได้กลับไปอยู่ด้วยกัน พึ่งเข้าเรียนใหม่ อะไรมันก็ยังไม่ลงตัว" ยอมรับตรงๆ ว่าฉันน้อยใจเหมือนกันนะ ฉันเชื่อว่าใครๆ ก็คงต้องคิดเหมือนฉัน คือ ณ เวลานั้น ตอนนั้นผู้หญิงที่กำลังท้องอยู่ มันมีความรู้สึกต้องการให้คนรักอยู่เคียงข้างอยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นมาเพียงลำพัง ต่อให้กลับไปพูดถึงเรื่องนั้น มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร "หิวไหม อาบน้ำให้สบายตัวก่อนไหม เดี๋ยวพาไปกินข้าว" "อื้อ" ฉันพยักหน้ากลับไป ลืมเรื่องที่พึ่งคุยกัน เพราะฉันไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมาทำให้เราต้องทะเลาะกัน "งั้นเดี๋ยวฉันเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าให้นะ เธอไปอาบน้ำเถอะ มาเหนื่อยๆ เลยนี่นา" ฉายโน้มต้วมาจูบหน้าผากฉัน รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายจัดเก็บกระเป๋าของฉัน ด้วยตัวของเขาเอง @ภายในร้านอาหาร หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉายก็พาฉันออกมากินข้าวข้างนอก สำหรับที่นี่แล้ว ฉันคงต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างอีกมาก ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรู้จัก มีเพียงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งของฉัน เห็นจะเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉันในตอนนี้ ตะวันฉาย "ส้มตำไหมปาย มาเหนื่อยๆ คงอยากกิน" "อื้อ อยากกิน" "งั้นสั่งส้มตำนะ ไก่ย่าง ข้าวสวยหรือข้าวเหนียวดี" "อยากกินข้าวสวย" "จัดไป" ระหว่างนั้น... "อ้าวฉาย มาร้านนี้เหมือนกัน?" ฉันหันไปตามเสียงเรียก เป็นผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ที่มากัน 4-5 คน "เออ มากินข้าว" "อ้าวแล้วนี่" ผู้ชายที่เป็นฝ่ายทัก ชี้มาที่ฉัน แล้วหมอนั่นก็มองฉันกับฉายสลับกัน และเป็นฉายอีกนั่นแหละ ที่แนะนำฉันออกมา "นี่สปาย แฟนกู" "อ้ออ แฟนสวย" ฉันยิ้มให้ผู้ชายกลุ่มนั้นอย่างเป็นมิตร พวกเขาดูสนิทกันมาก เป็นเรื่องปกตินั่นแหละ ปกติแล้ว ฉายมีเพื่อนเยอะจะตาย "เพื่อนที่ มอ. อะ มันชอบแซว" "อื้อ เพื่อนเยอะดีนะ ฉันนี่สิ ไม่รู้จะแบบไหนเหมือนกัน" "ไปเป็นไรหรอก คนอื่นก็มาใหม่เหมือนกัน ไม่รู้จะคุยกับใคร ก็คุยกับฉันนี่ไง" ฉันส่งยิ้มกลับไป ผู้ชายที่ชื่อตะวันฉาย เป็นทุกอย่างให้ฉันแล้วจริงๆ หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ ฉายก็พาฉันไปซื้อชุดนักศึกษา ก็อย่างที่บอก ด้วยความที่เขาอยู่ที่นี่มาก่อน เขาจึงเป็นที่ปรึกษา และเป็นที่พึ่งสำหรับทุกอย่าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม