หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฉาย มันก็ยังเหมือนเดิม เรายังคบกัน คุยกัน เขายังมาที่บ้านของฉันอยู่บ่อยครั้ง
ความสัมพันธ์มันเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนกระทั่ง เราเรียนจบมัธยมพร้อมกัน มีการสอบเข้ามหา'ลัย แน่นอนว่า เรายังเลือกที่จะเข้า มหา'ลัยเดียวกัน
บ้านฉันไม่ได้รวย เอาเข้าจริง การส่งเสียฉันและน้องเรียนทุกวันนี้ แม่ฉันลำบากมาก แต่ทว่า แม่ก็ไม่เคยบอกให้ฉันหยุดเรียน หรือกระทั่งทิ้งการศึกษา แม่ยังยืนยัน ว่าจะส่งฉันเรียนต่อไปเรื่อยๆ
เหมือนทุกอย่างมันจะดีมาก พ่อแม่ของฉัน ไม่ขัดเรื่องที่ฉันจะเรียนต่อ และแม้ว่าระหว่างรอเข้าเรียน มหา'ลัย ฉันกับฉายจะไม่ได้เจอกัน แต่เรายังคุยกันทางโทรศัพท์เสมอ จนกระทั่ง ชีวิตของฉันมันเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะความชิงสุกก่อนห่าม เพราะความมักง่ายในวันนั้น เพราะความไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ของตัวฉันเอง
[ท้องเหรอปาย แน่ใจแล้วอย่างนั้นเหรอ]
"อื้อ ฉันรู้สึกแปลกๆ มาหลายวัน เวียนหัว อาเจียน เหม็นอาหาร อยากกินของเปรี้ยวๆ อาการมันชัดเจนมาก และฉันก็กังวลมาก จนต้องไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ คำตอบคือฉันท้องฉาย ฉันท้องจริงๆ"
น้ำตาของฉันไหลพราก ความผิดพลาดครั้งนี้ มันส่งผลหนักต่อฉันมาก ฉันยังเรียน ฉันยังไม่แต่งงาน มันไม่ใช่วัยที่ควรเกิดเรื่องแบบนั้น ครอบครัวของฉันต้องผิดหวัง พ่อแม่ของฉันต้องเสียใจ มันรู้สึกแย่จนทำให้ฉันเกลียดตัวเอง
[ใจเย็นๆ ก่อนดิปาย อย่าร้อง]
"ไม่ร้องได้เหรอฉาย นี่มันเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตฉันเลยนะ ชีวิตฉันพังไปหมดเลยนะ ฉันจะสู้หน้าแม่แบบไหน ฉันจะบอกแม่ยังไง"
[ฉันไม่ให้เธอรับผิดชอบคนเดียวอยู่แล้ว ขอร้อง อย่าร้องสิปาย ใจเย็นๆ ก่อน]
"ฮึก ฮื่อ..." เป็นครั้งแรก ที่ฉันร้องไห้หนักมาก ฉันเสียใจสุดๆ โกรธ เกลียดตัวเองมากๆ หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้น ไม่มีวันทำตัวแย่ๆ แบบนี้ ไม่มีทางทำให้คนที่รักฉันต้องผิดหวังและเสียใจในตัวฉันแบบนี้แน่ๆ
[ฉันจะคุยกับแม่ของฉัน เรื่องของเรา]
คำพูดนั้นที่ฉันได้ฟัง ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้ยินมันออกมาจากปากของตะวันฉาย
[ฉันจะบอกแม่ ว่าฉันทำเธอท้อง!]
"ทั้งๆ ที่นายเป็นคนบอกฉันเองนะเหรอ ว่าครอบครัวของนาย พ่อแม่ ญาติพี่น้องของนาย ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ นายบอกเองว่าพ่อกับแม่และพี่น้องของนายไม่มีทางรับได้"
เราเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่มันไม่ใช่กรณีของฉันกับฉาย แต่มันเป็นเหตุการณ์ของลูกพี่ลูกน้องของฉาย ที่เกิดพลาดแล้วท้อง ทั้งๆ ที่ยังเรียนอยู่ ครอบครัวของฉาย เป็นครอบครัวใหญ่ ทุกคนต่างทำตัวดี และอยู่ในกรอบกันทั้งนั้น เรื่องการชิงสุกก่อนห่าม จนพลาดมีลูกเข้า ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนชื่นชมหรือว่ายินดี แต่พวกเขาตำหนิ และพูดถึงเรื่องแบบนี้ ย้ำเตือนกับลูกหลานในเรื่องนี้อยู่เสมอ ว่าอย่าให้พลาดในเรื่องนี้เป็นอันขาด
ในเมื่อครอบครัวของเขาเคร่งครัดในเรื่องนี้มาก หากรู้ว่าตะวันฉายแหกกฎ พลาดทำในเรื่องที่ไม่สมควร พวกเขาก็คงจะเสียใจไม่ได้ต่างกัน
[แล้วไงอ่ะปาย ต่อให้พ่อกับแม่จะไม่ชอบ หรือโกรธเกลียดฉัน แต่สุดท้ายแล้ว ปัญหามันก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันทำ]
อย่างน้อยๆ ในความโชคร้ายที่ถือว่าโชคร้ายมาก มันก็ยังพอมีเรื่องดีอยู่บ้าง ที่อีกคนที่ร่วมทำความผิดกับฉัน ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบ หรือโยนความผิดให้ฉันแค่เพียงฝ่ายเดียว ทุกคำที่ตะวันฉายคุยกับฉัน คือเขาพร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ
หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้น
เพี๊ยะ!
ใบหน้าของฉันหันไปตามแรงมือ ในขณะที่น้ำตาของฉันไหลพราก วันนี้พ่อกับแม่ของตะวันฉายจะเข้ามาคุยกับพ่อแม่ของฉัน มันจึงเป็นความจำเป็นที่ฉันจะต้องคุยกับพ่อแม่ของฉันก่อน อย่างน้อยๆ ให้ท่านรู้เรื่องราวนี้จากปากของฉันก่อน ก่อนที่ท่านจะไปได้ยินจากปากของคนอื่น
"แม่จน แล้วแม่เลี้ยงแกไม่ดีเหรอปาย ทำไมแกทำตัวแบบนี้ เคยคิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่บ้างไหม พ่อกับแม่ลำบากทุกวันนี้เพื่อใคร แล้วทำไมแกถึงทำตัวแบบนี้"
เป็นวินาทีที่บีบหัวใจของฉันมาก แม่ของฉันร้องไห้ พ่อของฉันที่แม้ว่าตอนนี้จะเมา ก็นั่งเงียบโดยไม่พูดสิ่งใด ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ของฉันเสียใจมาก ฉันบาปมหันต์ ฉันผิดมาก จนไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ
"หนูขอโทษค่ะพ่อ ขอโทษค่ะแม่ หนูผิดไปแล้ว"
หัวใจของฉันคล้ายกับถูกบีบรัดจนมันเจ็บปวดไปหมด แม่ของฉันรัวกำปั้นของตัวเอง ทุบทึ้งที่ต้นขาของตัวเอง พลางพร่ำพูด ในสิ่งที่เกือบทำให้ใจของฉันแทบแตกสลาย
"แม่เลี้ยงแกไม่ดีตรงไหน แม่สอนแกผิดพลาดตรงไหน ทำไมคำพูดของแม่ถึงไม่มีความหมาย ทำไมทุกคำสั่งสอนที่อยากให้ลูกได้ดีถึงไม่มีค่าอะไร ทำไมเหยียบหัวใจแม่ขนาดนี้ ทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้!"
ทุกๆ คำพูดของคนเป็นแม่ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันรับรู้ถึงความผิดของตัวเอง ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉัน ทั้งที่แม่ของฉันสอนฉันมาดีมาก แต่คนที่เลว คนที่ทำร้ายหัวใจพ่อแม่ มันคือตัวของฉันเอง
วันนั้นทั้งวัน แม่ของฉันไม่ยอมคุยกับฉันเลย ดวงตาของท่าน ที่เคยเข้มแข็ง เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เศร้าหมอง เสียใจ ฉันไม่สามารถหยุดน้ำตาของฉันเอาไว้ได้ แม่ของฉันหยุดงาน พ่อของฉันไม่ได้ออกไปไหน บ้านทั้งบ้านถูกปกคลุมด้วยความเงียบ แม้แต่น้องชายของฉันเอง ก็ไม่กล้าเข้าหน้าใครเลยเช่นกัน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตกเย็นของวันนั้น ที่พ่อกับแม่ของตะวันฉายมาที่บ้านของฉัน
แม่ของฉายเป็นคุณครู พ่อของฉายเองก็เช่นกัน ขึ้นชื่อว่าแม่พิมพ์ของชาติ พอเรื่องแบบนี้เกิดกับลูกของตัวเอง ฉันเข้าใจว่าท่านเองก็ผิดหวังและเสียใจไม่ได้ต่างกัน
"ทางเราพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง ไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว เรามาหาทางแก้ไขร่วมกันดีกว่านะคะ" นั่นคือคำพูดของแม่ของตะวันฉาย ท่าทางที่ดูเกรงขาม และบุคลิกที่ดูเรียบร้อยของท่าน สมกับคำพูดของท่านทุกอย่างเลย
"คนเป็นพ่อเป็นแม่ ใจมันจะขาดที่ลูกเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ยังเรียนกันไม่จบด้วยซ้ำ ทำไมถึงใจเร็ว ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ เสียใจแบบนี้" คำพูดของแม่ฉัน ทำให้ทั้งฉันและตะวันฉายต่างก้มหน้า ยอมรับความผิดในสิ่งที่พวกเราทำโดยไม่ต้องตอบอะไรออกมา
"มันไม่มีทางเลือกหรอก มันไม่มีทางเลือกใดๆ แล้ว สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่ฝั่งนั้นจะเมตตา"
"แม่น้องปายไม่ต้องกังวลนะ ทางเราพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง จะไม่ให้อายใคร จะแก้ปัญหาทุกอย่างร่วมกัน"
หลังจากนั้น พ่อกับแม่ของเราทั้งสองฝ่าย ก็ต่างตกลงเจรจากันว่าจะทำแบบไหนบ้าง ความคิดเห็นทุกอย่างล้วนมาจากฝ่ายของตะวันฉายทั้งนั้น พ่อกับแม่ของฉัน แทบพูดไม่ออก เห็นจะมีก็แต่น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นระยะ แล้วสุดท้ายก็ตกลงกันได้ว่า ฤกษ์สะดวกที่เร็วที่สุด เป็นวันที่ฝ่ายนั้น จะเข้ามาทำพิธีสู่ขอฉัน ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว
ในวัยสิบเก้าปีของฉัน ฉันได้เข้าสู่พิธีหมั้นหมายที่เรียบง่าย เหมือนจะเป็นพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ เชิญเฉพาะแขกและญาติพี่น้องที่สนิทสนมจริงๆ เสียมากกว่า ฝ่ายนั้นมาสู่ขอฉันตามประเพณีทุกอย่าง ซ้ำแม่ของตะวันฉายยังย้ำกับฉันอีกว่า หากเวลาผ่านไป แล้วทั้งฉันและฉายพร้อมกว่านี้ แม่จะจัดพิธีแต่งงานให้ใหม่ ให้ดีกว่านี้ และให้น่าจดจำกว่านี้อย่างแน่นอน
หลังจากวันนั้น การเรียนของฉันเป็นต้องหยุดชะงัก หลังจากที่ฝั่งนั้น ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ยังอยู่ที่บ้านของฉัน ในขณะที่ตัวของฉายเอง ก็ยังเลือกที่จะอยู่ที่บ้านของเขาเช่นกัน มีบ้าง ที่เขามาหาฉันที่บ้าน แต่ไม่มีการมาค้างคืนที่นี่ เหมือนเราเพียงแต่คบกัน ทั้งที่กำลังจะมีลูกด้วยกัน
แม่ของฉันเองก็ยังโกรธฉัน แต่ฉันเข้าใจว่าความรู้สึกที่ท่านมี อาจจะเป็นเพราะความผิดหวังเพราะก่อนหน้านี้คาดหวังในตัวฉันมากกว่า ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ฉันกดดันมาก การตั้งครรภ์ ในเวลาที่ไม่เหมาะสม มันทำให้ความเครียดของฉันมีมากกว่าปกติ มีความกังวลที่ทำให้แม่เสียใจ เหมือนฉันต้องกลายเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งไปเลย
ในขณะที่ฉันต้องหยุดเรียน เพราะต้องรอคลอดก่อน ฉายจึงต้องเข้าเรียนก่อนฉัน นั่นเป็นเวลาที่เราห่างกัน วันเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ เหมือนที่ฉันกับฉาย เราห่างกันเรื่อยๆ