บทที่ 2

1183 คำ
“สัญญาค่ะ ข้าวฟ่างให้สัญญาค่ะแม่ทิพย์” ในขณะที่เด็กน้อยคนอื่นต่างก็ตะโกนให้คำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กาญต์พิชชาก็เปล่งวาจาให้คำมั่นสัญญากับแม่ทิพย์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน ขณะเอ่ยออกไปดวงตากลมโตดำขลับก็เผยให้เห็นแววแห่งความเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นที่จะทำตามคำขอร้องของแม่ทิพย์ ซึ่งเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่ลืมตาเผชิญกับโลกใบใหญ่ ได้ให้สัญญากับตัวเองว่าหากในอนาคตไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือร่ำรวยล้นฟ้า เธอจะไม่ลืมสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกที่คอยคุ้มภัยให้กับเธอ และเธอจะไม่ลืมแม่ทิพย์ หญิงวัยค่อนคนที่เธอเรียกว่าแม่ได้เต็มปากเต็มคำ เธอจะไม่ลืมครูพี่เลี้ยงที่ทำงานอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งคอยอบรบสั่งสอนให้เธอมีความรู้อ่านออกเขียนได้เฉกเช่นทุกวันนี้ แม่ทิพย์ ซึ่งเป็นแม่พระของบรรดาเด็กน้อยตาดำๆ เหล่านี้ฉีกยิ้มกว้าง ขณะได้ยินคำมั่นสัญญาหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กน้อยที่นางเลี้ยงดูตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย “แม่ทิพย์ดีใจที่ได้ยินลูกๆ ของแม่ทิพย์ตอบรับคำสัญญาของแม่ทิพย์เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา” การขอคำมั่นสัญญาจากเด็กน้อยทั้งชายและหญิงที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่เพิ่งขอคำสัญญาในครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่นางขอคำมั่นสัญญาจากเด็กๆ ในทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งนางไม่หวังว่าเด็กน้อยที่นางเลี้ยงดูทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นคนดีของสังคมทั้งหมด กระนั้นนางเชื่อว่าการอบรมสั่งสอน การพร่ำย้ำบอกในทุกวี่ทุกวัน ย่อมทำให้คำพูดของนางซึมซับเข้าสู่หัวใจอันพิสุทธิ์ของเด็กเหล่านี้บ้าง อีกทั้งยังเชื่อว่าเด็กน้อยตาดำๆ ทั้งชายและหญิงที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ จะต้องมีใครสักคนที่เติบโตเป็นคนดีของสังคมของประเทศชาติบ้านเมือง และไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีใครสักคนกลายเป็นคนมีชื่อเสียงระดับประเทศหรือระดับโลกก็เป็นไปได้ และหลังจากตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อรอไปเที่ยวเปิดหูเปิดตานอกสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ในที่สุดการรอคอยของเด็กน้อยตาดำๆ ก็สิ้นสุดลง เมื่อลุงแก้วซึ่งเป็นนักการภารโรงประจำที่นี่ได้เดินเข้ามาเอ่ยบอกกับแม่ทิพย์ว่า “แม่ทิพย์ครับ รถบัสเดินทางมาถึงแล้วครับ” แม่ทิพย์พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็รีบเอ่ยบอกข่าวดีกับเด็กๆ ที่เฝ้ารอคอยเวลานี้เป็นเวลานานแล้ว “เด็กๆ คะ รถบัสเดินทางมาถึงแล้ว...” “เย้ๆๆ จะได้ไปเที่ยวแล้ว” พอได้ยินว่ารถบัสที่จะมารับพวกตนไปเที่ยวนอกสถานที่เป็นครั้งแรก เดินทางมาถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว เด็กๆ ต่างก็พากันตะโกนร้องเฮ พร้อมกับลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแทบจะทันทีที่แม่ทิพย์เอ่ยบอกมา ซึ่งจะว่าไปแล้ว แม่ทิพย์ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำไป เมื่อเด็กๆ ร้องเฮดังลั่น แถมยังกระโดดโลดเต้นไม่อยู่ในระเบียบในแถว แม่ทิพย์จึงขึงตามองพร้อมกับห้ามปรามเสียงดุ “เด็กๆ คะ แม่ทิพย์พูดเมื่อสักครู่ใช่ไหมคะว่าให้อยู่ในกฎระเบียบ ไม่ทันไรก็พากันกระโดดโลดเต้นเป็นลิงทะโมนอีกแล้ว” ไม่จำเป็นต้องตะคอกดุด่าด้วยถ้อยวาจารุนแรง ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เรียวหรือลงไม้ลงมือทุบตีเด็กๆ เหล่านี้ แค่เพียงขึงตามองเอ่ยดุเสียงเข้ม เด็กๆ ทุกคนก็หวั่นเกรงกลับมาอยู่ในโอวาทเหมือนเดิม เมื่อเด็กน้อยทุกคนยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบตามกลุ่มสีของตนเองแล้ว แม่ทิพย์ก็เอ่ยบอกเด็กๆ อีกครั้ง “เด็กๆ คะ เดี๋ยวให้กลุ่มสีเหลืองไปขึ้นรถก่อนนะคะ เดินขึ้นทีละคนนะคะ ไม่ต้องแย่งกันขึ้น เดี๋ยวจะพลาดตกลงมาแข้งขาหักได้” ขณะกล่าวเตือนเด็กๆ แม่ทิพย์ก็พยักพเยิดให้ครูพี่เลี้ยงปล่อยเด็กนักเรียนทีละแถว เพื่อเดินไปขึ้นรถบัสซึ่งจอดรออยู่ด้านนอกรั้วสถานรับเลี้ยงเด็ก พอเด็กๆ ทยอยเดินออกจากบริเวณเพื่อไปขึ้นรถบัส แม่ทิพย์ก็ก้าวเดินตามไปด้วย เพราะอยากดูแลความเรียบร้อยระหว่างเด็กๆ ขึ้นรถบัส และเมื่อเดินออกมาเห็นรถบัสหรูหรา เป็นรถปรับอากาศสองชั้นแถมยังใหม่เอี่ยมราวกับเพิ่งถูกซื้อมาใช้งานได้แค่ไม่กี่เดือน ที่ทางผู้ใหญ่ใจดีได้เช่าให้มารับเด็กๆ ในการปกครองของนางไปเที่ยวงานวันเด็กในวันนี้ แม่ทิพย์ถึงกับอ้าปากค้างเบิกตาโตด้วยความคาดไม่ถึง ซึ่งบรรดาครูพี่เลี้ยงคนอื่นๆ ก็มีอาการไม่ต่างจากนางสักเท่าไร ด้วยทุกคนต่างก็คิดว่าทางผู้ใหญ่ใจดีคงเช่ารถบัสแบบกลางเก่ากลางใหม่และเป็นรถพัดลมเท่านั้น แต่นี่ทางผู้ใหญ่ใจดีเล่นส่งรถบัสหรูหราถึงสี่คันมารับเด็กๆ ทุกคน และที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวในครั้งนี้ ทางสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ต้องออกแม้แต่บาทเดียวด้วย “เขาส่งรถปรับอากาศมารับพวกเราเลยหรือนี่” ครูพี่เลี้ยงคนหนึ่งเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเดินออกมาเห็นรถบัสหรูหราแล้ว ซึ่งคุณครูคนดังกล่าวมีอาการแปลกใจอยู่มากที่ได้รับการปฏิบัติจากผู้อุปถัมภ์เป็นอย่างดี “แม่ทิพย์ก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ตอนแรกแม่ทิพย์คิดว่าเขาคงส่งรถบัสแบบพัดลมมารับพวกเราซะอีก แม่ทิพย์นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะส่งรถบัสปรับอากาศหรูหรามาให้ แถมยังเช่ามาถึงสี่คัน ทำให้เด็กๆ ของพวกเราไม่ต้องนั่งเบียดเสียดกันด้วย” แม่ทิพย์พูดถึงท่านผู้ใหญ่ใจดีด้วยน้ำเสียงอันแฝงไปด้วยความเคารพบูชาและชื่นชมในความมีน้ำใจของบุรุษผู้นี้ ซึ่งนางยังจำวันที่เข้าไปพบกับท่านผู้ใหญ่ใจดีคนนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อสัปดาห์ก่อน สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ มีโอกาสได้ต้อนรับเลขานุการในวันสามสิบปีเศษ ซึ่งแนะนำตัวเองว่าชื่อ รณกร ได้เดินทางมาขอพบนาง ในตอนแรกนางงุนงงอยู่มากว่าชายผู้นี้มาขอพบนางด้วยเรื่องอะไร แต่เมื่ออีกฝ่ายบอกความประสงค์สำหรับการเดินมาเข้าพบในครั้งนี้ พร้อมกับยื่นเอกสารซึ่งมีชื่อและลายเซ็นของเจ้านายเขากำกับมาด้วย ทำเอานางตกใจแทบช็อกด้วยความคาดไม่ถึงว่านักธุรกิจหนุ่มชื่อดังไฟแรงแห่งปี แถมยังเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม