“ทีนี้เราก็รู้กันแน่ชัดแล้วนะครับว่าพวกมันคงไม่คิดที่จะปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่ อีกอย่างถ้าถึงขั้นพาพรรคพวกมาดักรอถึงหน้าที่พักได้แบบนี้ ที่ทำงานของคุณเองก็คงไม่ปลอดภัยด้วยเช่นกัน” ขวัญชีวาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างคนคิดไม่ตก
เธอไม่มีเพื่อนสนิทคนไหนเลยสักคนที่พอจะพึ่งพาได้เมื่อมาอยู่ที่นี่ อีกทั้งเพื่อนที่เรียนโทด้วยกันนั้นส้วนใหญ่ก็มักอาศัยอยู่กับคนรักของตัวเองเป็นคู่ๆ ไป ไหนจะข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นก็ยังถูกเก็บเอาไว้ในห้องพักไปจนหมด อีแบบนี้เธอคงไม่ต่างอะไรจากหนูจนตรอกเลยสักนิด
ยิ่งคิดก็ยิ่งจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ต่างจากใครอีกคนที่ถึงขั้นยกยิ้มกับตัวเองเงียบๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าทุกๆ อย่างมันจะบังเอิญเข้าทางเขาได้ถึงเพียงนี้ ตอนแรกเขาแค่คิดเพียงแค่ว่าจะยอมปล่อยเธอไปก่อนแล้วเดินหน้าตามจีบไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เขาคงต้องคิดใหม่ทำใหม่หมดหมดในเมื่อพระเจ้าประทานโอกาสงามๆ มาให้ถึงตรงหน้า ครั้นจะไม่อ้าแขนรับเอาไว้ก็คงผิดวิสัยเสือร้ายที่ชื่ออลัน เกรย์เวอร์คนนี้เป็นแน่แท้
“กลับไปกับผม!” ชายหนุ่มกำชับเสียงแข็งพร้อมทั้งกดล็อกประตูรอบด้านอย่างแน่นหนาในขณะที่คนได้ฟังถึงกลับตกใจก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาหาเขาอีกครั้ง
“คะ...คุณว่าอะไรนะคะอลัน” ขวัญชีวารีบทวนคำของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่กับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันจากปากของเขา
ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งจะรู้จักอย่างเป็นทางการก็วันนี้ แต่เขากลับกำลังเอ่ยปากชวนให้เธอกลับไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นไปได้! เพราะถึงแม้ว่าเขาจะใจดีกับเธอมากแค่ไหน แต่ถึงกระนั้นจะช่วยกันขนาดนี้มันก็ยากที่เธอจะยอมรับเอาไว้ได้
“ผมบอกให้คุณกลับไปกับผม กลับไปอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ของผมจนกว่าเรื่องจะเงียบดีกว่า ขืนคุณยังวนเวียนอยู่แถวนี้มีหวังคงไม่พ้นถูกพวกมันลากไปทำมิดีมิร้ายเอาอีก ผมคงยอมให้คุณกลับไปเผชิญชะตากรรมโหดร้ายแบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับโรส” นั่นมันก็จริงอยู่แต่ว่าจู่ๆ จะให้เธอยอมกลับไปอยู่กับเขามันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่หญิงสาวจะยอมรับหรือทำความเข้าใจกับมันได้
แม้ว่าเขาจะดีแสนดีสักแค่ไหน แต่แบบนี้มันน่าจะเกินไปหน่อย ทั้งๆ ที่เขาอาจจะลำบากเอาได้ถ้าหากว่าคนพวกนั้นรู้เข้าว่าเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ แต่ทำไมเขาถึงได้ไม่มีท่าทีหวาดวิตกอะไรให้กันให้เห็นเลยสักนิด ผู้ชายที่ชื่ออลันคนนี้...เป็นใครกันแน่นะ!
“ฉันคงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้เหมือนกันค่ะอลัน อีกอย่างเราสองคนก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ ฉันคงไม่กล้าที่จะรับความช่วยเหลือของคุณได้ ฉันขอรับเอาไว้แค่น้ำใจก็พอนะคะ” ขวัญชีวาเอ่ยขึ้นมาบ้าง หญิงสาวพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดแต่ก็ดูเหมือนว่าวิธีเหล่านี้มันจะไม่ได้ผล...
“คุณไม่ไว้ใจผมเหรอครับโรส”
“เปล่านะคะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันก็แค่ไม่อยากรบกวนคุณไปมากกว่านี้อีกแล้วมันก็เท่านั้นเอง คุณลำบากเพื่อช่วยฉันมามากแล้ว ฉันไม่อยากต้องกลายเป็นตัวปัญหาสำหรับคุณมากไปกว่านี้อีกแล้วค่ะ” เมื่อกำลังถูกอีกฝ่ายต้อนให้จนมุมสุดท้ายแล้วขวัญชีวาจึงต้องยอมบอกไปตามที่รู้สึก
แม้บางส่วนนอกเหนือจากนั้นเธอเองจะรู้สึกกลัวเขาอยู่ลึกๆ ด้วยเช่นกัน แต่ที่กลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คงจะเป็นหัวใจของตัวเองเสียมากกว่า
“เราสองคนเลยคำว่ารบกวนมามากแล้วนะครับโรส อีกอย่างคุณเองก็ไม่ได้รบกวนอะไรผมเลย เป็นผมต่างหากที่เข้าไปช่วยเหลือคุณด้วยตัวเอง และจะต้องช่วยให้ถึงที่สุดไม่ว่าคุณจะยอมหรือไม่ก็ตาม!” อลันย้ำหนักชัดเจนในทุกๆ คำพูดที่เปล่งออกไป และถึงต่อให้เธอจะหยิบยกมาอีกสักกี่ล้านเหตุผลยังไงเขาก็จะพาเธอกลับไปด้วยกันอยู่ดี เวลานี้มันไม่ใช่เพียงแค่ต้องการเท่านั้น
หากแต่เขายังรู้สึกเป็นห่วงในความปลอดภัยของเธอด้วย หากปล่อยเธอไปตอนนี้ก็คงไม่แคล้วถูกพวกอันธพาลเลวๆ พวกนั้นลากไปย่ำยีไม่ผิดเพี้ยน
“ฉันว่าฉันหาทางเองดีกว่าค่ะ! นะคะอลัน” คนดื้อรั้นยังคงยืนยันหนักแน่นในคำตอบเดิมที่เคยได้ให้เขาไปตั้งแต่แรก มันยากจริงๆ ที่เธอจะกล้ารับความช่วยเหลือจากเขา ยากเพราะกลัวจะต้องทำให้เขาลำบากไปด้วย และที่ยากไปกว่านั้นก็คือหัวใจไม่รักดีของตัวเธอเอง มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดถ้าหากเธอและเข้าอยู่ไกลกันเข้าไว้ เขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าทุกๆ อย่างที่มันประกอบรวมกันเป็นเขานั้นมันมีเสน่ห์น่าดึงดูดต่อเพศตรงข้ามเช่นเธอมากมายแค่ไหน
“ยังไงครับ หาทางเองที่คุณว่านั่นน่ะ ไหนลองบอกผมมาสิครับโรสว่าคุณจะหนีไอ้พวกนั้นด้วยวิธีไหน และถ้าหากคุณมีความคิดที่เข้าท่ามากกว่าการยอมกลับไปอยู่กับผมชั่วคราวผมก็จะไม่รั้งคุณเอาไว้อีกต่อไป!” เขาพูดเสียงแข็งแม้จะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าเธอคงไม่มีทางอื่นไหนให้ได้เลือกอีกแล้วในเวลานี้
เขารู้ทั้งรู้ว่าทั้งหมดที่เธอพูดออกไปมันก็เป็นเพียงเพราะแค่อยากจะทำให้ตัวเองสบายใจแต่ก็ยังต้อนเธอให้จนมุมเข้าอีกรอบ
ขวัญชีวานิ่งเงียบไปนาน พยายามคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้ สุดท้ายก็คงจะมีแต่เพียงเสียงลมหายใจอ่อนๆ ของเธอที่ถูกถอนออกมาเบาๆ เท่านั้น และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังนั่งรออย่างใจเย็นยิ้มออกมาได้
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราสองคนกลับกันเถอะครับ เพราะขืนถ้าเรายังอยู่ตรงนี้อีกหน่อยพวกมันคนใดคนหนึ่งจะต้องสังเกตุเห็นเราสองคนแน่ๆ” เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่พึงพอใจอย่างถึงที่สุด ไม่นานรถคันหรูก็เคลื่อนออกไปมุ่งหน้ากลับสู่เส้นทางเดิมที่เคยจากมาอย่างรวดเร็ว...
ขวัญชีวาเงียบนิ่งไปตลอดการเดินทางที่น่าอึดอัด ในหัวของหญิงสาวอัดแน่นไปด้วยความคิดมากมายกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จนกระทั่งเริ่มสังเกตุเห็นว่าสถานที่ที่รถคันหรูของอลันไม่ได้กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเซฟเฮาส์ของเขาอย่างที่เคยได้เอ่ยบอกเอาไว้ตั้งแต่แรก หญิงสาวย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่อยากจะรู้ออกไปในทันที
“เรากำลังจะไปไหนกันคะ”
“ผมจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวก่อน เพราะดูท่าแล้วคุณคงจะกลับไปที่พักไม่ได้อีกนานพอดูเลยล่ะครับ คุณจำเป็นต้องซื้อทุกอย่างใหม่หมดเห็นด้วยไหมครับ” เธอเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาทางกลับเข้าไปเอาของสำคัญเข้าสักวันใดวันหนึ่งออกมาให้ได้ แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้แน่ คงจะต้องรออีกนานจนกว่าคนพวกนั้นจะยอมตัดใจ
“คุณทำไมถึงได้ดีกับฉันนักล่ะคะอลัน ทั้งๆ เราเพิ่งจะรู้จักกัน ทำไมคุณถึงได้...” ขวัญชีวาเงียบนิ่งไปนานหลายนาที ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงได้แสนดีกับเธอนักทั้งๆ ที่ทั้งสองก็เพิ่งจะได้พบเจอกันแค่หนึ่งวันเท่านั้น
“อย่าคิดมากสิครับโรส ผมทำเพราะอยากทำ ไม่ได้มีอะไรมากเกินไปกว่านั้นจริงๆ” สายตาอ่อนโยนที่แสนจะซื่อตรงของเขาทำให้คนที่ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ มากมายต้องยอมหยุดคิดทุกๆ อย่างหยุดลงไปเพียงคำพูดแค่ไม่กี่คำของผู้ชายคนนี้