ตอนที่ 1 คนในอดีต
ณัฐกมลเปิดประตูห้องพักเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ชายคนนั้น...ชายคนที่เธอได้เจอที่สวนสาธารณะเมื่อครู่คือเขาจริง ๆ ใช่หรือไม่ เขา...คนที่เธอจากมาอย่างไม่ได้ร่ำลา เขา...คนที่เธอยังคงคิดถึงและคะนึงหามาจนถึงทุกวันนี้
หญิงสาวนัยน์ตาปนเศร้าหวนนึกถึงช่วงชีวิตในวันวานที่ต่างแดน ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับทุนการศึกษาจนได้พาตัวเองไปศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ และที่แห่งนั้นก็ทำให้เธอได้พบเจอกับเขา รุ่นพี่ที่แสนดีและเพียบพร้อมอย่างบารมี
“พี่บูมคงโกรธมายด์มากเลยใช่ไหมคะ มายด์ขอโทษ แต่มายด์ไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
เธอยังคงรักเขาไม่เคยแปรเปลี่ยน แต่กระนั้นด้วยเหตุผลทางครอบครัวทำให้เธอต้องจำใจจาก บารมีคงโกรธและเกลียดกันมากมาย แต่เขาจะรู้บ้างหรือไม่ว่าเธอเองก็เจ็บร้าวไปทั้งหัวใจไม่ต่างกัน หากในวันนั้นเธอเลือกที่จะบอกความจริงกับเขา เรื่องราวต่าง ๆ คงบานปลายใหญ่โตจนเกินที่จะควบคุม เขาที่เป็นหนึ่งเดียวในหัวใจ กับชีวิตของบิดาและพี่ชายในสายเลือดที่เป็นครอบครัว
...แล้วเธอจะเลือกอะไรได้บ้าง
ณัฐกมลนั่งจมอยู่กับเรื่องราวในอดีต จนเมื่อมีเสียงสัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หญิงสาวหันมองก็พบว่าเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงาน
“ว่าไงจ๊ะแพน”
“มายด์ วันนี้แพนขอลาป่วยนะ พอดีแพนปวดท้องมาก ๆ เลยอะ”
“อีกแล้วเหรอแพน”
“ขอโทษจริง ๆ นะมายด์ วันนี้วันธรรมดา ลูกค้าคงไม่เยอะหรอกมั้ง”
ณัฐกมลพรูลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เพื่อนร่วมงานคนนี้ช่างมีเหตุให้ต้องลางานอยู่บ่อยครั้ง และเธอเองก็รู้ดีว่าแท้จริงแล้วเจ้าตัวลางานเพียงเพราะแค่ต้องการนอนอยู่กับแฟนหนุ่ม หาใช่เพราะป่วยอย่างที่กล่าวอ้าง
“อืม แพนไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวมายด์ก็จะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานแล้ว”
“จ้ะ แค่นี้นะจ๊ะมายด์”
หลังจากวางสายจากเพื่อนร่วมงาน ณัฐกมลเพ่งมองเวลาที่หน้าจอมือถือ เก้าโมงเช้าแล้ว คงได้เวลาที่เธอจะต้องอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานที่ร้านรองเท้าแฟชั่นที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า วันนี้คงเป็นอีกวันที่เธอต้องทำงานบริการลูกค้าจนหัวหมุน เพราะหากมีใครคนหนึ่งลางาน ภายในร้านก็จะเหลือพนักงานเพียงคนเดียวเท่านั้น
พอมาถึงร้านรองเท้าที่เป็นจุดหมาย ณัฐกมลในชุดบอดี้สูทซึ่งเป็นชุดฟอร์มของร้านก็จัดเตรียมทุกอย่างอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ช่วงเช้าผู้คนยังคงบางตา แต่พอหลังจากเข็มนาฬิกาเลยเลขสิบสองไปแล้ว ณัฐกมลก็ไม่มีโอกาสที่จะได้นั่งพักอีกเลย
“น้องคะ คู่นี้มีเบอร์สามสิบแปดไหมคะ”
“น้องคะ แบบนี้มีสีเดียวเหรอคะ สีน้ำตาลเข้มมีไหม”
“พี่เอาคู่นี้ค่ะ จ่ายบัตรเครดิตนะคะ”
“น้องคะพี่ขอลองเบอร์สามสิบเก้าค่ะ คู่นี้มันเล็กไป”
“ได้ค่ะคุณลูกค้า รอสักครู่นะคะ” แม้ภายในห้างสรรพสินค้าจะเปิดเครื่องปรับอากาศเสียจนเย็นฉ่ำ แต่บนหน้าผากมนของพนักงานร้านรองเท้ากลับเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬที่ผุดพรายขึ้นมา
“น้องคะ พี่ถอดไม่ออก มาถอดให้พี่หน่อยค่ะ”
พอให้บริการกับลูกค้าหลาย ๆ ท่านจนเสร็จสรรพ ก็มีเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากลูกค้าท่านอื่นตามมาอย่างไม่ขาดสาย ณัฐกมลกุลีกุจอเดินเข้าไปจัดการกับรองเท้าเจ้าปัญหาที่ตอนนี้มันสวมแน่นอยู่ในเท้าของลูกค้าสาวท่านหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวสวมใส่มันเข้าไปได้อย่างไร เพราะดูแล้วขนาดของรองเท้าจะเล็กกว่าขนาดเท้าอยู่พอสมควร
“เดี๋ยวดิฉันถอดให้นะคะคุณลูกค้า”
ณัฐกมลยอบกายลงนั่งตรงหน้าลูกค้าสาววัยกลางคนที่ตอนนี้คุณเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้หุ้มเบาะอย่างดีที่ทางร้านจัดวางไว้บริการอยู่หลายตัว มือขาวสะอาดจับข้อเท้าของลูกค้าไว้มั่น ก่อนจะออกแรงถอดรองเท้าหุ้มส้นคู่นั้นออกมาอย่างทุลักทุเล
“โอ๊ย เท้าฉันแดงหมดเลย”
ณัฐกมลได้แต่ทำหน้าจืดเจื่อนอย่างไม่รู้จะบอกกับลูกค้าสาวอย่างไรดี ดูจากขนาดเท้ากับขนาดของรองเท้าก็พอจะรู้แล้วว่าน่าจะสวมใส่ได้ยาก
...แล้วคุณเธอจะดึงดันยัดเท้าของตัวเองเข้าไปทำไมกัน