“โกหกใช่ไหม” คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถาม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็ว
“โกหกอะไร เต็นไม่ได้โกหกนะคะ เรารีบออกไปดูที่ลานจอดรถกันเถอะค่ะ เผื่อโจรมันจับยัยติ๊บไปด้วย” วาโยส่ายหน้าน้อยๆ แล้วถอนหายใจ ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เคาะสองครั้งเบาๆที่ข้างใบหูตนเอง ขณะที่สายตาดุไม่ละไปจากใบหน้าของคนที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามมือ พลอยไพลินเบิกตากว้างเมื่อเห็นหูฟังแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกับวิทยุสื่อสารติดอยู่กับใบหูเขา หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่
“เอ่อ...ลูกน้องพี่โยว่าไงบ้างคะ จะ...จับโจรได้แล้วใช่ไหมคะ” วาโยส่งเสียงหึในลำคอ ก้าวเท้าเข้าหาร่างบอบบางในชุดราตรีเกาะอกยาวกรอมเท้าสีเข้ม ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มให้ดูสวยเด่นกว่ายามปกติปกปิดความซีดเผือดของสีหน้าได้เป็นอย่างดี หากแต่แววตาหลุกหลิกของคนทำผิดกลับแสดงออกชัดเจนว่ามีเรื่องปิดบังอยู่
“พี่รู้ว่ากระเต็นโกหกตั้งแต่เดินยังไม่ถึงห้องนี้ด้วยซ้ำ ลูกน้องพี่รายงานมาแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” วาโยบอกเสียงเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกซึ่งอารมณ์ใดๆของเขาทำให้พลอยไพลินหายใจไม่ทั่วท้อง
“เต็นไม่ได้โกหก”
“หลอกพี่มานี่เพื่อถ่วงเวลาช่วยให้คุณเพลิงพาน้ำฝนหนีใช่ไหม”
“มะ...ไม่ใช่สักหน่อย ถอยไปนะ เต็นจะไปหากระติ๊บ” ตาดุๆ กับอาการคุกคามของวาโยทำให้หญิงสาวนึกกลัวขึ้นมา
“พี่เพลิงของเต็นพาน้องไปไหน”
“มะ...ไม่รู้” พลอยไพลินถอยจนแผ่นหลังบอบบางชนผนังห้อง
“โกหก” เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย พลอยไพลินจึงรวบรวมกำลังผลักอกกว้างออกไปสุดแรง แต่ดูเหมือนผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงอย่างวาโยจะไม่สะทกสะท้านกับแรงเท่ามดคันไฟอย่างเธอ ชายหนุ่มรวบจับสองมือไว้แน่น แล้วยกขึ้นไปกดตรึงกับผนัง เบียดตัวเองเข้าหาจนชิดร่างสาว
“พี่จะฟ้องคุณน้าว่ากระเต็นให้ความช่วยเหลือคุณเพลิง” พลอยไพลินเบิกตากว้าง ส่ายหน้าเร็วๆ
“อย่าบอกคุณพ่อนะ” วาโยยิ้มร้ายกาจ จ้องดวงหน้างามไม่วางตา
“เอาอะไรมาแลกเปลี่ยน”
“จะเอาเท่าไรล่ะคะ” พลอยไพลินคิดว่าเงินน่าจะช่วยได้ จึงถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ เพราะตอนนี้เธอกับเขาใกล้ชิดกันเกินไป ร่างกายด้านหน้าเบียดชิดจนจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ไหนจะใบหน้าของเขาที่ก้มลงมาจนจมูกจะชนแก้มเธออยู่รอมร่อแล้วอีก
“จะเอาทั้งตัว” คนหน้านิ่งตาดุกระซิบบอกเสียงเบาแต่หนักแน่น พลอยไพลินอ้าปากเหวอ ตกใจกับคำพูดของเขา
“อื้อ!” หญิงสาวไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากร้อนผ่าวก็แนบประกบ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจูบแรกที่คิดว่าจะเก็บไว้ให้คนที่เธอรักถูกเขาฉกชิงไปอย่างหน้าด้านๆ
วาโยจ้วงลิ้นร้อนสากรุกล้ำเข้าสู่โพรงปากนุ่ม เจ้าของปากอิ่มนุ่มพยายามสะบัดหน้าหนี แต่กลับถูกรุกเร้ายิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากอุ่นร้อนบดเบียดแนบแน่น ขณะที่ลิ้นสากไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม ทั้งดูดดึงอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับอดอยากหิวโซมาจากไหน คนไม่เคยถูกจูบรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แข้งขาพานอ่อนแรง ร่างกายอ่อนระทวยไปหมด ได้แต่ยืนนิ่งให้เขาแนบร่างกดทับจนแทบจะจมหายไปบนผนังห้อง
วาโยถอนจูบออกมาในตอนที่หญิงสาวทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ดวงตาคู่คมหลุบมองริมฝีปากอิ่มบวมเจ่ออย่างพึงพอใจ พลอยไพลินหอบหายใจจนเต้าทรวงสะท้อนขึ้นลง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองคนที่ขโมยจูบแรกเธอไปอย่างโกรธขึ้ง
“ปล่อย!” เสียงพูดสั่นพร่าคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที
“ห้ามใครซ้ำรอยพี่”
ประโยคสุดท้ายในคืนนั้นดั่งคำสั่งประกาศิต ห้ามใครซ้ำรอยพี่ มันดังก้องอยู่ในหูเธอทุกครั้งที่เธอเจอหน้าเขา ไม่เคยมีใครซ้ำรอยเขา มีแต่เขานั่นแหละซ้ำรอยตัวเองไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโมโห เธอไม่เคยขัดขืนเขาได้สักครั้ง เขามักหาโอกาสเอาเปรียบเธอได้อยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผู้คนอยู่ด้วยมากมายเพียงใด เสือร้ายในคราบพี่ชายใจดีแสนอบอุ่นก็ลากเธอไปหามุมเอาเปรียบจนได้ ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่รู้จักกันในฐานะเครือญาติต่างสายเลือด เธอถูกเขาจูบไปแล้วกี่ครั้งก็ไม่รู้ มันน่าเจ็บใจนัก
วาโยพาหญิงสาวสวยทว่าหน้าบึ้งไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เขาเลือกนั่งมุมที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และบังคับให้คนที่มาด้วยนั่งโซฟาตัวเดียวกัน พนักโซฟาสูงกับแสงไฟที่ไม่สว่างมากนักภายในร้าน ทำให้คนที่จำใจต้องนั่งลงข้างเขารู้สึกไม่ปลอดภัย
“เต็นอยากกินอะไรครับ”
“เต็นอิ่มแล้วค่ะ”
คนถามถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอยากเอาใจ แต่คนตอบกลับสะบัดหน้าหนีมองผนังร้าน ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หน้าที่บึ้งตึงอยู่แล้ว กลับบึ้งตึงมากกว่าเดิมได้อีก
“งั้นก็นั่งเป็นกำลังใจให้พี่หน่อยแล้วกัน” วาโยบอกเสียงขัน ก่อนหันไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มกับพนักงาน เสร็จแล้วจึงหันมาจัดการแม่ตัวดีที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกอยู่ติดผนังร้าน ดูเธอจะจงใจเขยิบออกห่าง เพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเขาและเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียจริง
“เพลงออกจะเพราะ ทำไมคุณลูกค้าหน้าหงิกจังครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ชิดใบหูทำให้พลอยไพลินสะดุ้ง หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียง แล้วเธอก็ต้องผงะหนี เมื่อใบหน้าของเขาอยู่ชิดเกินไป ทว่าการที่เธอนั่งจนแทบจะสิงเข้าไปในกำแพงอยู่รอมร่อ ทำให้ไม่เหลือพื้นที่จะหนีเขาได้อีกต่อไป เธอจึงรีบยกมือขึ้นดันอกกว้าง ก้มหน้าเอ่ยปากห้ามเขาเสียงเบาไม่มั่นใจสักนิด
“พี่โย! อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ นี่ในร้านอาหารนะ” เห็นเขาหลุบมองริมฝีปากของตัวเองแล้ว พลอยไพลินชักใจสั่น กลัวว่าเขาจะจูบขึ้นมาจริงๆ
“แสดงว่าถ้าออกจากร้านแล้วทำได้ใช่ไหมครับ”