Chapter 3
ส่วนตัวตฤณภพคงเป็นพวก Pansexual รักได้ทุกเพศ รักไร้กฎเกณฑ์ทางเพศ
หากคนมันชอบพอ พึงใจ พูดจาแล้วใช่ศีลเสมอกัน เขาไม่สนหรอกว่าหล่อนจะเป็นหญิงชายหรือเพศอะไร
“ขอคิดก่อน...”
“คิดอะไร?”
“คิดถึงอาหมวย...” พูดพลันลืมตาพรึบมองเพื่อนอย่างตัดพ้อให้โกมินทร์รู้สึกผิด ดวงตาคู่คมเอ่อคลอ เพียงภาพแสนหวานบนเตียงผุดเข้ามาในหัว
ทิฐิของคนเรียนสูงถึงนายแพทย์ ไม่ยากกับการเมินเฉยสาววันไนต์สแตนด์อย่างไม่ไยดี เขาดันเป็นพวกค่อนข้างเป็นคนอ่อนไหวเกินผู้ชายทั่วไปสักหน่อย
กะพริบตาปริบ ๆ ไล่ความเศร้าอยู่อย่างนั้นไม่นาน เพื่อนเลยต้องบ่น
“เฮ้ย! ผู้ชายที่ไหนเขาร้องไห้กันฟระ”
“เปล่า... ฝุ่นมันเข้าตา”
“ฝุ่นบ้านป๊ะ! เดี๋ยวพ่อดีดตาแตก” ไม่วายเลื่อนมือไปดีดหน้าผากคนบนเตียงทีหนึ่ง ให้คุณหมอหนุ่มสบถด่าอย่างเกรี้ยวกราด
“เจ็บนะเว้ย! ไอ้นี่นิ... มือตีนอยู่ไม่สุข หน้าผากหมอนะดีดมาได้ จับเลาะฟันหมดปากดีไหม? ไอ้ห่า” คนพูดยกมือถูหน้าผากตัวเองแรง ๆ ทำฟึดฟัดหลับตาลงนอน กระชับผ้านวมหนาอย่างหวงแหนด้วยความแค้นใจ
โกมินทร์มีหรือจะไม่รู้ว่าทำไมหมอตฤณถึงได้หงุดหงิดไม่พอใจกับเรื่องแค่นี้
เขายังจำได้ว่าหลายเดือนก่อนแวะมาดูเพื่อนตอนเช้าเพราะเจ้าตัวฝากกุญแจไว้เผื่อเมา และหมอก็เมา! ในสภาพห้องเละเทะยังกับโดนโจรรื้อบ้าน น่าตกใจกว่าคือสาวหมวยลุกลนคว้าเสื้อผ้ามาใส่ก่อนออกจากห้องไป ไม่ปลุกเจ้าของห้องสักคำ มันเลยกลายเป็นความผิดของเขาที่เปิดประตูให้
ส่วนคุณหมอเมาค้างตื่นมาปวดหัวอาเจียน โทรศัพท์หาหล่อนเป็นร้อยสาย ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก...
“อีหมวยนะอีหมวย... ฟันแล้วทิ้งกันได้ แล้วเพื่อนหมอกูจะอกหัก ช้ำรักอีกนานไหมวะเนี่ย?” โกมินทร์บ่นแล้วลุกขึ้นเดินไป ตามใจคุณหมอขอเวลานอกทำใจ
ตฤณภพได้งีบหลับไปอย่างว่าเขายังไม่อยากตื่น ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาแต่งตัวหล่อทำไม ความรู้สึกนอยด์ ๆ ของเขามักเกิดขึ้นในช่วงเช้าบางวัน ได้พักผ่อนสักหน่อยถึงดีขึ้น
สักยี่สิบกว่านาทีได้ คุณหมอหนุ่มลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาอีกรอบ กลับไปหาเพื่อนที่นั่งเล่นเกมมือถือรอบนโซฟากำมะหยี่สีเทาในห้องรับแขก
“ตื่นละ มึงจะกินไรอ่ะ? ร้านเดิมกูไม่ไปนะเบื่อ”
“ไปที่อื่นไหมล่ะ แต่ว่าช่วงนี้ปิดโควิดหลายร้านนั่งกินไม่ได้ ต้องซื้อกลับบ้าน”
“โอเค ไปดิ หิว ๆ อยู่เหมือนกัน” เขาบอกแล้วลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องไป โดยมีเพื่อนอาสาเป็นคนขับรถให้อย่างใจดี
แต่เป็นเพราะว่ามัวเถียงกันไปเถียงกันมา เลือกร้านไม่ได้สักที เปิดแอปพลิเคชัน เช็กสภาพการจราจรของถนนสาทร แน่นขนัดเหมือนทุกวัน เลยไม่มีใครทนความหิวไหว มาจบที่ร้านอาหารไทยฟิวชั่น มีหลากหลายเมนูบริเวณชั้นห้าของโครงการห้องพักอาศัยระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้สามารถโทรสั่งให้ไปส่งที่ห้องก็ได้
มาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ของร้านดูกว้างกวาง ไร้ผู้คนนั่งรับประทานอาหารด้วยสถานการณ์โรคระบาด พบพนักงานสาวรอรับออเดอร์สองคน ป้องกันตัวดีด้วยหน้ากากอนามัยและแว่นครอบใบหน้าเอาไว้
“ร้านนี้ใช้ได้ กูสั่งขึ้นไปกินหลายทีแล้วล่ะ มึงเคยกินอะไรนะ? ที่บอกว่าติดใจ”
“สเต๊กปลาดอลลี่... นั่นแหละ ปลาสวายขาวราดซอส ไม่หลอกลวงผู้บริโภคแน่นอน”
ทนายฉลาดรู้แม้แต่เรื่องปลาทำเขาแค่นหัวเราะ ตฤณภพตรงไปสั่งสเต๊กปลาให้เพื่อน ส่วนของเขาเป็นอกไก่ อาหารคลีนประสาคนรักสุขภาพ
“เฮ้ย... ไม่เป็นไร วันนี้กูเลี้ยงเอง”
เพื่อนใจป๋าควักบัตรเครดิตออกมาวางพร้อมมอบลายเซ็นให้สาว ๆ ส่งยิ้มหวานหยดย้อย สาวร่างบางเอวคอดรับสะโพกกลมกลึงในชุดพนักงานกระโปรงสั้น ๆ ทาปากอมแดงชมพูดูถูกใจโกมินทร์เสียเหลือเกิน
“บ้าม่อนี่เอง กูนึกว่าอะไร? แหม... ทำเบ่ง รู้งี้สั่งเยอะ ๆ สักสามสี่พันน่าจะดี”
ก็ไม่ไหวต้องแซว หลังจากที่พวกหล่อนเดินหายไปทางข้างหลังร้าน เหลือแค่เขาสองคน โกมินทร์ได้หลีสาวสักหน่อยเหมือนจะนึกอะไรออก
“ว่าแต่มึงเหอะ... กูถามจริง ๆ นี่ไม่กล้าถามเลยนะ ค้างคาใจมานานละ” เงียบไปครู่ก่อนเพิ่มน้ำเสียงย้ำชัด “เมื่อไรจะมีอีกสักคนล่ะ?”
“ไม่รู้... แต่ถ้าเจอถูกใจเมื่อไร กูจะบอกมึงคนแรก”
“เอ้อ... อ่อ...” โกมินทร์ทำอึกอัก กลอกตาไปมา เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำจนอีกคนทำหน้ายุ่ง
“มีอะไรอีกล่ะ?”
“เปล่า...”
นั่นล่ะยิ่งทำให้คุณหมอหนุ่มขี้สงสัยจับตามองเพื่อน พอรับกล่องอาหารแล้วเดินออกจากร้านไปขึ้นลิฟต์
โกมินทร์รู้จักกันกับเขามานาน ตั้งแต่สมัยเข้ามหา’ลัยปีหนึ่งเป็นหนุ่มหน้าใสวัยเรียน ผ่านทางอดีตแฟนที่เป็นไบเซ็กซ์ชวลได้หมดสดชื่น ขณะที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นเกย์หรือเป็นพวกเดียวกับเขา
เป็นเพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกันเลยสนิทมาถึงทุกวันนี้ ทนายหนุ่มไปเที่ยวบ้านฝากท้องหิว ๆ ไว้กับแม่ขวัญอยู่บ่อยครั้ง
“อ้อ... ได้ยินว่าน้องชายมึงกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม... กลับมาแล้วอยู่กับแม่ไง กูถึงได้หนีมานอนคนเดียว มึงเหอะ นึกอะไรขึ้นได้หรือว่ายังไง? เดี๋ยวลืมนะ อย่ามาถามกูว่าตัวมึงจะถามอะไร?” เขาแน่ใจว่าเพื่อนมีเรื่องติดใจ ถึงได้ทำปากหนัก
“อืม... มันก็มีนะ”
โกมินทร์ไม่ตะขิดตะขวงใจในคำถามเรื่องผู้ชาย ๆ ที่พูดคุยเรื่องนี้กันได้ เพียงแต่กลัวว่าจะไปจี้ใจดำให้คุณหมอนั่งนอยด์อีกหรือเปล่า จนถูกเร่งเร้า
“เร็ว ๆ ให้ไว ไม่ถามก็จะไม่ตอบแล้วนะบอกเลย”
ทนายหนุ่มแค่นหัวเราะ ก่อนปรับสีหน้าเข้มเครียดเป็นคนละคน
“ตฤณ... มึง... มีสาว ๆ ได้ป้องกันเปล่าวะ? เวลาไปเที่ยวไหนกัน กูไม่เคยเห็นมึงซื้อถุงยางสักอัน”
คนถูกถามชะงักนิ่งไปครู่ ในลิฟต์เงียบ ๆ เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดใจ
สายตาของเพื่อนรู้ดีว่าหมอตฤณไม่ใช่คนแจกขนมจีบไปทั่วหรือนอนกับใครง่าย ๆ เที่ยวคือเที่ยว กินเหล้ากลับบ้านคนเดียว แฟนคนสุดท้ายที่เลิกไปเพราะงานเยอะเสียจนไม่มีเวลาก็นับได้สามปีกว่า
เขาหลุบตาลงมองพื้นถอนหายใจหนัก
“ถ้ามึงกำลังหมายถึงอาหมวย... เปล่า... กูเมา”
“เชี้ย... สันดานแย่จริง ๆ แล้วน้องเขาหายไปแบบนี้ มันยังไงล่ะเนี่ย?” ปากไวด่าไวสมเป็นเพื่อนคุณหมอปากจัดมานาน
โกมินทร์มีท่าทีเอือมระอา นึกเสียดายว่าควรถามตั้งนานแล้ว! หากไม่ติดว่าหลายเดือนมานี้ เวลาไม่ค่อยตรงกันเท่าไรต่างคนต่างยุ่งจนได้ฤกษ์มาหา
“น้องเขาทิ้งกูไป จะให้กูไปตามหาที่ไหน? มึงเห็นกูสบายใจสักวันไหมล่ะ” ตาคมเลื่อนมองไปทางไฟกะพริบของเลขชั้นว่าเมื่อไรจะถึง หากต้องพูดคุยเรื่องนี้กับทนายต๊อด ผู้เป็นที่หนึ่งเรื่องคดีพิทักษ์เด็กและสตรี ตอนนี้เขายังถูกมองว่าเป็นผู้ร้าย
“แปลว่า... ที่กูเห็นไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม? มึงเปิดซิงน้องเหรอ...? หน้าตาเขาตื่นมาดูตกใจมากเลยนะ แล้ว... น้องกินยาหรือเปล่า?”
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดในท่าทีสงบเสงี่ยมไร้คำพูดตอบ ขณะประตูลิฟต์จะเปิดอ้าออกกว้างในชั้นสี่สิบห้าของคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าอาคารห้าสิบชั้น
ทนายหนุ่มส่ายหน้าไปมา “แม่ขวัญรู้... มึงโดนฆ่าตาย... มีโอกาสมีน้ำใจ เป็นผู้ชายสักหน่อย หาทางติดต่อไปถามนางว่าสบายดีไหมนะเพื่อน”
พื้นฐานของหนุ่ม ๆ บ้าน ‘สิงหวัฒน์’ พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการให้เกียรติผู้หญิง ถึงคนเล็กอย่างเตชินจะเสเพลประสาเพล์บอยสักหน่อย ลูกชายทั้งสามคนต่างเป็นสุภาพบุรุษ
คุณหมอหนุ่มได้โดนเพื่อนสั่งสอนแทนแม่เสียหน้าชา! สีหน้าหยิ่งทระนงแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดลง เดินออกจากลิฟต์ตรงไปไขประตูห้องด้วยหัวใจไม่เป็นสุข