Chapter 8
“น้องเมย์ เอาผลเลือดไปส่งห้องอาจารย์วิทย์หน่อยสิจ้ะ เมลมันไม่ไป เอาไปให้พี่หน่อย พี่ต้องรีบไปรับลูกค่ะ...”
นี่ด้วยเมย์... นี่ด้วย ๆ ฝากหน่อย
เอกสารผลเลือดของคนไข้หลังเลิกงานวันศุกร์ กรุงเทพมหานครรถติดหนุบหนับ เมษารับฝากงานจากรุ่นพี่มาโดยไม่ปฏิเสธ ฉีกยิ้มหว้างหวานปานนางสาวไทยรับมง!
วันนี้หล่อนต้องเอาผลเลือดไปส่งนายแพทย์รุ่นใหญ่ อาจต้องออกไปรับหน้าแผนกเจาะเลือดคนไข้
ด้วยความเคยชินกับการทำงานไม่เป็นเวลา บางวันเข้ากะเช้า ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น กะบ่ายเข้างานสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน หรือกะดึกสลับกันไปอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย บางวันทำโอทีด้วยหล่อนจะมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นค่าพิเศษต่าง ๆ อีกเกือบหมื่นบาท ช่วงหลังมานี้เมษาจึงขยันมากขึ้น ด้วยความตั้งใจเก็บเงินไว้ให้ลูกน้อย
งานโรงพยาบาลเอกชนหนักกว่าโรงพยาบาลรัฐเงียบ ๆ ริมชานเมืองเสียอีก โรงพยาบาลแห่งนี้ยังใหญ่โตพอสมควรตามมาตรฐาน บางแผนกกินพื้นที่ถึงสามชั้น
หากวันไหนไม่ได้อยู่ในแล็บ รายงานผลการตรวจผ่านทางแฟ้มงานอิเล็กทรอนิกส์ ทำการตรวจวิเคราะห์สิ่งส่งตรวจต่าง ๆ หล่อนอาจต้องเจาะเลือด ตรวจรับคุณภาพของสิ่งส่งตรวจ ตรวจคัดกรองชั้นหนึ่งใกล้แผนกหู ตา คอ จมูก แต่ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน โรงพยาบาลรัฐใหญ่ ๆ อาจยุ่งยิ่งกว่า
เมษาตั้งใจว่าจะลาออกจากที่นี่ ย้ายที่อยู่ไปโรงพยาบาลอื่นสักพักภายในเดือนนี้ ไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมงานไม่น่ารักหรืองานหนัก หวังว่าคงไม่มีใครรู้...
“อุ๊ย... น้องเมย์ พี่ซื้อมะม่วงเปรี้ยวมาฝากจ้ะ ขอบใจนะ”
นักเทคนิคการแพทย์สาวอายุงานมากกว่าส่งถุงพลาสติกให้กับมือ ค่อยโบกมือลารุ่นน้องที่พยักหน้ายิ้มรับน้ำใจ เมษาพยายามที่จะไม่แสดงออกทางสีหน้าว่าอึดอัด ตาหลุบมองของในมือพร้อมคำพูดมากมายแล่นไหลเข้ามาในหัวสมอง
น้องเมย์อ้วนขึ้นหรือเปล่าเนี่ย...
คุณน้องมีข่าวดีหรือเปล่าคะ?
ไม่กินกาแฟตอนเช้า ๆ แล้วเหรอจ๊ะ? กินแต่อาหารสุขภาพ มีน้องหรือเปล่า... คุณหมอ...
ทั้งเพื่อนร่วมงาน และคนรู้จักกันอย่างเช่นแม่ค้าร้านขายน้ำ ร้านค้า โรงอาหารมีบ้างที่จะเผลอเรียก ‘หมอแล็บ’ ว่า ‘หมอ’ อย่างเข้าใจผิด ด้วยความที่ใส่เสื้อกาวน์เหมือนกัน
ปีนี้เมษาอายุย่างเข้ายี่สิบหกปีแล้ว หล่อนภูมิใจในอาชีพเทคนิคการแพทย์ เพราะไม่ได้แบมือขอเงินอาอี๊ใช้หลังสอบใบประกาศฯ และได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ หล่อนมีเงินเดือน ได้รับสวัสดิการอย่างเหมาะสม สามารถที่จะเล่าเรื่องราวของการทำงานในแต่ละวันให้อาอี๊ฟังผ่านสายโทรศัพท์จากต่างประเทศ ว่าหล่อนมีความสุขกับงานที่ทำมากแค่ไหน
แต่... เรื่องท้องไม่มีพ่อ... มันหนักหนาสาหัสสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งเหลือเกิน
หญิงสาวกะพริบตาไล่หยาดน้ำใสที่ไหลขึ้นคลอดวงตากลับไป บังคับตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่านกับถ้อยคำคน ลอยไปมาในหัวเหมือนมนต์ร้ายร่ายใส่ให้รู้สึกถึงความตกต่ำ เป็นปมด้อยในชีวิตของตัวเอง
ถ้าคนเป็นแม่ยังทนไม่ไหว... เข้มแข็งไม่เป็น ลูกน้อยของหล่อนจะอยู่ยังไง?
ใบหน้าหวานสะบัดไปมาแรง ๆ ร่างบางเดรสกระโปรงทรงปล่อยลุกขึ้นเดินอย่างสง่าผ่าเผย หยิบเอกสาร ตะกร้าถาดใส่งานผลเลือดจากห้องแล็บตรงไปให้อาจารย์ที่ห้องพักแพทย์ ก่อนกลับไปเคลียร์คนไข้หน้าแผนก
พักหลังมานี้เมษาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเดรสปล่อยช่วงกลางตัว สวมใส่ทรงสบายมากขึ้น ค่อยสวมทับด้วยเสื้อกาวน์ หรือเสื้อคลุมของทางโรงพยาบาล หล่อนใส่เสื้อกาวน์แบบตัวใหญ่ยาวประหน้าขาบ่อยขึ้นซึ่งไม่ได้ผิดกฎระเบียบอะไร เพื่อปิดหน้าท้องเนินนูนไว้ให้พ้นสายตาคน
โรงพยาบาลเอกชนมีข้อระเบียบบังคับไม่มากในการแต่งตัวสำหรับพนักงาน แค่เป็นชุดสุภาพคลุมไว้ด้วยเสื้อกาวน์สำหรับแพทย์ และนักเทคนิคการแพทย์ ต่างจากการแต่งตัวของพยาบาลและพนักงานโรงพยาบาล
ขณะที่มันไม่ง่ายเลยกับการหยุดขี้ปากคน...
น้อง ๆ พี่ว่าน้องเมย์แผนกนู้นท้องหรือเปล่านะ?
ท้องชัวร์ พี่เคยเห็นหน้าท้องนางยื่นออกมาหน่อย ๆ กินแต่ของเปรี้ยวอีก
น้องเมย์เขาอยู่คนเดียวตลอด ไม่เคยเห็นผู้ชายมารับเลยนี่
พี่เมษา แผนกนู้นเหรอ อ้าว... พี่เขาท้องเหรอคะ? จริงอ่ะ ตัวเขานิดเดียวเองก็ไม่เห็นว่าจะอ้วนขึ้นนี่นา
ซิงเกิ้ลมัมม้างง ไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะ ตัวพี่ก็เลี้ยงลูกคนเดียวนะคะ
ไม่ว่าเดินผ่านไปทางไหนก็ต้องทนฟัง หญิงสาวพยายามเป็นอย่างมากที่จะส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงาน เช่นวันนี้
พนักงานกลุ่มหนึ่งซุบซิบพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติเกี่ยวกับคนท้อง โดยไม่เห็นว่าหล่อนเดินผ่านหน้าพวกเขา แล้วเข้าลิฟต์ไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิดในแง่ดี... ผู้คนอาจจะแค่สงสัยไม่ได้มีเจตนาร้าย คนเป็นซิงเกิ้ลมัมคงเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ อย่างเพื่อนร่วมงานที่เอาขนม นม ผลไม้มาให้ เขาคงแค่อยากให้กำลังใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หลายคนอาจสนทนาไปเรื่อยเปื่อยเรื่องสัพเพเหระในเวลางานรวมถึงตัวหล่อนเอง
การมองบวกคิดบวกเป็นสิ่งที่หล่อนจะต้องทำเพื่อลูก
มาถึงโต๊ะที่มีเอกสารใส่ไว้ในตะกร้าหน้าคอมพิวเตอร์ มีการสำรองข้อมูลทั้งสองแบบและลูกค้าบางคนถือกระดาษเอกสารมา
เมษาจัดการลงรายละเอียดผลเลือดในฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกซ์ เก็บโต๊ะทำงานของส่วนรวมให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน หล่อนมีแพลนว่าเลิกงานสักสี่โมงจะไปหาของอร่อย ๆ ให้ลูกทาน
“โอ๊ะ... มะม่วง”
หญิงสาวยกมือป้องปากดีใจน้ำลายสอเต็มลิ้น พอนึกขึ้นได้ว่าลืมของฝากจากเพื่อนร่วมงานไว้ในกระเป๋า
ลาภปากน่ะสิ!
รองเท้าส้นเตี้ยสีดำรีบก้าวไวทว่าใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเพราะไม่ได้ตัวคนเดียว ผ่านพนักงานโรงพยาบาลและคนไข้ประปราย ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยเรียบร้อยตามสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้
ทันใดนั้นเอง กำแพงมนุษย์ขวางหน้าเต็มทางเดิน เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตสีขาวครีมทำให้หล่อนต้องเชยหน้าขึ้นมอง
“คุณ...?”
“เลิกงานรึยังครับ? อาหมวย...” ในน้ำเสียงคุ้นเคย ใบหน้าสดสวยตื่นตะลึงมองแมสก์สีเขียวปกปิดไว้ครึ่งหน้า
“มะ... หมอตฤณ...”
“อย่าคิดหลบหน้าพี่ ปิดเครื่องใส่อีกเชียว... สาบานได้ รอบนี้หมอตามถึงบ้านเตี่ย...”
“เอ่อ... คือฉัน”
“เมื่อก่อนก็แทนตัวเองว่าเมย์ เรียกพี่ว่าพี่... ทำไมพูดจาเหมือนคนไม่รู้จัก? พี่จำได้นะว่าเราสนิทกันแค่ไหน”
อาหมวยใจเด็ดไม่เคยกลัวอะไรสักอย่างบนโลก เวลานี้หวาดกลัวจนหัวไหล่สั่น ก้มหน้าลงมองพื้นหน้าซีดเผือด เมื่อแววตาคู่คมเข้มเป็นประกายของคุณหมอหนุ่มเหมือนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนคนเดิม หล่อนเคยแช็ตกับเขาได้ทุกวันจนถึงคืนนั้น...
“เมย์ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อไป เมย์โทรศัพท์ตกน้ำ เปลี่ยนเบอร์... เมย์ให้ไปแล้วที่คลินิกทำฟัน พี่ตฤณไม่โทรมา เมย์เกรงใจ ไม่กล้าโทรไปรบกวนค่ะ”
หล่อนละล่ำลักพูดเป็นผู้ร้ายทำความผิด ตฤณภพผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะเขาถูกโยนความผิดว่าเป็นของเขาด้วยส่วนหนึ่ง
“เลิกงานหรือยัง?”
“ค่ะ... กำลังจะเลิก”
“เรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน เลิกงานแล้วมา พี่นั่งรอตรงนี้”
“ค่ะ...”
ด้วยสำนึกดีในฐานะความเป็นแม่คน หญิงสาวยอมตอบรับเขาอย่างว่าง่ายและคงไม่กล้าหลบหน้าเขา แม้ไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญของอีกฝ่ายคืออะไร เขาตามมาหาถึงโรงพยาบาลได้ยังไง
ในเมื่อหล่อนไม่เคยบอกใครว่าทำงานที่ไหน ขนาดคนทางบ้านยังต้องมาตามสืบหาเอาเองเช่นเฮียจาง ปัญหาในเรื่องนั้นก็ให้เพื่อนสาวรับหน้าแทน ส่วนตัวเองทำงานอยู่แต่ในห้องแล็บ
ไหงเจอแจ็กพอตเข้าวันนี้ซะได้!
เมษาลอบถอนหายใจ เดินกลับเข้าห้องไปเก็บกระเป๋า ออกมาพบคุณหมอหนุ่มที่เดิมด้านหน้าแผนก เขานั่งรออยู่บริเวณเก้าอี้เรียงราย มีคนไข้บางตาเว้นระยะห่างในแต่ละที่นั่ง
หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวพอได้พบสบแววตาคู่หวานคมอีกครั้ง