“คุณหนู!!!!!”
เสียงแก้วสาวใช้ที่กำลังถือแจกันรีบวางมันทิ้งก่อนจะวิ่งหน้าตาตื่นแกมดีใจมาหาเจ้านายสาว
“คุณหนูจริงๆด้วย หายไปไหนมาทั้งคืนคะ รู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คุณหนูนะคุณหนู ไปค่ะ เข้าบ้าน ตอนนี้คุณผู้หญิงแทบนั่งไม่ติด เป็นห่วงคุณหนูจะแย่อยู่แล้ว”
มิรันไม่ได้พูดอะไรออกมาได้แต่เดินตามการพยุงของสาวใช้เข้าบ้านไป เมื่อคืนเธอลืมคิดถึงผู้เป็นมารดาไปเสียสนิท เพราะเอาแต่นึกถึงตัวเองและเรื่องที่ทำให้เสียใจ
“คุณแม่...”
“มิรัน!”
มิรันถึงกับบ่อน้ำตาแตก เดินเข้าไปกอดร่างอวบของมารดาอย่างขอที่พึ่งพิงหัวใจและร่างกายอันบอบช้ำของเธอ ทำเอาคุณเนตราถึงกับพูดอะไรไม่ออก คำด่านับพันที่คิดไว้ถูกกลืนลงคอก่อนมืออันเหี่ยวย่นจะยกขึ้นลูบหลังของบุตรสาวแทน
“ฮือๆๆๆ คุณแม่ รันขอโทษ ฮือๆๆๆ รันไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆๆๆ รันของโทษนะคะ ฮือๆๆๆ”
มิรันร้องออกมาอย่างอัดอั้น เมื่อเธอเก็บเรื่องนี้เอาไว้เพียงคนเดียวมาตลอดทั้งๆที่มันไม่ใช่ตัวเธอเลย นานร่วมชั่วโมงที่มิรันเอาแต่ร้องไห้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำก่อนจะเผลอหลับคาอกของมารดา ทำเอาคุณเนตราที่มีคำถามในหัวนับร้อยคำถามได้แต่เก็บเอาไว้ รอให้บุตรสาวดีขึ้นกว่านี้ก่อน รับรองว่าเธอจะคั้นเอาความจริงจนหยดสุดท้ายแน่
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม”
“ครับนาย ผมส่งเธอที่บ้านเรียบร้อยดีครับ”
ทางด้านไบรอันที่เห็น จอห์น ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาเลยอดถามขึ้นไม่ได้ ทำเอาจอห์นถึงกับชะงักก่อนจะตอบออกไป ก่อนที่ไบรอันจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ โดยมีสายตาแปลกใจของจอห์นมองดูอยู่ไม่ไกล
“นายกลับไปได้แล้ว แล้วถ้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามาที่นี่อีก บอกพวกที่เฝ้าข้างนอกว่าเวลาฉันอยู่โรงพยาบาลไม่ต้องมาเฝ้า”
“ผมไม่เห็นด้วยครับนาย...เอ่อ ให้เฝ้าอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลก็ยังดีนะครับ เผื่อว่ามีอะไร...”
“อืมๆๆ ออกไปได้แล้ว ไปทำงานที่ต้องจัดการให้เสร็จ มีอะไรโทรเข้ามาไม่ต้องมาที่นี่”
“ครับ”
จอห์นรีบเดินออกไปเมื่อน้ำเสียงของไบรอันเริ่มเปลี่ยนไป ส่วนไบรอันนั้นพอลับร่างใหญ่ของลูกน้องคนสนิทเขาจึงค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เป็นอยู่
เมื่อห้าปีก่อน เขายังเป็นเพียงแค่นายแพทย์หนุ่ม ที่กำลังรุ่งโรจน์ในชีวิตการทำงาน เขามีความสามารถที่ใครๆก็เทียบไม่ติดจนทุกคนตั้งฉายาให้ว่าเขานั้นเป็นคุณหมออัจฉริยะทางด้านการผ่าตัดที่เฉียบคมและแม่นยำ จนกระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาหาเขาที่โรงพยาบาลแล้วบอกเกี่ยวกับเรื่องของบิดาที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยในชีวิตและไม่เคยคิดต้องการที่จะรู้ บิดาของเขาเป็นมาเฟีย และเป็นหัวหน้ามาเฟียกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และตอนนี้บิดาของเขาได้เสียชีวิตลงและทายาทเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือเขา
ออกไปจากชีวิตของผม ผมไม่มีพ่อ พวกคุณเป็นใครออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!
เสียงไบรอันตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหมดความอดทน เมื่อหนึ่งในนั้นพยายามบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำ นั่นคือกลับไปรับตำแหน่งที่บิดาของเขาทิ้งเอาไว้ให้ หัวหน้าแก๊งมาเฟีย ทำให้ไบรอันทนไม่ไหวเผลอตะคอกดังลั่นห้องทำงาน
พวกผมคงกลับไปไม่ได้ถ้านายน้อยไม่กลับไปด้วย มันคือคำสั่งเสียของนายใหญ่
หนึ่งในชายชุดดำบอกขึ้นอย่างแน่วแน่ เมื่อตอนนี้ที่นั่นกำลังวุ่นวาย ทายาทที่แท้จริงควรต้องกลับไปรับตำแหน่งให้เร็วที่สุดก่อนที่จะมีการฆ่ากันเพื่อแย่งตำแหน่งหัวหน้า
ฉันไม่มีพ่อ และนายใหญ่ของนายก็ไม่ใช่พ่อฉัน กลับไปก่อนที่ฉันจะแจ้งความ
เมื่อพูดเท่าไหร่ไบรอันก็ไม่ยอมฟังและเวลาที่มีก็เริ่มน้อยลงทุกที กลุ่มชายชุดดำพยักหน้าให้กันก่อนจะฟาดมือลงที่ท้ายทอยของนายแพทย์หนุ่มอย่างแรง จนไบรอันหมดสติไปในทันที และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายมาเป็นหัวหน้ามาเฟียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นั่นคือนายใหญ่ คุณพ่อของคุณ
.......................
ไบรอันถึงกับนิ่งแข็งเป็นหินมองจ้องรูปอันใหญ่โตตรงหน้า รูปชายสูงวัยแต่ดูหล่อเหลาและน่าเกรงขามด้วยผมสีเทาขาวทั้งหัวกับหน้าตาแน่นิ่ง ...เหมือน...เหมือนยังกับเป็นเขาในวัยห้าสิบกว่าๆ เหมือนเขาจนแทบคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน
ยังจะปฏิเสธอีกรึเปล่าครับ ว่าท่านไม่ใช่พ่อของคุณ
.....................
ไบรอันไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา มารดาบอกเพียงแค่ว่าบิดาของเขาเสียชีวิตไปแล้ว และไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับบิดาให้ฟังแม้กระทั่งรูปถ่ายเขาก็ไม่เคยเห็น
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงผมก็ไม่ยอมรับตำแหน่งบ้าๆนี่เด็ดขาด ผมเป็นหมอ ผมไม่ได้อยากเป็นมาเฟีย
ทุกอย่างเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว ตอนนี้ทกคนมารวมกันเพื่อที่จะยืนยันฐานะของนายน้อย ถ้าเกิดนายน้อยไม่ยอมรับ คงมีอีกหลายร้อยชีวิตต้องตายเพื่อแย่งชิงตำแหน่งกันแน่นอน และนี่ก็เป็นความต้องการสุดท้ายของนายใหญ่ อาณาจักรและทรัพย์สินทั้งหมดมันเป็นของนายน้อย
ชายชุดดำคนที่พาตัวเขามาเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยื่นกระดาษที่ลงตราประทับให้เขาอ่าน พออ่านจบไบรอันถึงกับแน่นิ่งไปเกือบชั่วโมง และสุดท้ายเขาก็หนีสิ่งที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ไม่พ้น เขาจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหมอและมาเฟียไปในคราวเดียวกันโดยให้จอห์นเป็นคนดูแลงานในแก๊งทั้งหมด ส่วนเขานั้นย้ายมาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของที่นี่ ที่สร้างจากเม็ดเงินสกปรกที่ได้มาจากในแก๊ง
“คุณหมอคะ มีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามา เป็นรัฐมนตรีค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงน่าจะมาถึง”
“อืม เตรียมห้องผ่าตัดให้พร้อม เดี๋ยวผมผ่าเอง เรียกหมอมาเป็นผู้ช่วยให้ผมสักคน”
“ค่ะ”
เมื่อได้รับคำสั่ง พยาบาลสาวก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของนายแพทย์หนุ่มไปทันที ไม่นานการผ่าตัดก็เริ่มขึ้น และก็เหมือนทุกครั้งที่เขาใช้เวลาผ่าตัดเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงทุกอย่างก็จบลง ต่างจากหมอคนอื่น ถ้าเป็นเคสนี้น่าจะใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงในการผ่าตัด
“แล้วทำไมต้องเรียกฉันเข้าไปด้วยในเมื่อจัดการคนเดียวก็ได้”
“เออ ทำได้ไงวะเวลาแค่นั้น แกเห็นตอนผ่าไหม กรีดแทบไม่มีความลังเล แล้วเวลาเย็บนะ...อ่าว เฮ้ย ฟังก่อนสิไอ้หมอ”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ วาคินที่ถูกเรียกให้มาเป็นแพทย์ผู้ช่วยในการผ่าตัดก็เดินออกไปอย่างหัวเสีย เมื่อนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ไบรอันเรียกเขาเข้าไปแบบนี้แต่เขากลับไม่ได้ทำอะไรเลยแม้กระทั่งแตะต้องมีดผ่าตัด เขายืนเหมือนคนไร้ค่าจนจบการผ่าตัดในทุกครั้ง
ไบรอันเป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งใครๆต่างก็รู้จักและต้องการให้เขาผ่าตัดให้จึงทำให้มีพวกหมอบางส่วนไม่ค่อยพอใจที่นายแพทย์หนุ่มเป็นที่ต้องการมากเกินไปอย่างนี้
“มีอะไรอีกละ น่าจะหยุดพักผ่อนก่อน แกจะรีบมาทำงานทำไมเกิดเรื่องขนาดนั้น”
“เฮ้อ ผมเบื่อ”
“แล้วหนูรันติดต่อมาบ้างไหม”
“เฮ้อ นี่ก็อีกเรื่อง ทำไมอยู่ดีๆก็หายตัวไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ นี่ผมอายคนทั้งโรงพยาบาลจนแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว”
คุณทรงยศ มองบุตรชายอย่างเข้าใจ เพราะเขาก็ไม่ต่างกัน เมื่องานแต่งอันใหญ่โตของบุตรชายล่มไม่เป็นท่าขนาดนั้น พวกเพื่อนๆของเขาที่พากันไปร่วมงานถามถึงสาเหตุที่เขาเองก็ไม่รู้จนอับอายกันไปตามๆกัน
“แล้วแกจะเอายังไงต่อ ฉันคงไม่เก็บเธอเอาไว้ที่นี่แล้วนะ อายคนอื่น อีกอย่างฉันขี้เกียจตอบคำถามเรื่องงานแต่งแกแล้วด้วย”
“ไล่ออกไปเลย ผมไม่สนใจแล้ว ผู้หญิงอะไร เป็นแฟนมาสองปีแทบไม่ให้ผมแตะเนื้อต้องตัว แล้วดูเธอทำ พอมาถึงวันแต่งงานดันหนีหายไป คิดแล้วผมอยากบีบคอให้ตายคามือเลย”
“พูดอะไรระวังหน่อย เดี๋ยวพ่อจัดการเอง เอาไว้ก็ขวางหูขวางตา”
สองพ่อลูกพากันนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ๆด้วยความโกรธที่ยังคุกกรุ่น ก่อนที่วาคินจะขอตัวกลับมาทำงาน
“ยังหาเจ้าสาวไม่เจออีกเหรอคะที่รัก”
พอเดินเข้ามาในห้องทำงาน เสียงหวานของนีรนุช นางพยาบาลสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ใครๆต่างก็รู้จักก็ดังขึ้น
“ออกไป ผมไม่มีอารมณ์”
เสียงเย็นชาบอกขึ้น เมื่อตอนนี้เขาไม่มีความต้องการปลดปล่อยเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าที่นางพยาบาลสาวเข้ามาหาก็เพื่อให้เขาสนองตัณหาให้กับเธอ แต่นีรนุชไม่ได้สนใจเดินเข้าหาพร้อมกับเอื้อมมือมากอบกุมกลางกายหนุ่มที่ยังคงนอนหลับสงบนิ่งอยู่ใต้ซับในราคาแพงของเขา
“ผมบอกว่าไม่ต้องการ...”
เสียงสั่นบอกขึ้นพร้อมกับเริ่มหลับตาพริ้มจินตนาการไปตามมือเล็กที่ตอนนี้สอดเข้าไปกอบกำลำกายใหญ่ที่ขยายขึ้นเรื่อยๆเมื่อความต้องการที่อุตส่าคิดว่าจะได้ปลดปล่อยในคืนแต่งงานอย่างเต็มที่กลับไม่เป็นดังหวัง เพียงแค่มือเล็กปลุกเร้าเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
“ยังไม่ต้องการอยู่อีกไหมคะ หือ?”
“ฮึ่มถามทำไม ในเมื่อเธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”
“หึหึหึ”
นีรนุชยกยิ้มขึ้นอย่างสมใจ เพราะเขาไม่เคยปฏิเสธรสรักของเธอได้เลยสักครั้ง ก่อนที่ปากสีแดงเลือดหมูจะประกบจูบปากหยักอย่างไม่สนใจว่ามันจะเลอะเปรอเปื้อนเลยสักนิด เรียวลิ้นสากรู้งานกวาดเข้ามาดูดดึงลิ้นเล็กที่ตวัดหนีอย่างกระสันซ่าน มือใหญ่เอื้อมมาโอบเอวเล็กเข้าหาบดเบียดแก่นกายกับร่างสาวอย่างต้องการ นีรนุชรีบเอื้อมมือไปรูดซิบและปลดกระดุมกางเกงออกก่อนจะงัดเอาความใหญ่โตที่เริ่มปริ่มไปด้วยน้ำรักของเขาออกมา
“เดี๋ยวนุชจะชดเชยให้คุณเองนะคะที่รัก”
ปากที่พึ่งละออกจากกันเอ่ยขึ้น ก่อนร่างบางจะนั่งลงอ้าปากรับเอาความใหญ่โตเข้าไปอย่างไม่คิดรังเกียจ เมื่ออะไรที่เขาชอบเธอไม่เคยเกี่ยงที่จะทำอยู่แล้ว