กชกรนิ่งไปเมื่อเจอคำพูดแทงใจดำจากเพื่อนสนิท ถึงจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่ลึกๆ แล้ว เธอก็น้อยใจเขาจริง หลอกให้เชื่อใจแล้วกลับมาทอดทิ้งกัน แล้วจะไม่ให้เธอเสียใจและน้อยใจได้อย่างไร
“ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่น้องหยกรู้จัก พี่ว่าน้องหยกควรพาเขากลับบ้านนะ ขืนปล่อยเขาทิ้งเอาไว้ที่นี่ เขาคงถูกผู้หญิงสองคนนั้นพาออกไปทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ”
“ไม่มีใครทำร้ายเขาได้หรอกค่ะพี่วดี ยิ่งใหญ่ซะขนาดนั้น แล้วเขาก็มีลูกน้องคอยตามประกบตลอดด้วย”
“แต่พี่ไม่เห็นลูกน้องของเขาที่น้องหยกว่าเลยสักคนนะ”
“ปิ่นว่าพวกเราอย่าเถียงกันดีกว่า หยกรีบเข้าไปช่วยเขาเถอะ ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ เขาอาจถูกผู้หญิงสองคนนั้นลากออกไปจากผับเสียก่อน แล้วจะตามหาลำบากนะ”
“ธีเห็นด้วยกับคำพูดของปิ่นนะหยก เลิกน้อยใจแล้วไปช่วยเขาก่อนดีกว่า”
“หยกไม่ได้น้อยใจพี่อเล็กซ์นะธี”
“พี่อเล็กซ์เหรอ?”
ธีรเดชถามอย่างสงสัย สีหน้าแสดงออกถึงความอยากรู้ เพราะกชกรไม่เคยให้เกียรติผู้ชายคนไหนเลยสักคน แต่ผู้ชายต่างชาติหน้าตาดีคนนั้นกลับได้รับเกียรตินี้เป็นคนแรก การที่กชกรเรียกชื่ออย่างสนิทสนม เขามั่นใจว่า ‘พี่อเล็กซ์’ คนนี้ต้องมีความสำคัญต่อหัวใจของกชกรไม่น้อยเลย
“พี่อเล็กซ์”
ประภาวดีเลิกคิ้วมุ่นกับสรรพนามที่เพื่อนสนิทของน้องชายเอ่ยขึ้นมา แปลกมากๆ แปลกจริงๆ ซะด้วย สาวน้อยหน้าหวานคนนี้เรียกชื่อผู้ชายอย่างสนิทสนมเป็นครั้งแรก เห็นทีหนุ่มหล่อต่างชาติคนนั้นคงเป็นคนสำคัญสินะ
สีหน้าและท่าทางลุกลี้ลุกลนของกชกร ยิ่งทำให้ปิ่นมณีมั่นใจว่าหนุ่มหล่อชาวต่างชาติคนนั้นคือคนที่เพื่อนเคยเล่าให้เธอฟังอย่างแน่นอน ว่าแต่เขามาทำอะไรที่เมืองไทยหรือว่าเขามาหาเพื่อนสนิทของเธอ จึงพึมพำเบาๆ ออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าและไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มล้อเลียนให้คนข้างๆ
“พี่อเล็กซ์ของหยก จริงๆ สินะ”
กชกรถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเจอคำพูดและรอยยิ้มล้อเลียนของปิ่นมณี เรื่องที่เธอกับเขาเจอกัน มันก็ผ่านมานานแล้ว บางทีเขาคงลืมเธอไปแล้วก็ได้
“เขาไม่ใช่พี่อเล็กซ์ของหยกนะปิ่น พวกเราแค่คนรู้จักกันธรรมดาเท่านั้น หยกเคยบอกปิ่นแล้วไง หยกกับเขาเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับหยก”
“จะสำคัญหรือไม่สำคัญ พี่ว่าน้องหยกพาพี่อเล็กซ์ของน้องหยกกลับบ้านก่อนดีกว่า มีปัญหาอะไรกันก็เอาไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ พี่ง่วงแล้ว ยังไงพี่ขอกลับก่อนก็แล้วกัน”
ประภาวดีตัดบท หันกายเดินออกจากผับเป็นคนแรก เรื่องส่วนตัวของน้องๆ เธอไม่อยากเข้าไปยุ่ง ใครมีปัญหาอะไรกับใคร ก็ให้ไปเคลียร์กันเอาเองก็แล้วกัน
กชกรถอนหายใจเล็กน้อย ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่โต๊ะของอเล็กซิส ในใจก็คิดทบทวนคำพูดของพี่สาวเพื่อนสนิทไปด้วย ใจจริงเธออยากทิ้งเขาเอาไว้กับผู้หญิงสองคนนี้ด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงเรื่องที่ธีรเดชกับปิ่นมณีบอกก่อนหน้านี้ เธอก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาไม่ได้
“เดี๋ยวหยกมานะ ปิ่นกับธีก็รอหยกอยู่ตรงนี้แหละ”
“ได้สิ” ปิ่นมณีตอบ
“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกธีได้เลยนะหยก” ธีรเดชบอกกชกรอย่างเป็นห่วง
“อืม” กชกรตอบ พร้อมกับขาทั้งสองข้างก้าวเดินตรงไปยังโต๊ะที่อเล็กซิสและผู้หญิงอีกสองคนกำลังยืนสนทนากันอยู่ ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าปิ่นมณีลากแฟนหนุ่มของตัวเองเดินออกไปจากผับแล้ว ทิ้งภาระเอาไว้ให้เธอจัดการด้วยตัวเอง
/////////
อเล็กซิสเลิกสนใจสองสาวที่ยืนสนทนาตรงหน้าเขา ใบหน้าที่เคยเย็นชาเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ขณะที่นัยน์ตาคู่คมกล้าพราวระยับเมื่อเห็นอดีตสาวน้อยหน้าหวานในความทรงจำเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ผ่านไปแค่สี่ปี กลับเปลี่ยนสาวน้อยคนนั้นให้กลายเป็นสาวสวย และน่าหลงใหลได้ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
ตอนที่สาวใช้ส่งรูปถ่ายของหญิงสาวมาให้เขา เพียงแวบแรกที่ได้เห็นรูปถ่าย หัวใจเขาก็พลันเต้นไม่เป็นจังหวะ กี่ปีแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกหวั่นไหว แค่รอยยิ้มอ่อนหวานและดวงตาคู่งามพราวระยับคู่นั้น เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง
นึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่เขายกเบอร์ส่วนตัวให้กับหลานชาย ไม่อย่างนั้นเขาคงมาช่วยเหลือหญิงสาวได้เร็วกว่านี้
กชกรเดินมาหยุดตรงหน้าอเล็กซิส นัยน์ตาคู่งามสังเกตสีหน้าและท่าทางที่ไม่ปกติของเขาอย่างเป็นห่วง เรื่องที่พี่สาวเพื่อนสนิทบอกก่อนหน้านี้เป็นจริงเกือบทุกอย่าง
คนที่ส่งยิ้มมาให้เธออยู่ในสภาพมึนเมาจริงๆ แล้วเธอก็ไม่เห็นลูกน้องหรือบอดี้การ์ดของเขาเลยสักคน
“ทำไมถึงมาเที่ยวคนเดียวล่ะค่ะคุณอเล็กซ์ ลูกน้อง...เอ่อ...บอดี้การ์ดของคุณ หายไปไหนหมด”
“พี่มาคนเดียวครับ”
“คุณอเล็กซ์มาทำอะไรที่เมืองไทยค่ะ”
“พี่อเล็กซ์ครับ ไม่ใช่...คุณอเล็กซ์ หนูหยกอย่าเรียกพี่ซะห่างเหินแบบนั้นสิครับ”
บทสนทนาที่ดังแทรกขึ้นมากลางคัน สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่นาลินกับพรเพ็ญอย่างมาก ทั้งสองมองหนุ่มหล่อชาวต่างชาติด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ความกลัวแล่นพล่านไปทั่วกาย เมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเธอคุยกันก่อนหน้านี้ พวกเธอมั่นใจว่าผู้ชายที่ยิ้มหวานให้กับผู้หญิงที่เดินเข้ามาหยุดบทสนทนาของพวกเธอคงได้ยินและเข้าใจเรื่องที่เธอคุยกันเกือบทั้งหมด ถ้าเป็นอย่างที่พวกเธอคิด คราวนี้พวกเธอคงตายแน่ๆ
อเล็กซิสฉีกยิ้มกว้าง มองใบหน้าสวยหวานซึ่งเต็มไปด้วยเย็นชา แต่นัยน์ตาคู่งามของเธอกลับมีแววน้อยใจเขาอยู่ไม่น้อย เขาเป็นคนผิดเองที่ไม่รักษาสัญญา หากตอนนั้นเขาเก็บเบอร์ส่วนตัวที่เคยให้เธอไว้ เรื่องคงไม่วุ่นวายถึงเพียงนี้
“หนูหยกกำลังน้อยใจพี่อยู่ ใช่ไหมครับ”
“ฉันไม่ได้น้อยใจ”
“แต่น้ำเสียงกับแววตาของหนูหยก มันแสดงออกมาชัดเจนเลยนะครับ”
“ก็บอกแล้วไงคะ ฉันไม่ได้น้อยใจ...ว่าแต่คุณเถอะ...มาทำอะไรที่เมืองไทยกันแน่ แล้วสภาพน่าสังเวชนี่มันอะไรกัน นี่อย่าบอกนะคะว่าถูกสาวมอมเหล้าเพื่อลากคุณขึ้นเตียง”
คำพูดของกชกร ไม่เพียงแต่ทำให้อเล็กซิสชะงักไป แต่ยังทำให้สองสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลอ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนก เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวยหวานคนนี้พูดจาขวานผ่าซากขนาดนี้
อเล็กซิสมองสาวน้อยที่น่าสงสารในอดีตด้วยแววตาเป็นประกาย สี่ปีที่ไม่ได้เจอกันทำให้สาวน้อยผู้น่ารักและอ่อนหวานของเขาเปลี่ยนเป็นคนเย็นชาได้อย่างไรกัน บางทีเขาคงต้องเริ่มสั่งสอนสองแม่ลูกนั่นจริงๆ จังๆ เสียที ขืนปล่อยเอาไว้ พวกหล่อนอาจกลับมาทำร้ายผู้หญิงของเขาอีกก็ได้
“พี่ขอตอบหนูหยกที่ล่ะเรื่องนะครับ เรื่องที่หนูหยกถามว่าพี่มาทำไมที่เมืองไทย พี่มาหาหนูหยก ส่วนเรื่องสภาพของพี่ในตอนนี้ หนูหยกคิดถูกแล้วครับ พี่ถูกสองสาวนี่มอมเหล้าจริงๆ พวกเธอกำลังจะลากพี่ขึ้นเตียง อ้อ...แล้วผู้หญิงสองคนนี้ก็ถูกจ้างมาเพื่อทำลายพี่ด้วย”
คำตอบของอเล็กซิสทำให้กชกรต้องเลิกคิ้วมุ่นพร้อมกับหันมองสองสาวที่เขาเอ่ยถึง ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องโดนมอมเหล้า ที่คิดไม่ถึงก็คือผู้หญิงสองคนนี้ถูกจ้างมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขา แต่ใครวางแผนทำลายเขาก็ไม่เกี่ยวกับเธอ สิ่งที่เธอควรตอนนี้ก็คือพาเขากลับบ้าน นี่ก็ใครเวลาผับปิดแล้ว
“พวกคุณมีปัญหาไหม ถ้าฉันจะพาผู้ชายคนนี้กลับบ้าน”
“เอ่อ...ไม่มี/ไม่มี”
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...