“คุณอาขยับออกไปอีกนิดสิคะ ช่อจะร้อยมาลัย ไม่ถนัดเอาเสียเลย”
“มาลัยที่ช่อให้อาครั้งก่อนเหี่ยวหมดแล้ว วันนี้ขอพวงใหม่ได้ไหมครับ”
“ธรรมดาล่ะค่ะ ของเก่าร่วงโรยก็โดนทิ้ง ใครๆ ก็ชอบของใหม่ ของเก่า
ถ้าหากมีชีวิตจิตใจคงเสียใจแย่”
“ใครว่าอาทิ้งกันล่ะ เก็บเอาไว้อย่างดีเลยครับ” คนพูดสื่อความหมายวาบหวามในแววตาคมคู่นั้น คนฟังถึงกับอมยิ้ม ก้มลงไปร้อยมาลัยต่อ
“เดี๋ยวจะร้อยให้สองพวงนะคะ”
“ทำไมสองพวงล่ะ” เขาเอ่ยถาม
“เอาไปแขวนหน้ารถหนึ่งพวง แล้วก็เอากลับบ้านไปหนึ่งพวงค่ะ” เธอเห็นว่ามาลัยหน้ารถของเขาเหี่ยวแล้ว เพราะตอนไปเก็บดอกไม้ต้องเดินผ่าน
โรงจอดรถ
“อีกพวงไม่ได้เอากลับไปบ้านเฉยๆ เอาไปนอนกอดนอนหอมด้วยครับ ชื่นใจ รู้ไหม” หลังคำว่าชื่นใจเขาก็หอมแก้มเธอเสียฟอดใหญ่
“อุ๊ย!” คนถูกหอมยกมือขึ้นลูบแก้มไปมา เขยิบหนีอีกนิด แต่เขารั้งแขนเอาไว้
“อาบอกคุณยายให้แล้วนะ เรื่องที่พัก” เขากระซิบบอก เธอมัวแต่ดีใจเลยยอมให้เขาเข้ามาชิดใกล้
“คุณยายว่ายังไงบ้างคะ” คนถามลุ้นดวงตาเป็นประกาย
“คุณยายอนุญาตให้ไปพักในเมืองได้”
“จริงเหรอคะ” เธอวางเข็มร้อยมาลัย เขย่าแขนเขา ดีใจเหมือนเด็กๆ
“จริงสิ”
“ขอบคุณนะคะคุณอา” เธอขอบคุณเขาจากใจ ก่อนจะอุทาน ดึงมือหนีเพราะเผลอจับมือเขาเขย่าเสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อยนี่สิ
“ถ้าอาจะขอรางวัลบ้างจะได้ไหม” คนที่กุมมือเธอเอาไว้เอ่ยขอเสียงนุ่มทุ้มหวาน
“รางวัลอะไรกันคะ” คนถามเบี่ยงหน้าหลบ ดันใบหน้าของเขาออกห่าง
“อาทิเช่น” เขาจิ้มแก้มตัวเอง คนมองถึงกับตาโต ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ
เขาก็ยื่นแก้มมาชนกับปากของเธอ
“อุ๊ย!” ช่อเพชรอุทานเมื่อเขาดึงแก้มออกห่าง เขายื่นหน้าเข้ามาหา
อีกรอบ เลยโดนดอกมะลิยัดปาก
“แค่กๆๆๆๆ” ภามสำลัก ก่อนจะดึงดอกมะลิออกจากปาก เธอหัวเราะ
คิกคัก สมน้ำหน้าเขานัก
“ช่วงนี้ซนหรือเปล่า”
“ทำไมคะ?”
“ซนมากๆ ไปปีนป่ายต้นไม้มันไม่ดี ตกลงมาแข้งขาหัก อาเป็นห่วง”
“ฝีมือการปีนต้นไม้ของช่อขั้นเทพเลยนะคะอาภาม” คนร้อยมาลัย
รีบอวดอ้าง คุยกับเขาอย่างมีความสุข
“ฝีมือการร้อยมาลัยและทำกับข้าวก็อร่อยด้วย” เขากระซิบริมหูขาวผ่อง แก้มนวลใสทำให้เขาต้องแตะลิ้นกับริมฝีปาก อยากหอมแก้มสาวสักฟอดใหญ่ ให้สมกับที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันนานหลายวัน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” คนโดนชมบอกอย่างขวยเขิน
“ไข่พะโล้อร่อยมาก ทำยังไงถึงจะได้กินฝีมือของช่อทุกวัน”
“จ้างช่อไปเป็นแม่ครัวสิคะ จะทำให้กินทุกวัน”
“ถ้าจ้างไปแล้ว เกิดวันหนึ่งช่อไม่อยากทำขึ้นมาล่ะ”
“ช่อพูดเล่นค่ะ”
“เห็นไหมล่ะ แค่พูดเล่นให้ความหวังคนแก่”
“แน้... ไหนบอกไม่แก่ไงคะ” คนไม่ยอมแก่มารับสมอ้างว่าแก่ได้อย่างไรกัน เธออมยิ้มขณะพูด
“อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้ว เตรียมตัวหรือยัง” เขาเปลี่ยนเรื่อง ควรละห่าง
คำว่าแก่ไปเสียเดี๋ยวนี้
“ยังเลยค่ะ” คนบอกว่ายังไม่ได้เตรียมตัวส่ายหน้าไปมา เธอยังไม่ได้ซื้อชุดนักศึกษาเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่จะขอคุณยายไปพักในเมือง
“อารู้จักร้านเสื้อผ้าเยอะแยะเลย พาไปซื้อเอาไหม” เขาอาสาอย่างใจดี เพราะอยากพาเธอไปเปิดหูเปิดตาด้วย
“ต้องขอคุณยายก่อนนะคะ”
“อาขอให้แล้วล่ะ คุณยายอนุญาตแล้ว” ช่อเพชรชะงัก มองอย่างคาดไม่ถึง
กำลังจะขออนุญาตคุณยายไปซื้อของอยู่พอดี
“พรุ่งนี้ทำบุญเสร็จจะพาไปซื้อ”
“ค่ะ” ช่อเพชรอยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก ดันไปรับคำเขาเสียนี่
“พรุ่งนี้อย่าแต่งตัวสวยเกินไปนะ”
“ทำไมคะ”
“เดี๋ยวผู้ชายมอง อาหวง”
อ๊ายยย... มาพูดอะไรแบบนี้ ช่อเพชรเขินหนัก เสียบดอกไม้ผิดๆ ถูกๆ จนโดนเข็มร้อยมาลัยตำเอา
“อุ๊ย!” เธออุทาน นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ แล้วต้องอุทานซ้ำอีกรอบเมื่อเขาดึงนิ้วของเธอไปดูดห้ามเลือดเอาไว้
ช่อเพชรตาโต ก่อนจะก้มหน้างุดๆ ปากร้อนๆ ที่ดูดเลือดสดๆ ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ วูบๆ วาบๆ ปนจั๊กจี้
“ระวังหน่อยสิ” เขานำผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเลือดของเธออีกครั้งจนเลือด
หยุดไหล
“ผ้าเช็ดหน้าของคุณอาเปื้อนหมดแล้วค่ะ เดี๋ยวช่อเอาไปซักให้”
“นิดเดียวเอง เป็นแค่หยดเลือด ไม่ต้องหรอก”
“แต่มันเปื้อนนี่คะ”
“งั้นฝากไปซักให้ด้วยก็แล้วกัน” เขาจับมือเธอมาแนบอก ก่อนจะวางผ้าเช็ดหน้าในฝ่ามือของเธอ
“ค่ะ” เธอรับคำ ไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยร้อยมาลัยต่อ
“พรุ่งนี้เราไปเดตกันวันแรก อยากกินอะไรไหม อาจะพาไปกิน”
“เดต?” เธอทวนคำของเขา
“อะแฮ่ม อาหมายถึงไปซื้อของกันครั้งแรกน่ะ” คนอยากมีเมียเด็กกระแอมกระไอ ลูบท้ายทอยไปมาแก้เก้อ แต่ช่อเพชรจับพิรุธของเขาได้
ชิ! อยากจะอ่อยเธอล่ะสิ ไม่มีทางเสียหรอก
“คุณอาเคยมีแฟนไหมคะ” จู่ๆ เธอก็ถามขึ้น เกิดอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ นะ
“ไม่เคยหรอกครับ อาเอาแต่เรียนหนังสือแล้วก็ทำงาน” ความจริง
ในกอไผ่ก็คือ เขาหลงรักเด็กน้อยข้างบ้านของมารดาจนไม่มีสายตาไปมองใครเลย
เด็กน้อยคนนั้นกำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่ใกล้ๆ เขานี่แหละ ตอนนั้นเธอ
ยังเด็กมาก ไม่อยากทำอะไรให้เสื่อมเสีย กว่าจะอายุครบสิบแปด เขารอจน
เหงือกแห้ง ทุกคนรู้เรื่องนี้หมด ยกเว้นช่อเพชร คุณยายขอเอาไว้ว่าอย่าทำให้หลานสาวใจแตกก่อนวัยอันควร เขาเลยต้องรออย่างอดทน ไม่เคยเหลือบแลสายตาไปมองผู้หญิงที่ไหนเลย เขาเป็นคนรักใครรักจริง รักแล้วรักเลย ไม่เคยเผื่อแผ่ใจไปให้ใคร
“เหรอคะ” คนถามแอบก้มหน้าอมยิ้ม เสไปหยิบดอกพุดมาเสียบ
อย่างเบามือ
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม จะพาไปกิน” คนที่มานั่งใกล้ๆ พิงหลังไปกับเสาศาลาทรงหกเหลี่ยม เธอเหลือบไปมองเขาก่อนจะอมยิ้ม เวลามองสบตาภาม หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้ง
เธอไม่ได้ตอบว่ากระไร ใจที่เต้นถี่กระชั้นก็อิ่มเอมไปด้วยสายใยแห่งความสุข เขาถามว่าเธออยากกินอะไร
“คุณอาพาไปกินอะไร ช่อก็กินได้หมดล่ะค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ คนชวนแอบหัวใจพองโต อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ
“คุณอาคะ ช่อให้ค่ะ” เธอยื่นพวงมาลัยให้เขา ภามรับไปดมทั้งๆ ที่เธอยังถือมาลัยช่อนั้นอยู่ เขาดมกลิ่นหอมของมันพร้อมๆ กับแอบลักลอบจุมพิตข้อมือของเธอไปด้วย ช่อเพชรก้มหน้างุดๆ ดึงมือหนี แต่เขาก็เอาไปแนบไว้ที่อกด้านซ้าย
“คืนนี้จะเอาไว้ที่หัวนอน กลิ่นคนร้อยก็หอมไม่แพ้มาลัยพวงนี้สักนิด”
“จะเอาไปไว้ที่ไหนก็เอาไปเถอะค่ะ” คนให้ดึงมือหนี ไปร้อยมาลัยพวงใหม่
ให้เขาแขวนหน้ารถและถวายพระ ภามช่วยคัดดอกพุดที่มีกลีบเท่าๆ กันให้เธอ มองคนร้อยมาลัยไม่วางตา
เย็นแล้ว คุณยายเลยชวนสองแม่ลูกรับประทานอาหารเย็น
ด้วยกันก่อนกลับบ้าน มื้อเย็นของวันนี้เป็นแกงส้มปลาช่อน ห่อหมกปลาช่อน กุ้งฝอยทอดสมุนไพร ไข่เจียวกุ้งสับ และผัดผักรวมอีกอย่าง
ระหว่างรับประทานอาหาร สองหนุ่มสาวก็แอบมองสบตากันหลายครั้ง ช่อเพชรสู้สายตาร้อนแรงของคุณอาหนุ่มไม่ไหว เลยเอาแต่หลบหน้าหลบตา
หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น เธอก็เดินตามคุณยายมาส่งภาม
และมารดาของเขากลับบ้าน ซึ่งบ้านของคุณกนกกานต์นั้นอยู่ไม่ห่างจากบ้านของคุณยายมากนัก
“พ่อภามบอกเราหรือยัง แม่ช่อ ว่าจะให้ไปพักอยู่ที่คอนโดฯ ของเขา” คุณยายเอ่ยถามหลานสาวหลังจากที่แขกกลับไปแล้ว
“คอนโดฯ ของคุณอา หมายความว่ายังไงหรือคะ” เธอถามด้วยความสงสัย ไม่เห็นเขาพูดเรื่องนี้กับเธอเลย
“คอนโดฯ ที่จะให้ไปอยู่ตอนเรียนน่ะ ของอาภามเขา”
“คุณอาบอกแค่ว่า ขออนุญาตคุณยายให้แล้ว แค่นั้นเองค่ะ”
“อ้อ... งั้นเราก็รู้เอาไว้ว่าต้องไปอยู่คอนโดฯ ของอาภามเขา เห็นบอกว่าซื้อเอาไว้นานแล้ว แต่ไม่มีคนอยู่ ให้เราไปอยู่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยดูแล
ให้คุณอาเขา”