“งั้นอาขออนุญาตให้เอาไหม บอกว่าจะดูแลช่ออย่างดี” เขาเสนอทางออกให้เธอ เข้าใจความจำเป็นของเด็กสาว อีกอย่างเขาก็อยากดูแลเธอจริงๆ
“เอ่อ...” เธอเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรง เอาอีกแล้ว
ยายช่อ เธอก้มหน้างุดๆ มองมือตัวเอง
โอ๊ย! หัวใจเป็นอะไรนี่ ทำไมถึงได้เต้นแรงแบบนี้
เธอยกมือขึ้นลูบท้ายทอยไปมา บอกตรงๆ ว่าอบอุ่นกับประโยคนั้น
ของเขานัก เหมือนเขาคือแสงสว่างในชีวิต ขณะที่เธอกำลังมืดมน บอกตรงๆ ว่าเธอค่อนข้างมั่นใจว่า หากภามพูดให้ คุณยายต้องอนุญาตแน่ๆ เพราะท่านนิยมชมชอบภามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ช่อเพชรนั่งคิดถึงประโยคของภาม แต่พอคิดไปคิดมากลับรู้สึกว่า
เป็นการรบกวนเขา เพราะเขาต้องดูแลเธอตั้งหลายปีกว่าจะเรียนจบ
“จะเป็นการรบกวนคุณอาไหมคะ กว่าจะเรียนจบก็ตั้งหลายปีแน่ะ”
“ไม่รบกวนหรอก เราไม่ใช่คนเหลวไหลเสียหน่อย อีกอย่าง ถ้าเรา
ขยันเรียน ลงเรียนซัมเมอร์ก็จบเร็วนะ”
“จริงด้วย แต่ปิดเทอมก็ไม่ได้กลับมาหาคุณยายสิคะ”
“ค่อยว่ากันอีกที” เขายื่นมือมาวางบนศีรษะของเธอ ก่อนจะโยกไปมาเบาๆ ท่าทีของเขาที่เอ็นดูเธออยู่มากทำให้เธอเผยยิ้มอย่างอัตโนมัติ
เธอเดินไปดูหม้อพะโล้ กวนเบาๆ ก่อนจะตักมาชิม หมูยังไม่นุ่มพอ
คงต้องเคี่ยวอีกสักหน่อยด้วยไฟอ่อนๆ
“อาชอบกินพะโล้นะ”
“คะ?” เธอมองคนข้างๆ แปลกใจไม่น้อย
“เหมือนช่อรู้เลยว่าอาชอบกินอะไร เลยทำให้กิน”
“ช่อไม่รู้อะไรเลยนะคะ” เธอพูดก่อนจะนึกแล้วทำตาโต วันก่อนคุณยาย
เพิ่งบอกว่าภามชอบกินพะโล้ เธอจำได้ เลยเอามาทำให้เขากิน ตอนพูดกับเขา
ไม่ได้คิดอะไร มันเป็นไปเอง เพราะจิตใต้สำนึกบันทึกเอาไว้ว่าเขาชอบ
“ครับ” เขารับคำในขณะที่เธอหันไปมอง คนตาโตเหมือนนึกอะไรออก รีบกัดปาก เสไปมองทางอื่น
“อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อเขาขยับเข้ามาหา จับมือเธอเอาไว้ ช่อเพชรมอง
ตาปริบๆ แก้มร้อนผ่าว
“คืออาก็ยังไม่มีเมีย”
“ยังไม่มีเมียแล้วเกี่ยวอะไรกับช่อล่ะคะ” เธอดึงมือหนี เดินไปคนพะโล้
ในหม้อ ภามลูบท้ายทอยตัวเองไปมา
เออ... เขายังไม่มีเมีย แล้วไปบอกเด็กมันทำไมกัน
“คือจริงๆ อาก็อยากมีเมียนะครับ”
“อาภามชิมดูสิคะ” เธอตักน้ำพะโล้ใส่ช้อน ก่อนจะจ่อไปที่ปากของเขา พอเขาอ้าปาก เธอก็รีบป้อนทันที
“เติมน้ำตาลสักนิดไหมครับ” เขาบอกเธอ
“อ้อ... ช่อยังไม่ได้เติมน้ำตาลเลยค่ะ” เธอใช้น้ำตาลโตนดที่เคี่ยวใส่ใน
น้ำพะโล้ มันจะได้มีสีสันที่น่ารับประทานและไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป
“คุณอาลองชิมดูสิคะ” เธอตักไปให้เขาชิมอีก เขาก็อ้าปากรับแต่โดยดี
“อร่อยแล้วครับ”
“หมูก็นิ่มแล้วค่ะ เดี๋ยวช่อไปตั้งโต๊ะอาหารเลยดีกว่า คุณยายคงหิวแล้ว”
“เอ่อ... ครับ” ภามจำต้องรับคำ เพราะว่าเธอวิ่งหนีออกจากห้องครัวหลังจากพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ คือเขากำลังจะสารภาพรัก เธอก็ดันมาหนีไปเสียนี่ เลยได้แต่ยืนอึ้งอยู่แบบนั้น
อาหารกลางวันมื้อนั้นทำให้ช่อเพชรมีความสุขไม่น้อย เธอ
แอบมองภามอยู่ตลอดการรับประทานอาหาร เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมาสบกับเธอทุกครั้งที่เธอเหลือบมอง จะเรียกว่าใจตรงกันคงไม่ผิด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ภามก็มานั่งคุยกับคุณยาย ส่วน
ช่อเพชรไปเก็บดอกไม้มาร้อยมาลัย เพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระอีกแล้ว
“งานเรียบร้อยดีไหมพ่อภาม หายหน้าไป ทำคนแก่แถวนี้คิดถึง” คุณยาย
ยิ้มให้อาจารย์หนุ่มที่เอ็นดูเหมือนลูกหลาน
“เรียบร้อยดีครับ”
“เดี๋ยวแม่ช่อเขาจะไปเรียนในเมืองแล้วล่ะ” คนพูดถอนใจ สีหน้ายินดีปนเปไปด้วยความกังวล ยินดีที่หลานสาวสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ ที่กังวลเพราะการเป็นอยู่หลังจากนั้น แม้ช่อเพชรจะไม่เอ่ยปากเรื่องการไปพักอยู่
ในตัวเมืองใหญ่ แต่อย่างไรท่านก็รู้ว่าหากต้องเดินทางไปกลับมันไม่สะดวก เพราะไกล ถึงจะอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่บ้านสวนก็ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
“ผมจะคุยเรื่องนี้กับคุณยายอยู่เหมือนกันครับ” ภามคุยเรื่องสำคัญ
กับคุณยายช่อลดา ก่อนที่ท่านจะยิ้มออกเมื่อมีคนรับปากว่าจะดูแลหลานสาวให้ แถมยังมีที่พักให้อีกด้วย ครั้นจะให้ไปอยู่กันเองกับเพื่อนก็กังวลใจ
ตามประสาคนแก่ที่ห่วงหลานสาวคนเดียว
“คอนโดฯ ของพ่อภามอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยรึ ดีจริง ยายก็หายห่วง แม่ช่อจะได้ไม่ต้องหาที่พักเอาเอง”
“ครับ ผมซื้อเอาไว้ ไม่ได้อยู่ กะจะปล่อยเช่าก็ยังไม่ได้ปล่อยเช่าครับ เพราะต้องหาคนเช่าดีๆ ผมเองมีบ้านอยู่อีกหลัง ถ้าช่อเพชรไปอยู่คอนโดฯ
ใกล้มหาวิทยาลัยก็จะสะดวกมากๆ ในการเดินทาง”
“ยายตกลง ค่าเช่าเท่าไหร่พ่อภามก็บอกมาเถอะ ยายยินดีมากๆ กังวลเรื่องนี้อยู่พอดี แม่ช่อเขาไม่พูด แต่ยายรู้ดี เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย
เขาเกรงใจ คงคิดว่ายายไม่อนุญาต ตอนเด็กๆ น่ะใช่ แต่นี่เขาโตแล้ว จะไปใช้ชีวิต
อยู่ข้างนอกเองบ้าง ยายก็ไม่ได้หวงห้ามหรอก เขาเองต้องเรียนหนังสือหนังหาเพื่ออนาคตของเขา ยายต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา เขาจะได้ดูแลตัวเองได้ เพราะยายเองก็แก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้ คงไม่ได้ดูแลเขาไปตลอดชีวิตหรอก”
“ค่าเช่าผมไม่คิดหรอกครับ แค่ช่วยดูแลห้องให้ ไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม
ก็ดีมากแล้วครับ” บ้านช่องหรือห้องพัก ถ้าไม่มีคนอยู่มักจะทรุดโทรมเพราะไม่ได้ดูแล ช่อเพชรไปอยู่ที่นั่นเขาก็ยินดี
“ได้ยังไงกัน คิดค่าเช่าไปเถอะ ยายไม่มีปัญหา”
“ผมไม่คิดจริงๆ ครับ ให้ช่อเพชรช่วยดูห้องให้แค่นี้ก็พอแล้วครับ”
“งั้นแล้วแต่เราละกัน ยายไม่บังคับแล้ว” เพราะคนพูดยืนยันจะไม่รับ
ค่าเช่า คนแก่เลยไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความ รู้จักนิสัยใจคอกันดี ภามเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เป็นคนมีสัจจะวาจาที่เชื่อถือได้
ช่อเพชรคลานเข่า ถือตะกร้าดอกไม้เข้ามาหาคุณยาย ภามมองร่างน้อยไม่วางตา เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา ก่อนจะหลบวูบ ขณะมานั่งพับเพียบเรียบร้อยใกล้ๆ กับคุณยาย
“เก็บดอกไม้ได้เยอะเชียว เราร้อยมาลัยเผื่อป้านกด้วยนะ พรุ่งนี้ป้านกจะไปทำบุญกับเราด้วย”
“ค่ะคุณยาย”
“ไปนั่งร้อยมาลัยที่ศาลาสิ จะได้เย็นสบาย ยายจะคุยธุระกับป้านก
เสียหน่อย”
“ค่ะคุณยาย” เธอรับคำ ก่อนจะถือตะกร้าดอกไม้ลงมานั่งร้อยมาลัย
ที่ศาลาใกล้ๆ กับบึงบัว
“พ่อภามก็เถอะ นั่งฟังคนแก่คุยกันคงเบื่อแย่ อยากไปเดินเล่นก็ไปเถอะ”
คุณยายบอกยิ้มๆ ภามจึงเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ เป้าหมายของเขาก็คือเด็กสาวที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่ที่ศาลานั่นแหละ
เขามองซีกหน้าหวานหยดของเธอแล้วชะงักฝีเท้า ยืนมองอยู่แบบนั้น จนเธอหันมามอง เนื่องด้วยรู้สึกว่าโดนจ้อง พอได้สบตากันเธอก็หลบวูบ หันไปร้อยมาลัยต่อ
“ขออานั่งด้วยคนนะ” เขามานั่งลงใกล้ๆ กับเธอ กลิ่นกายของเขาทำเธอใจสั่น มือก็สั่นตามไปด้วย
“มือสั่นเป็นอะไร” เขาตะครุบมือที่เธอถือเข็มร้อยมาลัยเอาไว้ เพราะมันสั่น คนโดนตะครุบอุทาน เงยหน้าขึ้นสบตา
“สงสัยอากาศจะร้อนน่ะค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น ก่อนจะหลับตา ยุบหนอ พองหนอ... พอลืมตาขึ้นก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่ขยับเข้ามามองเธอจนชิดใกล้
รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหน้า
ช่อเพชรกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหลบริมฝีปากที่ทาบทับลงมาหา ปากและจมูกร้อนๆ ของเขาเลยโดนแก้มของเธอแทน
“อุ๊ย!”
“แก้มหอมแล้วก็นุ่มด้วย ถ้าอาจะมีเมียแก้มหอมและนุ่มแบบนี้ ช่อว่าไงครับ” เขาถามเหมือนกำลังปรึกษาหารือ อมยิ้มที่เห็นอาการสะเทิ้นอายของ
เด็กสาว
“ไม่รู้สิคะ ขึ้นคานแล้วยังจะเลือกเยอะอีกเหรอคะ” คนที่ถูกหาว่าขึ้นคานถึงกับทำหน้าไม่ถูก ช่อเพชรยิ้มขำสีหน้าของเขา