อาลียาสะบัดตัวจนหลุดจากคนที่คุกคามมาตลอดทางได้ในที่สุด พร้อมลูบผมเผ้าที่หลุดลุ่ยออกมาให้เข้าทรงแบบง่ายๆ แล้วจัดเสื้อผ้าต่อจากนั้น ไม่วายคนตัวโตที่พยายามปล้นจูบเธอมาตลอดทางจะตามลงมาด้วยรอยยิ้มมาดร้ายในแบบของเบลค ก่อนจะคว้าข้อศอกของเธอเอาไว้ก่อน
“ทำไมต้องสะบัดสะบิ้งตลอดทางด้วยหืมลียา ทำเป็นไม่เคยไปได้”
“หยุดเอาเปรียบฉันสักทีได้ไหม”
“เอาเปรียบอะไร เห็นๆอยู่ว่าตอนจบแล้วก็ได้ด้วยกันทั้งคู่...หรือกลัวร็อบกับโทนี่จะเห็น พวกนั้นมันชินตาแล้ว เธอไม่รู้หรอกเหรอ” คนพูดโน้มเข้ามากระซิบกระซาบจนปากเกือบจะแตะโดนปากของเธออยู่แล้ว แล้วเสียงจากสวรรค์ก็ช่วยเธอเอาไว้
“ลียา หลานรัก”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก รีบผละหนีจากซาตานร้ายได้อย่างทันท่วงทีแล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียง “คุณปู่ขา ลียามาแล้วค่ะ”
สมิธอ้าแขนเพื่อรอกอดรับหลานสาวที่ดูอย่างไรก็ยังไม่โตในสายตาของตนเอง เมื่อร่างบอบบางวิ่งเข้ามาสวมกอดได้อึดใจ คนปู่ดันไหล่บางให้ขยับออกเล็กน้อย เพ่งพิศมองหน้าสวย ก่อนจะขมวดคิ้วใส่ “ทำไมดูผอมลง ปู่ว่าปู่ดูไม่ผิดนะเนี่ย แกใช้งานลียาของฉันหนักใช่ไหมเบลค” ว่าแล้วมองข้ามศรีษะเธอ ถามหลานชายคนโตเสียงคาดคั้น
เจ้าของชื่อยักไหล่ก่อนตอบ “ไม่นี่ครับ ถ้าหนักหนาจริง เจ้าตัวคงฟ้องคุณท่านไปแล้วล่ะครับ”
“แล้วหลานออกไปอยู่ข้างนอกทำไม ลียา หรือว่าเป็นเพราะแก เบลค” สมิธไม่วายหันมาดุหลานแท้ๆของตนเอง “แต่เล็กยันโตทำไมถึงชอบรังแกลียานักฮึ”
อาลียายิ้มรับ ลอบกลืนน้ำลายแล้วตอบเสียงอ่อย เธอจะกล้าบอกผู้มีพระคุณที่นับถือเสมือนปู่แท้ๆคนนี้ได้อย่างไร ว่าที่ตนเองต้องระเห็จออกไปอยู่ข้างนอกก็เพราะหลานชายของท่าน
“ลียาอยากออกไปใช้ชีวิตแบบที่ลียาต้องการแค่นั้นเองค่ะปู่ขา ไม่เกี่ยวกับ...เบลคหรอกค่ะ” หญิงสาวหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่กลางวงสนทนาอ้ำอึ้งปฏิเสธว่าที่เธอตัดสินใจออกไปอยู่ข้างนอกนั่นไม่เกี่ยวกับผู้ชายตัวโตที่ทำตัวเหมือนซาตานร้ายนั่นเลยสักนิดเดียว
“อย่างนั้นเองหรอกเหรอ” สมิธสบตาสีนิลกับคนพูดตรงๆอย่างต้องการค้นหาว่าที่หลานสาวคนสวยบอกไม่มีสิ่งใดปิดบังเอาไว้ เธอเองจึงต้องกลั้นใจสบตาตอบชายสูงวัย อึดใจต่อมาสมิธหัวเราะแล้วดึงหลานสาวเข้ามาโอบกอด “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป ทานข้าวกันดีกว่า วันนี้แม่จันเขาเตรียมของโปรดของหลานไว้เต็มโต๊ะเลยนะลูก”
“โอ๋กันขึ้นมาเชียวนะครับ น่าอิจฉาจริงจริ๊ง” เบลคพูดเสียงไม่ดังไม่เบานักไล่หลังตามมา
สมิธตะโกนตอบ ไม่สนใจจะหันมาพูดด้วยแต่อย่างใด “แกนี่ขี้อิจฉาแต่เล็กยันโตเลยนะเบลค”
เมื่อทุกอย่างพร้อมทุกคนจึงได้เริ่มมื้อค่ำด้วยกัน สมิธชวนคุย “ลียาปีนี้อายุเท่าไรแล้วลูก”
“แหม่ ทีถามผม กระโชกโหกฮาก สองมาตรฐานเลยนะครับปู่” เบลคขัดขึ้นน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ใครฟังก็จับได้ว่าคนพูดกำลังหมั่นไส้ปู่
“แกต้องการอะไรจากฉันฮึ เบลค”
“ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่อยากให้ปู่เอ็นดูผมแบบหลานสาวบ้าง”
“ทีหลังแกใส่กระโปรงมานะ ฉันจะได้พูดจาหวานหูอย่างที่แกต้องการเลย ดีไหม”
“แรงนะครับปู่”
“ว่าไงลียา ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้ว”
อาลียาลอบกลืนน้ำลาย เมื่อพอจะรู้บ้างแล้วว่าสมิธเกริ่นนำเพื่อเข้าสู่เรื่องอะไร ดีละ วันนี้เธอจะขอพูดให้เคลียร์กันไปข้าง ถึงสมิธจะรับเธอมาเลี้ยง ให้การเลี้ยงดูที่ดี ไหนจะความรักความอบอุ่น แต่สมิธไม่ใช่เจ้าชีวิตของเธอนะ “ยี่สิบสามค่ะปู่”
“วัยกำลังดี อีกปีสองปีก็เบญจเพส หลานรู้ไหม ย่าของเจ้าแต่งงานกับปู่ตอนอายุเท่าไร” สมิธถามหลานชายหญิงทั้งสอง นัยย์ตาที่นับวันจะฝ้าฟางลงหม่นลงเล็กน้อยพร้อมนึกถึงคู่ชีวิตที่เป็นลูกครึ่งไทย อเมริกันไปพลาง สาวน้อยวัยใยที่ยังคงวิ่งวนอยู่ในความทรงจำไม่เลือนรางไปแม้แต่วินาทีเดียว
“เท่าไรเหรอฮะปู่”
“สิบเก้าก็แต่งแล้ว แต่งปุ้บ ท้องพ่อแกปั้บเลยเอ็ด”
“ไม่ใช่ท้องก่อนแต่งเหรอฮะปู่”
“ทะลึ่งแล้วเอ็ดเวิร์ด” สมิธดุพร้อมเรียกชื่อเต็มของหลานชายคนเล็ก ให้รู้ว่าท่านชักมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว “ปู่เคยบอกไว้จำกันได้ไหม” คนพูดหน้าเครียดลงอย่างเห็นได้ชัดแล้วเสริมต่อ “ปู่รังเกียจที่สุดคือพวกชิงสุกก่อนห่าม ทำไมห๊ะ การที่จะรอคอยจนถึงวันที่เข้าหอมันรอกันไม่ได้เชียวเรอะ ถ้าลูกหลานปู่ทำตัวแบบนั้น ได้เห็นดีกันแน่”
หลานชายหญิงต่างสะดุ้งสะเทือนกันไปเป็นทิวแถว เริ่มจากหลานชายคนโตที่เบนสายตาหลบไปอีกทาง ด้วยเขานั้นเป็นที่หมายหัวของปู่อันดับแรกเลย ปู่รู้พฤติกรรมของเขาดีถึงได้พูดจาส่อเสียดออกมาแบบนี้
เอ็ดเวิร์ดที่เพิ่งขืนใจบังคับแฟนสาวดีกรีพริตตี้เงินล้านไปเมื่อหลายวันก่อนก็เสียวสันหลังวาบๆ
อาลียาคงเป็นคนเดียวที่สงวนท่าทีได้มากที่สุดบนโต๊ะอาหาร เธอเม้มปากแน่น สายตาเหม่อลอยขึ้นมาทันที คนแอบมองอยู่นึกอยากรู้ขึ้นมาบ้างว่าเธอกำลังคิดอะไร
จนในที่สุดประมุขบนโต๊ะอาหารหันมายิ้มหวานกับหลานสาวคนสวยที่อุปการะมาตั้งแต่แบเบาะไม่ต่างจากที่รับเลี้ยงเอ็ดเวิร์ดจากลูกชายและลูกสะใภ้ที่ตายไป “ผู้หญิงน่ะยังไงก็อ่อนแออยู่วันยังค่ำ ต้องมีคนดูแล ยี่สิบสามยี่สิบสี่นี่กำลังดีนะปู่ว่า เหมาะแล้วที่จะมีคู่”
“เอ่อ ปู่ขา ลียายังไม่มีใครค่ะ แล้วก็ไม่คิดจะแต่งงานกับใครด้วย ลียาว่าลียาอยู่เป็นโสดแบบนี้ไปเรื่อยๆดีกว่าค่ะปู่”
เบลคที่กำลังเคี้ยวข้าวถึงกับตากระตุกขึ้นมาทันที ตาสีเทาวาววับจ้องหลานสาวคนดีของสมิธตาเป็นมัน สมิธที่กำลังหว่านล้อมก็ชะงักงันไปเหมือนกัน
“หนูต้องแต่งงานนะลียา ผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวจะดูแลตัวเองได้ยังไงกันล่ะลูก”
“แต่หนูก็อยู่มาได้จนอายุยี่สิบสามแล้วนะคะปู่”
“ยี่สิบสามที่ผ่านมาเนี่ย หลานมีปู่ มีเบลคคอยดูแล แต่จากนี้ไปปู่จะให้เอ็ดเวิร์ดมันคอยดูแลหลานต่อ ตลอดชีวิตเลยดีไหมลูก”
“ปู่หมายความว่ายังไงคะ”
“ปู่จะให้หลานกับเอ็ดเวิร์ดแต่งงานกัน”
เคว้ง!
เสียงช้อนในมือเบลคหล่นกระทบจานข้าวอย่างดัง คล้ายจงใจมากกว่าจะหลุดมือแบบไม่ตั้งใจ “ขอโทษครับ พอดีมือผมไม่ค่อยมีแรง”
สมิธตาขวางใส่คนที่คอยขัดจังหวะ แล้วหันมาหว่านล้อมต่อ “ว่าไงล่ะลียา”
“ไม่ดีหรอกค่ะปู่ ลียาอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือว่าปู่เบื่อที่ต้องมาดูแลหนูแล้วคะ”
“ไม่เลยลูก คิดอะไรแบบนั้นกันหลานคนนี้”
“ถ้าอย่างนั้นเป็นอันตกลงว่าลียาไม่แต่งนะคะ อีกอย่างลียาก็ไม่ได้รักพี่เอ็ดเวิร์ดแบบคนรักด้วย จะแต่งงานกันไปได้ยังไงล่ะคะปู่”
“แล้วเจ้ารักใคร” จู่ๆสมิธก็โพล่งถามขึ้นมาทันที จากสรรพนามหวานๆแปรเปลี่ยนเป็น ‘เจ้า’ แสดงว่าเริ่มมีอาการขุ่นเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว
คนที่กลั้นใจรอลุ้นกลับเป็นคนที่บอกว่าตนเองมือไม้อ่อนเมื่อนาทีก่อนหน้านี้ ในใจนึกอยากได้ยินเสียงหวานๆ บอกกับทุกคนว่า ‘เธอรักเขา’ พอดึงสติกลับมาได้ก็เสวางช้อนในมือลง หันมาหยิบแก้วน้ำข้างๆขึ้นจิบ แล้วทำไมเขาถึงอยากได้ยินประโยคแบบนั้นกันเล่า
“ระวังหล่นแตกอีกล่ะ” สมิธหันมาบอก
“อะไรครับ”
“แก้วในมือแกไงเบลค เห็นว่ามือไม่ค่อยมีแรง ให้ลูกน้องแกป้อนดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ ว่าแต่ปู่เถอะคุยกับหลานสาวสุดที่รักต่อเถอะ ผมไม่อยากขัดคอ”
“รู้ตัวก็ดี” สมิธแขวะก่อนจะหันมาหาหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะอาหารนั้น “ว่าไงลียา แล้วเจ้ารักใคร”
“ลียายังไม่รักใครค่ะปู่”
“งั้นก็ดีเลย ปู่ไม่ได้ให้เจ้าสองคนแต่งกันวันนี้ พรุ่งนี้หรอกน่า ลองคบกันไปก่อน อีกสักปีปู่ว่าบัดนั้นเจ้าสองคนคงรักกันพอดี ขี้คร้านจะมากราบปู่ที่ชี้ทางให้”
“ทางอะไรครับปู่” เบลคถามเสียงหยันๆ
“ทางรักน่ะสิ เบลคแกเป็นอะไรนักวันนี้ ขัดปู่จัง”
จวบจนจบมื้ออาหาร สมิธสั่งให้เอ็ดเวิร์ดและหลานสาวสุดรักสุดหวงออกไปเตรียมกระดาน crossword รอที่สวนริมสระ แล้วนั่งคุยเรื่องงานต่อกับเบลคในห้องนั่งเล่น
“ปู่อยากรู้เรื่อง Htech ทำไมพวกมันถึงเปิดตัวซอฟต์แวร์ที่แบบเหมือนของเราได้ขนาดนั้น”
“ผมพลาดเองครับ” เบลคโน้มตัวมาด้านหน้า มือสองข้างประสานกันแน่น สายตาครุ่นคิดถึงตัวปัญหาที่บังอาจล้วงข้อมูลของเขาเอาไปขายให้บริษัทคู่แข่งอย่างนั้น
“แล้วแกจัดการมันได้หรือยัง”
“ยังครับ”
“ไม่ได้เรื่อง” สมิธตวาดเสียงกร้าว “สั่งสอนให้มันรู้ ว่าอย่ามาล้อเล่นกับเราแบบนี้อีก” สมิธลูบคางตัวเองไปมาแล้วบอกแกมบังคับ “เสาร์หน้าฉันนัดกับเพื่อนเก่าเอาไว้ เดี๋ยวแกไปกับฉันด้วย”
“นัดเพื่อนเอาไว้ แล้วทำไมผมต้องไปด้วยละครับ”
“ฉันอยากให้แกกับหลานสาวเขาได้รู้จักกันเอาไว้ ฉันบอกแกเอาไว้เลยนะเบลค ว่าหลานสาวเพื่อนฉันเนี่ย สวย เก่ง เป็นกุลสตรีศรีสยามแบบที่ห่างไกลจากแม่ของแกเยอะเลย”
“อย่างนั้นแล้วยังอยากจะมีหลานสะใภ้เชื้อสายไทยอีกเหรอครับ นึกว่าเข็ดขยาดจากลูกสะใภ้แล้วสะอีก”
“ฉันไม่ใช่พวกหัวหงอกกะโหลกกะลานะเว้ย ทุกสังคมมันมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไปหมดนั่นแหล่ะ ใช่ว่าแม่แกไม่ดีแล้วผู้หญิงไทยคนอื่นๆเขาจะเป็นแบบแม่แกเสียเมื่อไหร่เล่า”
เบลคพยักหน้ารับคำโดยไม่พูอะไรอีก ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกว่าหกฟุต “ว่าแต่...เราออกไปที่สวนได้หรือยังครับ ผมคันไม่คันมืออยากเล่น crossword จะแย่อยู่แล้วครับ”
สมิธเลิกคิ้วมองหลานชายคนโตด้วยสายตาสงสัย “แกชอบเล่นเกมพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไรกันเบลค”
เจ้าของชื่ออยากตะโกนออกไปว่าเขาชอบเล่นตั้งแต่ปู่บอกให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปเตรียมของรอพร้อมน้องชายของตัวเองนั่นแหละ
“ก็...แหมนายท่านครับ จำไม่ได้ล่ะสิว่าผมชอบมาตั้งนานแล้ว”
“No no no ความจำฉันดียิ่งกว่าระบบซอฟต์ของแกเสียอีกเบลค อย่าลืมว่าฉันเป็นใคร พวกแกชอบไม่ชอบอะไรทำไมปู่จะจำไม่ได้”
“เฮ้อ ความจำไม่ดีแล้วปู่น่ะ ไปครับ เราออกไปดูสองคนนั้นกันดีกว่า” เบลคผายมือออกเป็นเชิงเชิญ ใจนึกไปสารพัด ไม่อยากสักนิดที่จะให้สองคนนั่นแต่งงานกันจริงๆ อย่าว่าแต่แต่งงานกันเลยแค่คุยกันสองต่อสองใจเขาก็แทบเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วตอนนี้ เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับเอ็ดเวิร์ด เธอไม่เหมาะสมกับน้องชายเขาเลยแม้แต่น้อย
ที่สวนริมสระ อาลียาที่เตรียมอุปกรณ์การเล่นจนเรียบร้อยแล้ว นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวอย่างหมดแรง มองจ้องหน้ากับชายหนุ่มหน้าตาดี ที่ใครๆเห็นเป็นต้องกรี๊ดจนสลบ แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“ลียา คิดออกหรือยัง เรื่องของเราน่ะ พี่ไม่อยากแต่งงานเลยให้ตายเถอะ”
“ทำยังกับว่าลียาอยากงั้นแหล่ะค่ะ”
“แล้วเราจะทำยังไงดี”
“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยค่ะ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ แล้วตกลงว่าพี่บอกลิลหรือยังคะ”
“บอกแล้ว ลิลไม่ยอมเข้าใจอะไรพี่เลย เจอกันเมื่อสามวันก่อน อยู่ๆก็เงียบไป โทรหาก็ไม่รับสาย”
“อ้อ ใช่ค่ะ เห็นส่งข้อความบอกว่าลิลรับงานเอาไว้ที่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ”
“แล้วทำไมถึงยังรับงาน พี่บอกลิลไปแล้วนะว่าไม่ให้รับงานอีก”เอ็ดเวิร์ดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง นึกฉุนที่คนรักดื้อรั้น “พี่กลัวลิลคิดมากจังเลยลียา”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน นู่นแน่ะปู่มาแล้ว หยุดคุยเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า” อาลียาปั้นหน้าแย้มยิ้มก่อนเรียกชายสูงวัยเสียงหวาน
“ปู่ขา”
“คุยอะไรกันสองคนกระหนุงกะหนิงเชียว เริ่มรักกันบ้างรึยัง”
ร่างสูงสง่าที่เดินตามหลังสมิธมา กลอกตามองฟ้าด้วยความเบื่อหน่าย อย่าว่าแต่สองคนนั้นเลย เขาเองก็ไม่อยากให้ทั้งสองต้องมาแต่งงานกัน แต่จะทำยังไงได้ สมิธเหมือนคนอื่นที่ไหน เมื่อก่อนว่าเอาแต่ใจแล้ว พอจัดแซยิดให้นี่กลายเป็นฝรั่งสูงอายุที่เอาแต่ใจมากขึ้นไปอีก
จำได้แม่นเชียวว่าคราวก่อนเอ็ดเวิร์ดขัดใจเรื่องที่จะไปเป็นนายแบบแทนรับช่วงต่อที่ S&G พอสมิธรู้ถึงกับจ้างคนสร้างเพจแอนตี้หลานรัก คงกะจะให้อยู่ในอาชีพนั้นไม่ได้เชียว แถมยังใช้อำนาจเงินบังคับค่ายหนัง ค่ายเพลง ไม่ให้รับเอ็ดเวิร์ดเข้าสังกัด จนคนเป็นหลานต้องยอม แล้วตกลงกันได้ครึ่งทางคือทำงานในวงการบันเทิงด้วย พร้อมกับควบตำแหน่งใน S&G ไปด้วย เบลคเห็นรอยยิ้มของปู่แล้วเสียววาบไปทั้งสันหลัง นี่ถ้าปู่รู้ว่าเขาจัดการแม่หลานสาวสุดที่รักไปแล้ว ไม่แน่ว่าคงชะตาขาดกันงานนี้
“คิดอะไรเบลค ปู่ถามคำถามแกยากขนาดนั้นเลยเรอะ”
“ว่าไงนะครับ”
“ปู่ถามแกว่าสองคนนี้เค้าเหมาะสมกันดีหรือเปล่า แกเห็นเหมือนปู่ไหมว่าสองคนนี้เริ่มฉายแววคู่รักออกมาแล้ว”
ได้ยินแล้วเบลคแอบเบ้ปาก ไม่ยอมตอบว่าเหมาะสมกัน เพราะเขาไม่เห็นว่าสองคนนั่นจะเหมาะสมกันสักนิด แอบมโนว่าถ้าเป็นเขาเองจะเหมาะกับหลานสาวคนสวยของปู่มากกว่าเสียอีก
จบเกมกินเวลาไปกว่าสองชั่วโมง สมิธก็อ้อนหลานสาวให้พักที่นี่คืนนี้ อาลียาที่เตรียมตัวมาแล้วว่าจะพักอยู่เหมือนกัน แต่พอเหลือบไปเจอสายตาของใครบางคน ชักใจไม่ดีไม่อยากค้างที่นี่เสียอย่างนั้น พอนึกขึ้นได้ว่าอีกสองวันเบลคต้องไปพัทยากับสาวๆและคงค้างที่นั่น เธอจึงต่อลอง
“วันนี้ลียาไม่ได้เตรียมตัวมาเลยค่ะปู่ เอาไว้ศุกร์นี้ดีกว่า คืนนี้ลียาขอกลับห้องก่อนนะคะ”
สมิธทำหน้างอขึ้นมาทันทีที่หลานสาวคนสวยปฏิเสธ “แต่ปู่อยากให้หลานอยู่ด้วย ออกไปอยู่แบบนั้นไม่รู้ว่าปลอดภัยหรือเปล่า”
อาลียานึกต่อในใจว่าข้างนอกนั่น ปลอดภัยกว่าในนี้เป็นไหนไหน ยิ่งใกล้เบลคเธอรู้ว่ายิ่งอันตราย
“ปลอดภัยแน่นอนค่ะปู่รับรองได้ ลียาไปนะคะ”
“วันศุกร์แน่นะ” ชายสูงวัยอ้อนต่อ ย้ำถามอีกครั้ง
“แน่นอนค่ะ”
“ไป เดี๋ยวไปส่ง” เบลคโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหลานสาวสุดที่รักของสมิธทำท่าล่ำลาจนเรียบร้อย
สมิธยั้งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหลานชายคนโตตั้งท่าลุกจากเก้าอี้ “ไม่ต้องเบลค ให้พวกลูกน้องของแกมันไปส่งไป”
“ไปนะคะ” พอเธอโบกมือลาชายสูงวัยที่ยืนอยู่ดีดีก็เซแซ่ดๆ เสียงเรียกดังระงมไปทั่วสวนด้านหน้าคฤหาสน์หลังงาม
“ปู่!”
“คุณท่าน!”