มือเล็กคว้าถุงขึ้นมาถือเกือบเซเพราะความหนัก คงไม่ได้เหมามาทั้งห้างหรอกใช่ไหม พอจะเดินกลับออกไปหันกลับมาสายตาก็อยู่ที่ระหว่างต้นคอของใครคนนั้น
“ยายเตี้ย”
“ไอ้เปรต!”
ธัญธาราอึ้งงัน ว่าอะไรนะเมื่อกี้ยายเด็กมีนาด่าเขางั้นเหรอ
“เดี๋ยว” รีบหันไปคว้าแขนไว้ดีนะยังทัน ขาสั้นๆ กับของหนักๆ ก้าวได้ไม่เร็วนักหรอก “ดึกแล้วพักที่นี้”
“ดึกแล้วน่ะสิ ถึงต้องรีบไป”
“พยศดีนะวันนี้ ขึ้นเตียงกันไหม”
มีนเอ๋อรับประทานนอกจากจะปากไม่มีหูรูดแล้วยังชอบพูดจาลามกกับเธออยู่เรื่อย
“ผมชอบเวลาที่คุณขึ้นให้ ชอบท่าที่ผมเห็นของเราเชื่อมกัน”
“….” มือเล็กกำถุงในมือแน่นแล้ว กำลังเดาว่าถ้าออกแรงเขวี้ยงมันจะถึงหน้าหล่อกวนบาทาหรือเปล่า คิดดีแล้วไม่ถึงแน่เก็บแรงไว้นั่งเรือกลับเกาะดีกว่า
“ทำอะไรให้กินหน่อยสิ”
“ฉันไม่ใช่แม่บ้าน ไม่ใช่คนครัว”
“เงินที่เธอได้ไปทุกเดือนมันมากกว่าคู่นอนธรรมดาอย่างเธอจะได้นะ”
“พูดแบบเดิมอีกครั้งหน่อยค่ะ” ต่อให้แขนหักเธอก็จะเขวี้ยง อย่าท้าทายเวลาคนโมโหจนตัวสั่น
“จะไปเอาน้ำ ออกมาต้องมีอะไรเตะลิ้น”
ไม่ได้กลัวอะไรหรอก ขาสั้นแขนสั้นคอตันขนาดนั้นจะทำอะไรผู้ชายสูงเกือบร้อยเก้าสิบอย่างเขาได้แค่แอร์ในบ้านมันไม่เย็นเลยอยากไปอาบน้ำเท่านั้นเอง
“นี่บ้านปลูกพริกเรอะ?” มือแกร่งขยี้ผมเปียกชุ่มแรงๆ ให้หยดน้ำกระเด็นไปชโลมใจคนหน้าบูดหน่อย ข้างในมันร้อนใกล้ระเบิดแล้วสินั่น ก็ไม่ได้อยากจะติหรอก แต่!
“อืม ไม่พอใจก็ไปซื้อกิน ชอบซื้อกินไม่ใช่เหรอ”
แดกดันกลับแล้วหนึ่ง ธัญธารามองทอดไข่เจียวใส่ชะอมสามยอดนอกนั่นพริกหั่นสีสดกว่าเฟอร์รารี่เขาอีก ต้มยำกุ้งแต่ทำไมเม็ดพริกมันลอยขึ้นเยอะกว่ากุ้ง ไหนจะข้าวผัดปูอันนี้สงสัยจะใส่พริกแทนปูพึ่งรู้ว่าบ้านเธอขาดแคลนอาหารทะเลก็วันนี้แหละ
“ไม่กินก็เอาทิ้งไป กลับก่อนนะคะนาย” ยังไม่เลิกประชดเขาอีก ก็เหมาครีมมาให้ทั้งห้างแล้วไง จองล่วงหน้าไว้ให้แล้วด้วยเข้าไทยวันไหนพ่อจะไปซื้อมาโบกใส่หน้าให้
“แม่ง นิสัยเด็กจังวะ” รู้ตัวอีกทีก็ตอนเจอเข้ากับสายตาว่างเปล่าที่เธอมองมา มันจุกในอกเพราะมีนาไม่เคยมองเขาแบบนี้ เขาเผลอปากสุนัขไม่รับประทานใส่เธออีกแล้วใช่ไหม
“ชอบไม่ใช่เหรอ ปีสองปีสามอ่ะ”
“อืม น่ารักฉิบหาย” ยิ้มหวานตาลอยไปหนึ่งที พอตากลับมาปกติรายนั้นถึงประตูบ้านแล้ว สับขาสิครับรออะไร “แหกตาดูมืดขนาดนี้จะเดินไปท่าเรือเองหรือไง อยากมีผัวเป็นขี้ยาแถวหน้าซอยเหรอ”
วันวันหนึ่งพ่นแต่ประโยคอะไรออกไปก็ไม่รู้
“ฉันจะนอนห้องรับแขก”
ทีกับลูกน้องเขาพูดเพราะจริงนะ ธัญธารามองตามร่างเล็กไปจนเธอหายวับไปที่ห้องรับแขกจริงๆ ส่วนเขาก็หิวจนตาลายเผ็ดตายก็อาหารฝีมือเมียล่ะวะ
หมายถึงคู่นอนครับ!
ประมาณห้าทุ่มมันนอนไม่หลับร่างกายกระสับกระส่ายเหมือนอยากโดนปะทะ อยู่กันมาสองปีผู้หญิงห้องข้างๆ กลัวอะไรชอบอะไรเขาพอรู้จากไอ้ปินไอ้ปืนมาบ้าง จากนั้นก็จัดการเชื่อมกับลำโพงรอบห้องความดังจัดเต็มจากนั้นก็ค้นหาเล่าเรื่องผีไปเลย
ไม่ถึงสิบนาทีหรอกตำรวจอาจจะมา ลดเสียงเอาแบบพอดีเดี๋ยวข้างบ้านแตกตื่นกันหมด เบาๆ แต่ถึงหูคนข้างห้องแน่นอน แต่เปิดไปหนึ่งเรื่องสองเรื่องก็ยังไม่มีวี่แวว หรือยายนั้นหลับไปแล้วหลับง่ายขนาดนั้นเชียว
กดปิดแล้วเดินไปเปิดประตูว่าจะไปดูสักหน่อย พอเปิดประตูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแต่หลังไวๆ เดินอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ครั้งนี้แม่งโกรธกูจริงแล้วไง สับขาวิ่งรอบสองดิครับรอใครมาเล่าเรื่องอกหักให้ฟังล่ะ
“ว้าย!” ร่างเล็กลอยหวือขึ้นจนเธอผวาพอรู้ว่าเป็นฝีมือคนที่กลั่นแกล้งเธอด้วยการเปิดเรื่องผีก็ชักโมโหขึ้นมาอีกแล้ว “ปล่อยนะ!”
“เป็นเหี้ยไรนักหนา จะโกรธอะไรนานขนาดนั้น นิสัยแบบนี้เมื่อไหร่จะเปลี่ยน”
“แล้วทำไมต้องโกหก ประชุมที่วัดกับเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออะนะแซ่บไหมล่ะอาหารที่ถือไปถวายพระน่ะ” เอาสิมาลับคมฝีปากกันสักหน่อย
“อย่าพูดถึงพลอยแบบนั้น อย่าให้ได้ยินครั้งที่สอง” ธัญธาราเปลี่ยนสายตาเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
“ใช่ๆ ใครจะกล้าพูดถึงคนของคุณธัญกัน” เอาเลยให้แตกกันไปข้างล่ะวันนี้ เขาบอกหล่อนย้ำหล่อนจี้ใส่สมองหล่อนตลอดว่าอย่ามั่ว อย่าโกหก อย่าทำอะไรลับหลัง วันนี้เขาทำมันทั้งหมดใครจะใจเย็นอยู่ได้
“บอกให้หยุดแล้วนะ”
“....”
มีนาเลือกที่จะเงียบเพราะมันจุกในอกเหลือเกินหล่อนไม่รู้จะสรรหาอะไรกับคนตรงหน้าแล้วเหมือนกัน ถ้าหล่อนรักเขาน้อยลงกว่านี้หล่อนจะไปแบบไม่ลังเลเลย แต่นี่รู้ทั้งรู้ว่าเขาหลอกแต่วันนี้หลอนสงบ ไม่ไปอาละวาดให้วัดพัง แถมยังต้องมาได้ยินน้ำเสียงเย็นชา สายตาตำหนิที่มองมาอีก
“จะคบกันก็พูดก็แค่บอกมาดิวะ เป็นเหี้ยอะไรอ่ะกั๊กไว้อยู่นั่นแหละ!” เธอสุดแล้วสุดแล้วจริงๆ จากที่ไม่เคยหยาบคายใส่เขาเลยสักครั้งเธอก็พลั้งปากไปแล้ว
“การที่ผมทำดีกับคุณบ้าง ใส่ใจคุณบ้าง ที่จริงแล้วผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย อย่าสำคัญตัวมากไปสิ ไปสงบสติสักสามสี่เดือนค่อยขึ้นฝั่งนะมีน” พูดจบธัญธาราก็เดินไปคว้าสูทแล้วเป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านไปเอง