บทที่6/1
องค์หญิงเหมยเจียงรับน้ำชาจากลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าแช่มชื่น นางรอคอยเวลานี้มายาวนาน วันที่เด็กคนนี้จะแต่งเข้าจวนสกุลเฉิน บุตรชายของนางจะได้มีสตรีคอยดูแลภายในจวน นางจะได้หมดห่วงเสียที
“แม้จะมีผ้าคลุมเจ้าสาวอยู่ ข้าก็เดาว่าเจ้าต้องงดงามไม่ต่างจากเผยฮูหยินสมัยสาว ๆ แน่ ๆ สกุลเฉินขอต้อนรับ จากนี้ไปเจ้าเป็นคนของสกุลเฉิน ตายไปก็เป็นผีเฝ้าสกุลเฉิน ความในห้ามนำออก ไฟนอกห้ามนำเข้า เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่อิงอิง” องค์หญิงเหมยเจียงกล่าวต้อนรับลูกสะใภ้ ทุกคำพูดแฝงไปด้วยความในมากมาย
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ” แม่สื่อที่ยืนประกบข้างกระซิบข้างหูเสียงเบา “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะท่านแม่” เผยอิงยอบตัวลงอย่างอ่อนช้อย จนองค์หญิงเหมยเจียงอดยกยิ้มที่จะเอ็นดูนางไม่ได้
“พรุ่งนี้เจ้าไม่ได้ตื่นมายกน้ำชาข้า วันอื่น ๆ ก็ไม่ต้อง” สิ้นคำขององค์หญิงเหมยเจียง เจ้าสาวก็ถูกเหล่าแม่สื่อประคองออกจากพิธีไป เพราะจากนี้จะเป็นงานเลี้ยง ซึ่งเจ้าสาวมีหน้าที่เพียงไปรอที่เรือนหอเท่านั้น
“ฮูหยินคงสงสัยว่าเหตุใดองค์หญิงเหมยเจียงถึงไม่ให้ท่านยกน้ำชา ท่านอย่าคิดว่าท่านไม่ได้รับการต้อนรับจากพระนางเลยนะเจ้าคะ เพียงแต่หลังจากมอบจวนให้ท่านชายแล้ว พระนางก็ขอฮ่องเต้กลับเข้าไปอยู่ในวังหลัง จบงานเลี้ยงคืนนี้พระนางคงจะเสด็จกลับวัง ข้าลืมแนะนำตัว เรียกว่าข้าว่าป้าจง ข้าเป็นแม่บ้านใหญ่ของสกุลเฉิน จากนี้ไปข้าน้อยขอฝากตัวฮูหยินด้วยนะเจ้าคะ”
“ท่านไม่ใช่แม่สื่องั้นหรือ” เผยอิงหันขวับกลับมามองคนที่นางคิดว่าเป็นแม่สื่อมาตลอด แม้ตลอดการเดินทางผ่านมานางจะไม่ได้แนะนำตัวว่าเป็นแม่สื่อ แต่ด้วยที่นางแทบจะไม่พูดและคอยดูแลเผยอิงมาตลอดทาง เผยอิงจึงคิดว่าเป็นหนึ่งในแม่สื่อที่มารับ
“ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นแม่สื่อนิเจ้าคะ” ป้าจงยกยิ้มเย็น
“เขาส่งท่านไปจับตาดูข้างั้นหรือ” เผยอิงกัดริมฝีปาก เดินข้ามประตูเรือนหอเข้าไปด้วยอารมณ์โกรธ เฉินเฟยอวี่ไม่ให้นางนำสาวใช้หรือบ่าวรับใช้มาเลยสักคน เขาเขียนในจดหมายชัดเจน และคนที่มอบจดหมายนั่นให้นางก็คือป้าจงคนนี้
‘จวนสกุลเฉินใช่ว่าผู้ใดจะเข้าออกได้ง่ายดาย จะมีเพียงบ่าวรับใช้ของสกุลเฉินที่ถูกคัดสรรเท่านั้น หากว่าที่ฮูหยินของข้าต้องการสาวใช้ข้างกาย เมื่อแต่งเข้าสกุลเฉินแล้วข้าจะจัดหากให้ จึงไม่จำเป็นต้องมีผู้ใดติดตามมาให้เสียเวลาหากเจ้าพามาด้วยข้าจะไล่กลับหรือขายทิ้ง’
เผยอิงอ่านข้อความในกระดาษนั่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ตัวอักษรแข็งกระด้างบอกความรู้สึกที่เบ้ามีต่อนางได้เป็นอย่างดีปรึกษาท่านพ่อ ท่านก็ว่าเอาตามนั้นไม่จำเป็นต้องนำใครติดตามมาด้วย เป็นเหตุให้เผยอิงต้องเดินทางมาเมืองหลวงตามลำพัง เฉินเฟยอวี่ตัดแขนขาของนางตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวเข้าประตูจวนสกุลเฉินเลยด้วยซ้ำ
เจ้าสาวในชุดมงคลสีแดงถูกทิ้งไว้เพียงลำพังในห้องหอ ตั้งแต่เสร็จพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเผยอิงก็ถูกจับให้มานั่งอยู่ภายในห้องนี้ มีแม่สื่อนั่งอยู่ไม่ไกล นางยังจำสีหน้าของเจ้าบ่าวของตนได้ไม่ลืม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนอยากแต่งงานกับนางแท้ ๆ แต่เหตุใดเฉินเฟยอวี่ถึงมีสีหน้าถมึงทึงคิ้วขมวดปมตลอดงาน ผู้ใดมองก็เดาไม่ยากว่าบุรุษผู้นี้มิได้อยากแต่งกับนาง
เผยอิงจำไม่ได้ว่าพิธีการดำเนินอยู่นานแค่ไหน นางเพียงทำตามการจับจูงของเจ้าบ่าว จนได้ยินเสียงบอกให้ บ่าวสาวคารวะกันและยกน้ำชาให้มารดาของเฉินเฟยอวี่