บทที่5/2
เผยอิงถอนหายใจแล้วหายใจอีก นางคาดว่าขบวนเกี้ยวของตนคงถึงเมืองหลวงในเจ็ดวัน แต่นี่อะไรเอะอะจอดพัก นี่ก็ปาเข้าไปวันที่สิบแล้วเพิ่งจะมาถึงประตูเมืองหลวง ตกลงคนพวกนี้แท้จริงมีฤกษ์แต่งงานจริง ๆ หรือ
“อย่าบอกนะว่าจะจอดพักอีกแล้ว” เผยอิงเปิดผ้าม่านออกไปถามแม่สื่อที่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเกี้ยวของนางหยุดการเคลื่อนตัว
“โธ่คุณหนูเจ้าคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้แต่ง ทันฤกษ์แน่นอน ข้าพาเจ้าสาวเดินทางแต่งงานข้ามเมืองมาไม่รู้กี่คนไม่มีผู้ใดไปไม่ทันฤกษ์งามยามดีสักคน” แม่สื่อยกผ้าเช็ดหน้าป้องปากหัวเราะคิกคัก
เผยอิงลอบเบ้ปากใครจะอยากแต่งกับบุรุษเสเพลเช่นนั้นก็แต่งไปเถอะ ข้าไม่อยาก แต่เพื่อผลประโยชน์ที่ตามมานางไม่มีทางเลือกอื่น
ขบวนเจ้าสาวเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองหลวงได้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจวนเจ้าบ่าวเสียที
“ท่านป้าอีกนานไหมเจ้าคะ” เจ้าสาวในเกี้ยวถามขึ้นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้
“ถึงนานแล้วเจ้าค่ะ”
“อ้าว ถึงแล้ว แล้วทำไมไม่หยุดเกี้ยว” จะวนรอบเมืองหลวงเลยหรือไง มือบางเปิดผ้าม่านออกมาดู นั่งรถม้ามาตลอดสิบกว่าวันแบบนี้นางก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
“คุณหนูผ้าคลุมหน้า” แม่สื่อเอ็ดเจ้าสาวที่ยกหน้าคลุมหน้าขึ้นให้ผู้อื่นเห็นก่อนเจ้าบ่าว รีบคว้าผ้าผืนนั้นกลับเข้าที่เดิมอย่างรวดเร็ว “ท่านเห็นกำแพงนี่ไหมเจ้าคะ ตลอดกำแพงหินนี่คือจวนท่านชายเฉิน” แม่สื่อเอ่ยเสียงเรียบไม่นิดเล่นตลกอย่างหลายวันที่ผ่านมา
เผยอิงมองตามนิ้วชี้ของแม่สื่อ นางมองไปจนสุดสายตาก็ยังไม่เห็นว่ากำแพงที่ว่าจะสิ้นสุดที่ใด
“จวนของท่านชายเฉิน เดิมคือวังเดิมขององค์หญิงเหมยเจียง เสด็จแม่ของท่านชาย แต่พอมอบให้ท่านชายแล้วจึงไม่ได้เรียกเป็นวังอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ทำให้จวนแห่งนี้ใหญ่โตมโหฬารกว่าจวนทุกหลังในเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นรองก็เพียงวังหลวงของฮ่องเต้เท่านั้น” เป็นเสียงของแม่สื่ออีกคนที่เงียบไม่พูดไม่จามาตลอดทาง
นางพยักหน้ารับรู้มีจวนใหญ่ขนาดนี้ก็ยังมาอยากได้เหมืองทองของท่านพ่อข้าอีก
ไอ้คนโลภมาก
เจ้าสาวนั่งถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายอยู่อีกหลายหน จนเกี้ยวเจ้าสาวหยุด แม่สื่อขึ้นเกี้ยวมาตรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมเจ้าสาวก่อนจะพยุงนางลงจากเกี้ยว
มือเท้าเรียวบางแตะพื้น เผยอิงเงยหน้าขึ้น นางสอดส่องสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อสายตาปะทะบุรุษเบื้องหน้าสายตาที่มองนางไม่วางตาทำเอาเผยอิงลมหายใจสะดุด
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ยืนสง่าผ่าเผยอยู่ด้านหน้าสุดของประตูจวน ชุดที่เขาใส่บอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาคือเจ้าบ่าวในวันนี้แต่ที่เผยอิงตกใจคือใบหน้าของเขา ไหนกู้เฉิงกงบอกว่าเขาคือบุรุษที่เสเพลที่สุดของเมืองหลวง หากตีความหมายแฝงตรงตามตัว บุรุษที่ว่าจะต้องมีดวงตาขี้เล่น รอยยิ้มเจ้าเลห์เอาไว้ล่อลวงสตรี แล้วเหตุใดใบหน้าเฉินเฟยอวี่จึงเป็นเช่นนี้
ชายในชุดแดงจ้องมองเจ้าสาวตั้งแต่นางโผล่พ้นประตูเกี้ยว
เผยอิงเดินตามแรงประคองของแม่สื่อไปด้วยใจหวาดหวั่น เขาไม่เหมือนอย่างที่นางจินตนาการเอาไว้เลยสักนิด ยามที่เขาจดจ้องนางแม้จะมีคลุมหน้าสีแดงอยู่ แต่ทำเอานางเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง แม้ในขณะที่นางก้าวผ่านเตาไฟตามธรรมเนียม เผยอิงกลับไม่รู้สึกถึงความร้อนนั่นเลยสักนิด
“เอ๊ะ” เผยอิงสะดุ้งเมื่อแม่สื่อส่งมือของนางให้เจ้าบ่าว แต่แทนที่เขาจะประคองนางเข้าจวน กลับบีบมือนางแน่น
‘คงมิใช่ข้าฝ่ายเดียวที่ฝืนใจแต่งงานในครั้งนี้’