นัยน์ตาสีรัตติกาลมองภาพชายหญิงผ่านจอเพื่อดูพฤติกรรมของทั้งสองคน พิกุลเข้ามาทำงานที่นี่เพราะชายหนุ่มที่ชื่อกวีเป็นคนแนะนำ อัศวินไม่ได้รู้จักมักจี่กับชายคนนี้นักแต่เพราะหัวหน้าเชแนะนำมาเลยรับเข้าทำงาน แต่เขาไม่ยักจะรู้ว่าทั้งสองสนิทสนมถึงขั้นที่ยิ้มแย้มให้กันไม่ขาด ไหนจะการแตะเนื้อต้องตัวที่เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ นั่นอีก
อัศวินมองภาพตรงหน้านิ่ง ๆ ตอนที่มาสัมภาษณ์งานเธอปากเก่งจนเขาอยากปราบให้สิ้นพยศ ทว่าในการทำงานวันแรกเหมือนหญิงสาวจะรู้ฐานะและปรับตัวเป็นอย่างดี จนเรื่องสนุกที่คิดไว้พังไม่เป็นท่า
ที่ถูกพิกุลต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าวันนั้นแม้จะทำให้อัศวินรู้สึกโกรธแต่ก็เพียงเล็กน้อย เพราะที่มากกว่าคือเขารู้สึกสนุกสนานที่ได้เห็นท่าทางอารมณ์เสียของหญิงสาวมากกว่า
และการที่อัศวินมองดูทั้งสองแบบนี้ไม่ใช่เพราะพิศวาสพนักงานใหม่ แต่เพราะเขามีเรื่องข้องใจและคิดว่าจะต้องตามหาผ่านเธอเท่านั้น
ส่วนสาเหตุก็มาจากเรื่องเมื่อหลายปีก่อนที่คนรักของเพื่อนสนิทอย่างพยัคฆ์หายตัวไป ครั้งสุดท้ายที่อัศวินพบเธอคือที่โรงพยาบาล อีกทั้งเธอคนนั้นยังเดินออกมาจากแผนกสูตินารีและคนที่อยู่ด้วยก็คือพิกุล
เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยเข้าไปถามเธอแล้วแต่กลับไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่วันนั้นกลับมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นในห้องน้ำของมหาวิทยาลัยแทน
ภาพที่หญิงสาวบริสุทธิ์ถูกเขาใช้นิ้วแยงแหย่จนร้องเสียงหลงฉายวาบเข้ามาในหัวทันทีที่เห็นหน้าเธอ ราวกับเรื่องวันนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน
หลังจากเลิกงานอัศวินสะกดรอยตามพิกุลเผื่อจะได้พบคนที่ต้องการราวกับพวกโรคจิต หญิงสาวอาศัยอยู่ในย่านชุมชนและเมื่อได้ตามเธอมาเขาก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อเช้าพิกุลถึงมาทำงานสายเพราะระยะทางจากร้านของเขาและบ้านของเธอห่างกันพอสมควร
รถยนต์ยี่ห้อหรูราคาแปดหลักจอดอยู่ข้างรั้วไม้เตี้ย เมื่อร่างบางหายเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะมีใครบางคนมาเคาะกระจกรถเขาเบา ๆ มือใหญ่เอื้อมไปลดหน้าต่างลงและได้พบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่มองมาอย่างไม่ไว้วางใจ
“เออ...พ่อหนุ่มมาหาใครเหรอ”
“คือผมเป็นเจ้านายพิกุลน่ะครับ ไม่รู้ว่าคุณน้าจะรู้จักไหม” อัศวินตอบเสียงเรียบพลางยกชื่อหญิงสาวขึ้นอ้างโดยไม่ขออนุญาตเจ้าตัวแต่อย่างใด
“หื้อ หรือว่าคุณคือเจ้าของร้านอาหาร” พรพรรณที่เพิ่งกลับจากบ้านข้าง ๆ เห็นรถยนต์มาจอดอยู่หน้าบ้านตัวเองจึงเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามดูเสียหน่อย แต่ไม่ยักรู้ว่าเจ้านายลูกสาวจะมีน้ำใจถึงขั้นมาส่งกันถึงบ้านทั้งที่ระยะทางค่อนข้างห่างไกล
“อ่า...ใช่ครับ”
“ตายจริง งั้นเชิญเข้าบ้านเราก่อนดีไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยจ้ะ เข้ามา ๆ เดี๋ยวน้าหาน้ำหาท่ามาให้ดื่มก่อน”
เพราะคิดว่าเขาเป็นคนมาส่งลูกสาวตัวเองในยามค่ำคืน พรพรรณจึงอยากตอบแทนความมีน้ำใจของเจ้านายหนุ่มโดยการเชิญอีกฝ่ายเข้ามาดื่มน้ำในตัวบ้านอย่างใจดี
อัศวินที่เห็นความตั้งใจของหญิงวัยกลางคนก็ยอมลงจากรถ และอีกนัยหนึ่งคือเขาเข้ามาเพื่อต้องการดูว่าด้านในบ้านหลังนี้มีคนที่กำลังตามหาอยู่หรือเปล่า
“แม่ไปไหนมา” พิกุลที่กำลังทำอาหารง่าย ๆ อยู่ในครัวถามขึ้นโดยที่ยังไม่หันกลับมามอง เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในบ้าน
“นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ”
แต่แทนที่มารดาจะตอบคำถาม เสียงนุ่มกลับเอ่ยบอกใครบางคนแทน และเมื่อหญิงสาวหันไปตามเสียงก็พบกับร่างสูงใหญ่ของคนที่ต่อว่าเธอเมื่อเช้านั่งตระหง่านอยู่กลางบ้านหลังเล็ก และนั่นทำเอามีดที่ถืออยู่ในมือแทบร่วง
ทำไมอัศวินถึงได้มานั่งอยู่ในบ้านเธอ ?!
“คุณ!”
“เสียงดังทำไมละเนี่ย” พรพรรณที่เห็นท่าทางตกใจเกินงามของลูกสาวก็ปรามเสียงเบา ก่อนจะเดินไปเอาน้ำดื่มเย็น ๆ มาให้แขก
“เขามาอยู่บ้านเราได้ไง”
“เอ๊ะ...กุล พูดดี ๆ สิลูกเขาอุตส่าห์มาส่ง”
“หา”
“อีกอย่างเขาเป็นเจ้านายเรานะ”
“ก็ใช่...แต่ว่า” พิกุลอึกอักราวกับน้ำท่วมปากเพราะไม่รู้ว่าแม่ตัวเองพูดเรื่องอะไร
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมอัศวินถึงได้มาอยู่ในบ้านและตลอดการเดินทางกลับบ้านพิกุลก็นั่งรถเมล์มาตลอดสาย
ตากลมหันกลับไปมองร่างสูงใหญ่อย่างไม่ไว้ใจ พลางคิดว่าเขาต้องเป็นคนโกหกแม่เธอแน่นอน
“ไปเอาน้ำมาเลยเร็ว ๆ” พรพรรณที่เห็นลูกสาวมัวแต่ยืนนิ่งก็สะกิดแขนเรียวยิก ๆ ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับไปหาอัศวิน
พิกุลมองคนที่นั่งอยู่โซฟาตัวเก่ากลางบ้าน ร่างสูงใหญ่นั่นทำให้บ้านเธอดูแคบลงไปทันตา มือเรียวหยิบน้ำจากตู้เย็นรินใส่แก้วก่อนจะยกไปให้แขกที่เธอไม่ได้เชิญ และเมื่อเข้ามาใกล้เธอก็ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว
“อยู่กันสองคนหรือครับ”
“เปล่าหรอกจ้ะ มีลูกชายอยู่อีกคนหนึ่ง” พรพรรณตอบอย่างไม่คิดอะไรมากเพราะเรื่องที่เธออยู่กับลูกคนแถวนี้ก็รู้กันไปทั่ว
“คุณวินมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอก”
“ถ้างั้นกลับเลยดีไหม เดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” ประโยคที่ออกจากปากพิกุลไม่ต้องตีความก็รู้ว่าเธอกำลังไล่เขา
“จริงสิ น้าขอโทษที่ชวนคุยดึกไปหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เสียงทุ้มตอบกลับทำเอาพิกุลที่เพิ่งเคยได้ยินถึงกับตาโตอย่างเหลือเชื่อ ปกติเห็นแต่จะพูดเสียงดุ ๆ เรียบ ๆ ไหนจะคำสุภาพที่ออกจากปากหยักนั้นอีก แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นเพราะมีเรื่องสำคัญที่เธอต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว
“เดี๋ยวกุลส่งแขกเอง แม่ขึ้นไปพักเถอะ” พิกุลเอ่ยบอกพร้อมยิ้มหวานให้กับผู้เป็นแม่ เพื่อที่พรพรรณจะได้เชื่อว่าต่อจากนี้ตนจะดูแลแขกเป็นอย่างดี ซึ่งพรพรรณที่เห็นอย่างนั้นก็ยอมขึ้นบ้านไปโดยง่าย
และเมื่อลับหลังมารดาเสียงหวานที่ถูกใช้เมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“คุณมาทำไม”
“เปล่านี่”
พิกุลถามคนที่ยังนั่งอยู่กลางบ้านเสียงห้วน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่ต่อสักนิด เช่นเดียวกับท่าทีสุภาพเรียบร้อยจอมปลอมเมื่อกี้ก็หายวับไปกับตา
นี่สิถึงจะเป็นอัศวินที่เธอรู้จัก...