บทนำ
ร่างเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คสีดำสุภาพ นั่งเหม่อลอยรอรถเมล์เพื่อกลับบ้านท่ามกลางอากาศร้อนชื้น ควันรถสีทะมึนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณปะปนกับเสียงเครื่องยนต์สี่ล้อแล่นเต็มท้องถนน
พิกุลหวนคิดไปถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอเพิ่งไปสัมภาษณ์งานร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเปิดรับสมัครตำแหน่งที่เธอต้องการ และรุ่นพี่ที่แนะนำยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านไม่ได้ดูแค่วุฒิการศึกษาแต่เน้นประสบการณ์ทำงานและนั่นหมายความว่าเธอมีสิทธิ์ อีกอย่างเงินเดือนที่ได้รับก็ยังมากกว่าร้านอื่นอีกเป็นเท่าตัว
พิกุลได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รีรอยื่นเรซูเม่เข้าไปทันที เนื่องจากร้านที่ทำอยู่ทั้งกดขี่และข่มเหง หรืออาจเป็นเพราะเธอจบแค่ปริญญาตรีท่ามกลางเพื่อนร่วมงานทั้งหมดที่จบจากต่างประเทศ พิกุลไม่ได้ตัดพ้อน้อยใจว่าโปรไฟล์เธอด้อยกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะคนทั้งร้านเล่นโยนงานมาไว้ที่เธอเพียงคนเดียวนี่สิ
“คุณพิกุลค่ะ” เสียงพนักงานคนหนึ่งเรียกชื่อเธอให้เข้าไปในห้องที่ผู้สมัครคนก่อนหน้ากำลังเดินออกมา
ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่ออาการตื่นเต้นมาเยือนจนจังหวะหัวใจเต้นระรัว ทั้งที่เธอผ่านการสัมภาษณ์งานมาตั้งมากแต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
พิกุลก้าวเข้าไปในห้องทำงานเย็นเฉียบของเจ้าของร้านอย่างสุภาพเพื่อหวังให้เป็นที่ประทับใจ แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นดวงตาคู่สวยก็ต้องเบิกกว้าง เพราะด้านหน้าเธอคือรุ่นพี่มหาวิทยาลัย และเธอก็ยังคุ้นหน้าคร่าตาเขาเป็นอย่างดีแม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกัน แต่มากกว่านั้นคือเธอไม่ชอบขี้หน้า!!
“นั่งลงสิ”
“อ่า...ค่ะ”
“อยากมาเป็นผู้ช่วยเชฟ”
“ใช่ค่ะ”
“นี่คือวุฒิการศึกษาเหรอ”
“ใช่ค่ะ มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“เปล่าหรอก แค่ไม่คิดว่าจะมีคนมาสมัครจริงๆ”
คิ้วสวยขมวดยุ่งเมื่อคำพูดที่ออกจากปาก อัศวิน มันคล้ายกับกำลังดูถูกเธอ และฟังแค่นี้พิกุลก็รู้แล้วว่าตัวเองต้องชวดงานนี้อย่างแน่นอน
มันก็จริงอย่างที่เขาว่าเพราะปกติคนที่ทำงานสายนี้ส่วนใหญ่จะจบจากสถาบันชื่อดัง หรือไปเรียนต่อสถาบันเฉพาะทางที่ต่างประเทศ แต่เธอจะไปทำอย่างนั้นได้ที่ไหนกัน
ฐานะทางบ้านเรียกได้ว่าย่ำแย่ถึงขั้นติดลบ เธอต้องทำงานเก็บเงินและส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่เด็กเพราะหนี้สินที่มีอยู่ท่วมหัว กว่าจะเรียนจบมาได้ก็เรียกว่าเลือดตาแทบกระเด็น
จากชีวิตที่คิดว่าเรียนจบมาแล้วจะสวยหรู แต่เปล่าเลย เธอยังทำงานพาร์ทไทม์มาตลอดไม่ได้มีหน้าที่การงานก้าวหน้าแต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนบังเอิญได้เจอรุ่นพี่ที่สนิทกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย แล้วเขาก็แนะนำให้มาสมัครงานที่นี่ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านเน้นคนมีประสบการณ์เธอน่าจะผ่าน แน่นอนว่าพิกุลไม่ลังเลที่จะยื่นใบสมัครโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านคือใครด้วยซ้ำ
“รู้ไหมว่าโปรไฟล์เธอด้อยมาก”
“อ่า...ค่ะ”
“แล้วคิดว่าตัวเองจะผ่านไหม”
พิกุลนิ่งไปสักพักเมื่อได้ยินคำถาม ถ้าเป็นคนอื่นเธออาจคิดในแง่ดีว่าเขาอยากทดสอบไหวพริบปฏิภาณเธอ แต่กับคนตรงหน้าที่ถามพร้อมรอยยิ้มร้ายแบบนั้นพิกุลคิดว่าเขากำลังดูถูกเธอมากกว่า
ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตอบกลับ โดยไม่สนแล้วว่าตัวเองจะได้งานนี้หรือไม่
“ไม่ทราบสิคะ ก็คงแล้วแต่ว่าเจ้าของร้านจะพิจารณายังไง ที่ฉันมาสมัครที่นี่เพราะเห็นคุณสมบัติเปิดกว้าง อีกอย่างถ้าจะเลือกจากตรงนั้นก็ควรระบุให้ชัดเจนนะคะ คนอื่นเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“เสียเวลา?”
“ค่ะ เสียเวลา” พิกุลพูดเสียงหนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัวเพราะเธอรู้ตัวดีว่ายังไงอัศวินก็ไม่จ้างงานเธอแน่นอน
“ปากเก่งจังเลยนะ”
“ไม่หรอกค่ะ แค่พูดความจริง”
เธอไม่โกรธหรอกถ้าหากไม่ผ่านพิจารณาเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก และพิกุลก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาดูถูกตัวเองเหมือนกัน
ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนสุดท้ายก็เป็นเธอที่หลบสายตาไปก่อน เพราะนัยน์ตาสีรัตติกาลที่มองมามันทำให้รู้สึกประหลาดในอกชอบกล
“เชิญ” อัศวินไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาพูดแค่นั้น ก่อนที่พิกุลจะยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วก้มหัวให้เขาเล็กน้อยและเดินออกไป
“สนุกแน่พิกุล”
หลังจากแผ่นหลังบางลับสายตาคนตัวโตในห้องก็พึมพำออกมาคนเดียว