EPISODE 02
นี่อาจเป็นประโยคที่ล้านแล้วล่ะมั่งที่ผมใช้ถามตัวเองอยู่แบบนี้ แต่ถามให้ตายยังไงตัวผมก็ไม่สามารถนึกออกเลยว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน หรือมีความสำคัญกับผมอย่างไร
ผมพยายามนึกมาตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่เหมือนยิ่งนึกมากเท่าไหร่ ภายในหัวสมองก็กลับปิดตายเรื่องของเธอมากเท่านั้น จนบางครั้งผมก็หงุดหงิดตัวเองนะ ที่ทำเรื่องไรสาระแบบนี้
ในเมื่อนึกไม่ออกผมก็คงต้องปล่อยมันไป ผมจัดการเช็กตัวเองหน้ากระจกอีกหลังก่อนจะหยิบเสื้อสูทสีดำขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องนอน ตรงไปยังห้องทำงานที่สั่งให้ดารากานต์ไปบอกให้ลูกน้องของผมไปรอที่ห้องนั้น
ผมผลักประตูบานไม้สีน้ำตาลที่สลักเป็นรูปมังกรทอง ก็เห็นว่ามีร่างสูงของชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมยืนรออยู่ก่อนแล้ว
และข้างตัวของอีกฝ่ายนั้น มีร่างบอบบางของดารากานต์ยืนอยู่ด้วยเช่นกัน และนั้นทำให้ผมถอนให้ออกมาด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าที่เรียบเฉยอยู่แล้วก็ยิ่งเรียบเฉยจนกลายเป็นเย็นชา และไม่ใช่แค่ใบหน้าที่เย็นชาจนคนมองรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่รวมไปถึงสายตาเย็นชาที่ผมใช้มองไปทางเธอ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงห้วน
“ออกไป!”
“แต่กานต์แค่อยากมาดูแลคุณพลค่ะ กานต์กลัวว่า...” เหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่างที่ผมไม่สนใจจะฟังเลยสักนิด ไม่ว่าเธอจะกำลังพูดอะไรออกมา ถ้าผมไม่ต้องการจะฟังเธอก็ไม่มีสิทธิ์พูด
“กลับไปในที่ของเธอซะดารากานต์! ถ้ายังอยากอยู่ที่นี้นานๆ” ผมบอกกับเธอเสียงเข้ม และใช่ผมกำลังไม่พอใจที่เธอกำลังล้ำเส้นที่ผมเป็นคนขีดไว้ และอีกอย่างเธอไม่ได้มีค่ามากพอที่ผมจะต้องรักษาน้ำใจของเธอ เป็นแค่คู่นอนอย่าสะเออะมาสั่งผม
“...ค่ะ!”
และหลังจากที่เธอฟังที่ผมพูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้องช้าๆ แต่ใบหน้าของเธอที่เดินผ่านผมไปนั้นทำท่าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ก็ดีจะได้รู้จักจำซะบ้างว่าเวลาไหนควรทำยังไง และอย่าคิดว่าผมจะสงสารท่าทางจะร้องไห้แบบนั้นของเธอ หึ! มารยาผู้หญิง ต่อให้เรียบร้อยหรือดีแค่ไหนก็หนีไม่พ้นจะต้องใช่มารยาอยู่ดี
“คุณพลให้คุณกานต์ไปเรียกผมมีอะไรหรือครับ” ทองเอกลูกน้องคนสนิทของผมเอ่ยถามผมในขณะที่ผม ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน
“นายช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนที่ฉันจะประสบอุบัติเหตุให้ฉันฟังได้ไหม ว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องในวันนั้นมีใครอยู่ในเหตุการณ์ในตอนนั้นบ้าง”
ผมถามทองเอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่เคยถามมันเลยสักครั้งเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น และเหมือนว่าอุบัติเหตุในครั้งนั้นจะทำให้ผมรู้สึกเหมือน...ขาดอะไรไปสักอย่าง
อะไรสักอย่างที่ผมก็ตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ รู้แต่ว่ามันมีความสำคัญกับผมมาก มากจนผมขาดมันไม่ได้ มากจนผมกำลังจะรู้สึกเป็นบ้าตายเพราะเอาแต่คิดถึงมันอยู่แบบนี้
“คุณพลพอจำได้แล้วหรือครับ” แต่เสียงทองเอกก็มาดึงสติของผมไว้เสียก่อน
“ไอ้เอก! ก็ถ้ากูจำได้กูจะให้มึงมาเล่าให้ฟังหรือว่ะ” ผมถามมันกลับไปอย่างมีน้ำโห ไอ้นี่! คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วยมันยังจะมากวนประสาทผมอยู่ได้ ผมก็แค่อยากรู้เรื่องราวในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เผื่อมันจะช่วยตามหาสิ่งที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้ก็ได้
“นี่ขนาดคุณพลจำไม่ค่อยได้นะครับ ยังดุขนาดนี้และถ้าจำได้จะขนาดไหนกัน” ทองเอกทำหน้าขยาดใส่ผมขณะที่กำลังพูด
“ไอ้เอกมึงจะเล่าหรือไม่เล่า ถ้าไม่เล่ามึงเตรียมตัวเก็บของออกไปเลยกูไล่มึงออก” ผมบอกมันเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะชี้นิ้วไปทางประตูห้องที่ผมเดินเข้ามาเมื่อไม่นานนี้
“โอเคครับๆ ผมจะเล่าเดี๋ยวนี้แหละครับคุณพล อย่าอารมณ์เสียเลยครับ” ทองเอกที่เห็นผมไม่ได้เล่นด้วยกับมัน แสดงสีหน้าดุดันออกมาจนมันรีบเดินมานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานข้างหน้าผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในวันที่เกิดเหตุให้ผมฟัง
และทองเอกเล่าให้ผมฟังว่า ก่อนที่ผมจะประสบอุบัติเหตุนั้นผมมีปากเสียงทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ‘อีฟ’ ผมกับเธอทะเลาะกันรุนแรงมาก มากจนเธอถึงขนาดหนีผมไปไม่ใช่หนีกลับเข้าห้องเหมือนทุกครั้งแต่เธอขับรถหนีออกไป
และผมก็ขับรถตามเธอ และทองเอกยังเล่าอีกในตอนนั้นผมหน้ากลัวมาก ผมขับรถออกไปตามเธอทั้งๆที่ฝนตกหนักทองเอกพยายามห้ามผมแล้วแต่ผมในตอนนั้นกลับไปไม่ฟัง และสุดท้ายจึงเกิดอุบัติเหตุรถผมหลุดโค้ง เนื่องจากถนนลื่นและผมยังขับรถเร็ว
โชคยังดีที่ทองเอกขับตามผมมาห่างๆ เขาจึงช่วยผมทันก่อนที่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเขาก็พาผมมาส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ผมนอนรักษาตัวเกือบสองเดือนเนื่องจากผมสลบไม่ได้สติไปหนึ่งเดือนกว่าๆ พอตื่นขึ้นมาผมก็ใช้ชีวิตปกตินะแต่กลับรู้สึกเหมือนความทรงจำบางช่วง บางตอนของผมนั้นมันขาดหายไปแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะมันคงเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยสำคัญกับผม สมองของผมจึงทำหน้าที่ลบความทรงจำนั้นออกไป
จนกระทั่งผมได้ออกมาจากโรงพยาบาล และกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยมีทองเอกคอยช่วยอยู่ห่างๆ และในคืนนั้นเองที่ผมฝันเห็น ‘เธอ’ ผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน กิริยามารยาทดีราวกับลูกคุณหนู แต่น่าแปลกผมกลับฝันเห็นว่าเธอกำลังยืนร้องไห้ต่อหน้าผม ในตอนนั้นผมเห็นหน้าเธอไม่ชัดเจน
ผมพยายามเดินเข้าไปใกล้เธอแต่ร่างบางก็เดินหนีห่างจากผมไปทุกครั้งที่ผมก้าวเดินไปข้างหน้า ผมทำอะไรได้เลยนอกจากปล่อยให้เธอยืนร้องอยู่แบบนั้น
“...เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ” เสียงทองเอกดังขึ้นมาดึงสติผมให้หวนกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง
“แล้ว...ผู้หญิงที่ชื่ออีฟที่ว่าเธอเป็นใคร ทำไมฉันไม่เห็นจะจำได้เลยว่ามีชื่อของผู้หญิงคนนี้อยู่ในชีวิตฉัน” ผมถามทองเอกกลับไปเสียงเรียบ แต่ผมกลับเห็นหน้าตาที่ไม่ค่อยสบายใจของอีกฝ่าย ทองเอกทำเหมือนไม่อยากให้ผมรู้อะไรบางอย่าง และถ้าให้ผมเดาคงไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงที่ชื่ออีฟแน่นอน