บทที่ 3
ฮูหยินโปรดอย่าคิดสั้น
เหรียญทองแดงไตรกีฬา
จังหวะที่หญิงสาวกำลังกอดปลอบประโลมตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ นางก็สะดุ้งลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนสองสาวใช้ถึงกับตกใจหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ตายแล้ว!”
“ใครตายเจ้าคะฮูหยิน!”
สองสาวใช้ฝาแฝดทวนถามด้วยความงุนงง ใบหน้าเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาอยากรู้ว่าใครตาย ตายที่ไหน ตายอย่างไร ทว่าเหลียงหลินฮวาไม่ตอบใครทั้งนั้นแต่นางกลับวิ่งออกจากเรือนนอนของตนไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวลืมไปเสียสนิทเลย ว่าวันที่ ‘คุณชายน้อย’ เสียชีวิต คือวันที่ท่านโหวเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างแดน และหมกตัวอยู่ในแต่ห้องทำงานเพื่อรีบเร่งจัดการเอกสารที่ค้างคาให้แล้วเสร็จ
ซึ่งก็คือวันนี้นี่เอง วันที่ฮูหยินผู้เฒ่าและคุณชายน้อยจางจ้าวถางไปเที่ยวเล่นนั่งดื่มชายามบ่ายบริเวณทะเลสาบด้านหลังของจวนสกุลจาง ในช่วงที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารว่างนั้น คุณชายน้อยและพี่เลี้ยงชายก็ได้ชวนกันไปพายเรือเล่นในทะเลสาบ
ทว่าพื้นเรือซึ่งทำจากไม้ผุพังจนเกิดรูรั่ว พี่เลี้ยงชายพยายามอุดรูรั่วโดยเอาเสื้ออุดเข้าไปในรู แต่เรือกลับจมลงไป จมลงไป ท้ายที่สุดจึงต้องพาคุณชายจางว่ายกลับเข้าฝั่งซึ่งเป็นระยะทางไกลมาก แต่ตนเองกลับเป็นตะคริวจมดิ่งลงไปในน้ำ คุณชายน้อยลอยคออยู่เหนือผืนน้ำได้ไม่เท่าไหร่ก็จมหายไปพร้อมกับพี่เลี้ยงชายคนสนิท
‘ไม่! ข้าจะปล่อยให้คุณชายน้อยตายไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าคุณชายน้อยตาย ข้าก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน!’
หญิงสาววิ่งเร็วอย่างคนที่เล่นกีฬามาตลอดชีวิต ปั้นแป้ง...อดีตเหรียญทองแดงไตรกีฬา[1] วิ่งเร็วสับฝีเท้าจนสาวใช้ฝาแฝดตามไม่ทัน นางรวบกระโปรงขึ้นสูงก้าวยาวๆ โดยไม่สนใจว่าใครจะมองว่านางไม่เป็นกุลสตรี กระโดดข้ามทุกสิ่งที่กีดขวางอย่างพลิ้วไหว โดยลืมคิดไปว่าร่างนี้หาใช่ปั้นแป้งแต่เป็นร่างในภพชาติใหม่ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยแม้สักครั้งเดียว
“ฮูหยินรอข้าด้วยเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งคิดสั้นนะเจ้าคะฮูหยิน!”
“ฮูหยินได้โปรดทบทวนด้วย ได้โปรดรักชีวิตด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
สองสาวใช้ฝาแฝดเฟยฮุยและเฟยหลงตะโกนเสียงดังลั่นไปตลอดทาง ส่งผลให้สาวใช้และบ่าวไพร่บริเวณนั้นหูผึ่งตาลีตาเหลือกด้วยคิดว่าฮูหยินกำลังจะฆ่าตัวตายอีกแล้ว จึงรีบวิ่งตามสาวใช้ฝาแฝดไปอย่างรวดเร็วนับสิบคน
ทหารยามที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังนั้นก็รีบวิ่งไปรายงานแก่ท่านโหว เพราะเพิ่งได้รับการกำชับจากหัวหน้าทหารยามให้กวดขันความปลอดภัยของฮูหยินเป็นพิเศษ หากมีสิ่งใดที่น่าจะเป็นอันตรายให้รีบแจ้งท่านโหวหรือพ่อบ้านกงทันที
หัวใจเจ้ากรรมแทบร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อมองเห็นเรือลำเล็กลอยคว้างอยู่กลางทะเลสาบ เด็กชายและชายหนุ่มอายุน้อยแสดงท่าทางเป็นกังวล อีกทั้งยังพยายามวิดน้ำออกจากเรือ ทว่าด้วยความไกลจึงไม่อาจส่งเสียงตะโกนมาถึงคนบนฝั่งที่กำลังง่วนกับการจัดอาหารคาวหวานใต้ต้นอู่ถงที่แสนร่มรื่น อีกทั้งยังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
แล้วทันใดนั้นเองเรือก็จมลงจดมิดลำต่อหน้าต่อตาหญิงสาว
“ไม่ทันแล้ว!”
เหลียงหลินฮวาถอดรองเท้า ถอดกระโปรงรุ่มร่ามเหลือเพียงกางเกงสีขาวตัวในก่อนจะกระโจนลงไปในน้ำอย่างไม่รอช้า
ตู้ม!
“ฮูหยิน! ฮูหยินฆ่าตัวตายอีกแล้ว!”
เสียงกระโดดลงน้ำ และเสียงฟูมฟายของสาวใช้ ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าและบ่าวไพร่บริเวณนั้นหันไปมองตามเสียงเป็นตาเดียว ภาพที่เห็นคือฮูหยินหลินฮวากำลังว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่วราวกับปลา สองแขนจ้วงน้ำดำผุดดำว่ายจนทุกคนถึงกับตะลึงงัน
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับมองเลยไปและเห็นว่าหลานชายของตนกำลังเกาะกาบเรือที่จมมิดลงไปในทะเลสาบ ในขณะที่พี่เลี้ยงชายจมหายลงไป
“เสี่ยวจ้าว! เสี่ยวจ้าวจมน้ำ!”
บ่าวรับใช้ชายและทหารมองตามไป จึงรีบกระโจนลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งพุ่งตรงไปหมายจะช่วยคุณชายน้อย อีกส่วนหนึ่งพุ่งตรงไปหมายจะช่วยฮูหยินไม่ให้ฆ่าตัวตาย
ทว่าไม่มีใครว่ายน้ำได้เร็วเท่าเหลียงหลินฮวาเลยสักคน เมื่อไปถึงจุดที่เรือจม นางก็ดำหายลงไปในทะเลสาบก่อนจะกระชากร่างของเด็กชายตัวน้อยขึ้นมา
“คุณชายน้อยทำใจดีๆ ไว้นะเจ้าคะ”
ทว่าเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนกลับสลบไสลไม่ได้สติไปเสียแล้ว หลินฮวาใจหายวูบรีบมองหาพี่เลี้ยงชายทว่ากลับหาไม่เจอ นาทีแห่งชีวิตที่นางต้องตัดสินใจรีบพาคุณชายน้อยเข้าฝั่ง ก่อนที่นางจะหมดแรงและจมหายไปในน้ำพร้อมกับเด็กชายในอ้อมแขน
“ทำใจดีๆ ไว้นะ ทหารกำลังมาช่วยเจ้าแล้ว”
นางส่งเสียงร้องบอกพี่เลี้ยงชายที่จมลงสู่เบื้องล่างทะเลสาบ ก่อนจะรีบว่ายกลับเข้าฝั่งอย่างทุลักทุเล สำเหนียกได้ว่าเรี่ยวแรงของนางกำลังจะหมดลง ถึงอย่างนั้นนางก็กัดฟันฝืนว่ายจนถึงฝั่ง
“คุณชายน้อย!”
เหลียงหลินฮวาวางร่างคุณชายจ้าวถางให้นอนราบลงบนพื้นแห้งและค่อนข้างแข็ง รีบใช้หลังมือแตะไปที่ปลายจมูกเมื่อพบว่าไม่หายใจ นางก็รีบใช้ปากเป่าปากสองครั้ง จังหวะที่กำลังจะกดหน้าอกเด็กชายก็รู้สึกตัวและสำลักน้ำออกมาเสียก่อน
แคก!
แง!
เด็กชายร้องไห้เสียงหลงเมื่อรู้สึกตัว ดวงตากลมโตมองสตรีตรงหน้าก่อนจะโผเข้ากอดเอาไว้แน่น ก่อนที่จะหมดสติเด็กชายเห็นว่าใครว่ายน้ำมากระชากตนให้โผล่ขึ้นเหนือผืนน้ำ และเมื่อฟื้นคืนก็ยังคงเห็นฮูหยินที่ดูแลตน
“ระ...รอดแล้ว!”
เหลียงหลินฮวากอดเด็กชายเอาไว้แน่นเช่นกัน การได้ช่วยชีวิตเด็กชายให้รอดตายจากชะตากรรมที่ถูกขีดเขียนเอาไว้อย่างโหดร้ายทำให้นางรู้สึกตื้นตันใจจนคับแน่นไปทั้งอก ดวงตาพร่าเลือน หัวสมองหนักอึ้ง ก่อนที่ทุกสรรพสิ่งรอบกายจะกลายเป็นสีดำสนิทพร้อมกับสติที่ขาดห้วง
“ท่านแม่! ท่านแม่!”
เด็กชายจางจ้าวถางกอดฮูหยินเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ เด็กชายร้องไห้โฮเมื่อคิดว่ามารดาเลี้ยงกำลังจะตายเพราะช่วยชีวิตตน
ซึ่งจังหวะนั้นเองแม่ทัพโหวก็ปราดเข้ามาอุ้มภรรยาเอาไว้ ก่อนจะใช้มือหนาข้างหนึ่งวางลงบนศีรษะเปียกชุ่มของบุตรชาย เมื่อเห็นว่าบุตรชายพ้นขีดอันตรายแล้วจึงหันไปสั่งทหาร
“พาอาจ้าวกลับไปที่เรือน! แล้วรีบไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!”
ชายหนุ่มวิ่งกึ่งเหาะใช้วิชาตัวเบาพาภรรยาสาวกลับไปที่เรือนอย่างรวดเร็ว เวลานี้ปราศจากสาวใช้ดั่งเรือนร้างเพราะสาวใช้วิ่งตามฮูหยินหลินฮวาไปยังทะเลสาบ และยังวิ่งกลับมาไม่ถึง เขาจึงรีบฉีกทึ้งเสื้อผ้าของภรรยาสาวออกอย่างรีบร้อน ก่อนจะห่อร่างกายที่เย็นเฉียบราวกับศพของนางด้วยผ้าห่มหลายชั้น
“หมอ! หมอมาหรือยัง!”
ตะโกนลั่นด้วยใจคอไม่สู้ดี เพราะร่างเล็กสั่นเทาแม้จะห่อด้วยผ้าห่มถึงสามผืน จนท้ายที่สุดโหวจางก็คลายผ้าห่ม แล้วถอดเสื้อของตนออกก่อนจะรวบร่างเปลือยเปล่ามากอดเอาไว้แน่น หมายจะใช้ไออุ่นของมนุษย์เติมเต็ม
กอดแน่นเบียดแนบชิดจนแทบจะผสานเนื้อหนังให้รวมเป็นหนึ่ง เต้าหวานสล้างกลมกลึงเบียดบี้ลงบนแผงอกกว้างกำยำ ชายหนุ่มดึงผ้าห่มคลุมทับร่างทั้งสองอีกต่อหนึ่ง กระนั้นก็ยังไม่สามารถดับความเย็นในร่างภรรยาลง ทำได้เพียงบรรเทาเท่านั้น
ไอเย็นจากร่างกายเปลือยเปล่าทำให้โหวหนุ่มถึงกับสั่นสะท้านราวกับกอดก้อนหิมะเอาไว้ ยิ่งเห็นใบหน้าไร้เลือดฝาด หัวใจก็ยิ่งหน่วงหนักแทบคลั่ง
“หลินฮวาเจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ”
มือหนาแตะลงที่แก้มเย็นชืด วันนี้เพียงวันเดียวแต่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อภรรยากลับมากมายเสียเหลือเกิน เมื่อเช้าใบหน้าเชิดนิดๆ หยิ่งผยองยามขอหย่าของภรรยาทำให้เขานึกเอ็นดู ทว่าไม่กี่ชั่วยามต่อมาใบหน้าดื้อรั้นนั้นกลับแน่นิ่ง ลมหายใจรวยรินราวกับจะมอดดับ
“อดทนเอาไว้นะหลินฮวา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปโดยเด็ดขาด”
ชายหนุ่มบรรจงจูบลงบนหน้าผากเย็นชืดแผ่วเบา ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังใกล้เข้ามา จึงเดาได้ว่าหมอคงเดินทางมาถึงแล้ว กระนั้นเขากลับไม่ยอมคลายอ้อมกอดยังคงกอดนางเอาไว้กับอกด้วยความห่วงใย
[1] ไตรกีฬา เป็นการแข่งขันว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการหยุดพัก